ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 382

บทที่ 382 จวนอ๋องเจ็ดสูญสิ้น

ทุกคนล้วนปลอดภัย ต่างมารวมตัวกันด้วยความรวดเร็ว อันหลิงหยุนมองอาหยู่และคนอื่นๆ

ทหารรับจ้างของจวนกั๋วกงมีความรวดเร็วเป็นเลิศ หยุนโล่ชวนสวมชุดเกราะแล้วเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าอันหลิงหยุนไม่เป็นไร หยุนโล่ชวนจึงโบกมือส่งสัญญาณ คนด้านหลังก็นำชุดเกราะแบบพิเศษสำหรับสตรีมีครรภ์ มามอบให้อันหลิงหยุนสวม คนที่เหลือใช้โล่ล้อมเอาไว้โดยรอบ สร้างพื้นที่คล้ายห้องขนาดใหญ่ ทุกคนถูกคุ้มครองอยู่ด้านใน

หยุนโล่ชวนมองอันหลิงหยุน เอ่ยว่า: "พี่สาวชายาอ๋องเสียน โปรดอย่าไปไหนตามอำเภอใจ ที่นี่ในตอนนี้ถือว่าปลอดภัยอยู่มาก ข้าจะไปตามหาพวกเขา"

อันหลิงหยุนเดิมทีคิดที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่เมื่อได้เห็นกงชิงหยิน ที่แต่งกายในชุดผู้ช่วยบังคับบัญชากองทหาร ติดตามอยู่ข้างกายหยุนโล่ชวน จึงค่อยๆระบายลมหายใจอย่างช้าๆ

“ระวังตัวด้วย!”

หยุนโล่ชวนหมุนกายจากไป อันหลิงหยุนได้ยินเสียงภายนอกค่อยๆ สงบลง มีคนเดินเข้ามา: "ทำให้พระชายาเสียน ต้องได้รับความตระหนกตกใจแล้ว ข้าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ท่านอย่างแน่นอน"

ไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่ล่วงเข้าวัยนี้แล้ว เมื่อสวมชุดเกราะจะยังคงมีความงามสง่า น่าเกรงขามถึงเพียงนี้

"ฮูหยินใหญ่กล่าวหนักไปแล้วเจ้าค่ะ เดิมทีข้าก็ไม่ได้เป็นอะไร ฮูหยินเองก็ไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?"

"ข้าสบายดีมาก เรื่องในวันนี้ เป็นเพราะข้าประเมินพวกนั้นต่ำเกินไปแล้วจริงๆ ถึงกับอาจหาญบุกเข้ามาโจมตีถึงจวนกั๋วกงของเราแล้ว"

“ ฮุหยินใหญ่เจ้าคะ จวิ้นจู่ออกไปเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

“ นางยังไม่กลับมา แต่ธนูไม่ได้ถูกยิงมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะพบตัวแล้ว ยิ่งต้องขอบคุณแม่ทัพอันอย่างมากเช่นกัน มิฉะนั้นก็ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำเช่นไรดี”

"ฮูหยินใหญ่ พวกเราไปพักผ่อนก่อนเถิด รอพวกเขากลับมา"

"ได้" ฮูหยินใหญ่ตำหนักกั๋วกง พาอันหลิงหยุนไปที่ห้องโถงอันกั๋วกงพร้อมทั้งชายฉกรรจ์สองสามคนในบ้านนั่งอยู่ที่นั่นแล้ว

"คารวะพระชายาเสียน ท่านแม่"

นอกจากอันกั๋วกงแล้ว สองสามคนที่เหลือยืนขึ้นทำความเคารพ

อันหลิงหยุนรีบกล่าวว่า "ท่านแม่ทัพเกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ"

"พระชายาเสียนเชิญนั่ง" ฮูหยินใหญ่ตำหนักกั๋วกง เชื้อเชิญให้อันหลิงหยุนนั่ง อันหลิงหยุนจึงเดินไปอีกด้าน นั่งลงยังตำแหน่งที่เตรียมไว้

“ฮูหยินใหญ่ก็เชิญนั่งด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

ฮูหยินใหญ่ตำหนักกั๋วกงมองไปที่อันหลิงหยุนเพียงครู่สั้นๆ แล้วจึงเดินไปนั่งลง

อันหลิงหยุนมองออกไปนอกประตู ชิงพูดขึ้นก่อนว่า: "ท่านกั๋วกง ฮูหยินใหญ่ เกรงว่าเรื่องนี้อาจไม่ง่ายดายเช่นนั้น ดูเหมือนว่า พวกเขาได้เร่งเตรียมก่อการนี้ขึ้นมาอีกขั้นแล้ว"

"ข้าได้สั่งปิดกั้นเมืองหลวงแล้ว พวกเขาต้องลงมือจากพื้นที่สักแห่ง ที่อยู่ในตำแหน่งสูงเป็นแน่ หากว่ามีใครเอายาไปด้วย ย่อมสามารถติดตามร่องรอยได้อย่างแน่นอน"

"ยังเป็นท่านกั๋วกงที่คิดการได้รอบคอบยิ่งนัก" อันหลิงหยุนเห็นพ้องอย่างมาก

ใบหน้าของอันกั๋วกงบูดบึ้ง: "ช่างรังแกพวกเราจนเกินไปแล้ว คิดว่าคนของจวนกั๋วกงแห่งนี้ตายกันไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ วันนี้ต้องหาตัวคนให้พบ แล้วมาดูกันว่า ข้าจะจัดการกับพวกนั้นอย่างไร!”

อันหลิงหยุนในยามนี้ก็รออยู่เช่นกัน

หนึ่งชั่วยามต่อมา หยุนโล่ชวนหิ้วศีรษะมนุษย์เดินเข้าประตูมา แม้ศีรษะนั้นจะมีผ้าพันเอาไว้ แต่ด้านในยังคงมีเลือดไหลอยู่

“ ของใคร?” อันกั๋วกงไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

ถ้าอันหลิงหยุนไม่เคยผ่านสงครามมานับร้อย เคยเห็นภาพฉากโลหิตไหลหลั่ง อย่างมากมายมหาศาลล่ะก็ ในเวลานี้ นางคงจะอาเจียนออกมาแล้ว

หยุนโล่ชวนเอ่ยตอบว่า: "กงชิงซวนเย่"

อันหลิงหยุนตะลึงค้างไปชั่วขณะ ท่านรองจากจวนอ๋องเจ็ด ผู้ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งยศเมื่อไม่นานมานี้ อ๋องชินเอิน?

เมื่อนึกไปถึงอ๋องชินหรง อันหลิงหยุนก็คิดถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น

อันกั๋วกงลุกขึ้นยืน: "ตามข้าเข้าไปในวัง"

อันหลิงหยุนไม่รู้สึกอยากเข้าวัง แต่เมื่อเห็นท่าทางของอันกั๋วกงแล้ว หากว่านางไม่ไป ก็ดูเหมือนจะพูดยากเป็นแน่

แต่การเข้าวังไปพร้อมกับศีรษะมนุษย์เช่นนี้ อันหลิงหยุนไม่อาจทำได้จริงๆ

"ท่านกั๋วกง ให้พ่อของข้าตามเข้าไปในวังเถิดเจ้าค่ะ อ๋องตวนในยามนี้ยังต้องมีคนอยู่ข้างๆ ข้าจะอยู่ดูแลท่านอ๋องตวนเอง"

“เช่นนั้นก็ดี”

อันกั๋วกงไม่ได้ฝืนใจต่อ พาหยุนโล่ชวนและศีรษะนั้นตรงเข้าวังไปทันที

แม่ทัพอันเห็นว่าอันหลิงหยุนไม่เป็นไร เขาจึงจากไปเช่นกัน

อ๋องตวนในเวลานี้ นอนพักอยู่ที่เรือนแยก อันหลิงหยุนแวะไปดูอาการเขา เขากำลังนอนอยู่

อันหลิงหยุนเข้าไปตรวจดูอาการ ที่แขนเขาได้รับบาดเจ็บ อันหลิงหยุนถามขึ้นว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

“ กงชิงซวนเย่จะทำร้ายชวนเอ๋อ ข้าหลบไม่ทัน”

“ เช่นนั้นจะรักษาหรือไม่?” อันหลิงหยุนรู้สึกว่าอย่างไรก็ไม่ถึงตาย อยากนอนงีบอยู่บนเตียงต่อ ก็คงต้องมีใครสักสองสามคนอยู่ด้วย

“ มีพิษหรือไม่?”

อันหลิงหยุนตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีพิษ

"ข้าจะพันแผลให้เพคะ" อันหลิงหยุนเริ่มทำตามนั้น นั่งลงมองดูกงชิงหยิน

กงชิงหยินก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน การใช้กำลังภายในสำหรับเขาแล้ว ช่างไม่ถูกเวลาเอามากๆ

อันหลิงหยุนถามขึ้นว่า: "ดูเหมือนว่าจะมีเพียงไม่กี่คน ที่รู้เรื่องพลังยุทธของอ๋องตวนใช่หรือไม่เพคะ?

กงชิงหยินไม่ได้มองนาง เพียงหลับตาลง และนอนหลับไปด้วยใจที่รู้สึกสงบอย่างยิ่ง

อันหลิงหยุนรู้ดีว่ากงชิงหยินไม่เต็มใจจะพูด อีกทั้งไม่อยากยุ่งเรื่องของผู้อื่น

วันต่อมา หยุนโล่ชวนก็กลับออกมาจากวัง

หยุนโล่ชวนเห็นอันหลิงหยุน จึงค้อมกายลงคำนับ: “พี่สาวพระชายาเสียน”

เมื่อได้ยินว่าหยุนโล่ชวนกลับมาแล้ว กงชิงหยินก็ลืมตาขึ้นทันที อันหลิงหยุนรู้สึกว่าหากอยู่ต่อ ก็คงเป็นก้างขวางคอเปล่าๆ จึงลุกขึ้นจากไปแต่โดยดี

หลังออกประตูไป อันหลิงหยุนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางยังสวมชุดเกราะอยู่

จวนกั๋วกงจัดเตรียมที่พักไว้ให้อย่างพร้อมสรรพ  อันหลิงหยุนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ออกมาจากห้อง แม่ทัพอันก็กลับเข้ามาแล้ว

พ่อและลูกสาวได้พบหน้ากัน แม่ทัพอันเอ่ยขึ้นว่า: “หยุนหยุน เมื่อครู่ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ทำการตรวจสอบยึดทรัพย์จวนอ๋องเจ็ด พร้อมทั้งเนรเทศคนทั้งตระกูล ยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนอ๋องเจ็ดจนหมดสิ้น”

"ถือเป็นโทษสถานเบาแล้วล่ะ แต่ไฟป่าเผาไหม้อย่างไรก็ไม่สิ้น สายลมวสันต์โชยพัดหวนคืนใหม่ ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาและน้ำพระทัยยิ่งใหญ่ ทรงยอมปล่อยพวกเขาไป พวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะละเว้นพระองค์

รอให้พวกเขาถูกช่วยเหลือออกไปเสียก่อนเถอะ ฝ่าบาทก็จะทรงรู้พระองค์แล้วว่า พระองค์คิดผิด "

"ฝ่าบาทไม่ผิดหรอก ที่ผิดคือพวกเขาเกิดผิดที่ต่างหาก" แม่ทัพอันพูดจบ สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกจนใจ อันหลิงหยุนเองก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน

เรื่องของราชนิกูลไม่ใช่เรื่องดีที่ได้ล่วงรู้ เรื่องของจวนอ๋องเจ็ดนั้น ไม่ใช่ความหนาวเย็นเพียงวันเดียวจะก่อให้เกิดน้ำแข็งขึ้นได้ มันสะสมหมักหมม เป็นฝีที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้ว แต่เพิ่งจะมาแตกให้เห็นเลือดเห็นหนองเอาวันนี้ ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะทรงยอมปล่อยพวกเขาไป ในใจพวกเขาก็ใช่ว่าจะรู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณ

แต่ถ้าจะกล่าวไป หากฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่ใช่จักรพรรดิที่ทรงฉลาดหลักแหลม เปี่ยมด้วยน้ำพระทัยแล้ว พระองค์ก็คงไม่อาจเป็นจ้าวเหนือหัวของประเทศต้าเหลียงได้

ถ้าแม้แต่บรรดาราชนิกูลในตระกูลของตนเอง ก็ยังไม่อาจทรงปฏิบัติด้วยท่าทีที่เมตตาได้แล้วใครจะเชื่อว่า พระองค์จะทรงเป็นราชาที่มีคุณธรรมได้กันล่ะ?

ฮ่องเต้ชิงหยู่ต้องมีแนวทาง ในการเป็นฮ่องเต้ของพระองค์เอง เหล่าขุนนางที่ทำงานรับใช้ จึงจะมีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป

“พ่อ ข้าอยากนอนพักสักครู่ อยากกลับไปพักผ่อน ในช่วงเวลานี้ คนพวกนั้นคงไม่อาจย้อนกลับมาก่อเหตุได้หรอก รีบไปช่วยคนก่อนจะเป็นการดีกว่าเจ้าค่ะ”

"อื้ม! ไปกันเถอะ กลับบ้านกับพ่อ จวนกั๋วกงก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน!"

แม่ทัพอันดึงอันหลิงหยุนกลับไปยังจวนแม่ทัพก่อน

อันหลิงหยุนนอนหลับไปหนึ่งวัน จึงค่อยลุกตื่นขึ้นมา เพิ่งตื่นก็ได้ยินแม่ทัพอันพูดว่า: “คนในจวนอ๋องเจ็ด ตายในคุกจนหมดสิ้นเพียงชั่วข้ามคืน”

อันหลิงหยุนตื่นตระหนกจนตัวแข็งทื่อ : "ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ?"

แม่ทัพอันถอนหายใจ:“ กลัวก็แต่คนข้างนอกจะลือกันไปว่า เป็นพระกรุณาจอมปลอมของฮ่องเต้ ทำทีว่าจะปล่อยคนไป แต่กลับแอบฆ่าลับหลัง”

“ พ่อ ในคุกหลวงมีใครเข้าไปได้หรือไม่?”

"ยังไม่ชัดเจนว่ามีใครเข้าไปได้หรือไม่ แต่สถานที่ที่คุมขังคนของจวนอ๋องเจ็ด คือต้าจงเจิ้งย่วน คนอยู่ในต้าจงเจิ้งย่วนแท้ๆยังเกิดเรื่องได้ แล้วจะยังมีที่ไหนอีกที่จะเกิดเรื่องไม่ได้?"

แม่ทัพอันเป็นกังวลอย่างชัดเจน: “ หยุนหยุน พวกนั้นลงมือในจวนกั๋วกง ย่อมมีเป้าหมายที่พวกเจ้า จวนกั๋วกงยามนี้จัดเตรียมกำลังเต็มที่ คอยคุ้มกันอ๋องตวนแน่นหนา แต่กับเจ้า ... พ่อเป็นห่วงเหลือเกิน!”

"พ่อ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ วันนั้นท่านไม่เห็นหรือว่า แม้แต่ราชาอีกาก็ยังปกป้องข้าด้วยน่ะ? บวกกับกองทัพตระกูลอันของพ่ออีก ยังมีสิ่งใดต้องกลัวอีกเจ้าคะ?

อย่างที่เขากล่าวกันว่า เป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์​ แต่ถ้าเป็นคราวเคราะห์ อย่างไร​ก็หลบไม่พ้นนะเจ้าคะ"

“หากชีวิตข้าต้องดับดิ้น จะปกป้องแค่ไหนก็รั้งไม่อยู่ หากชีวิตข้าควรจะได้อยู่ จะตัดอย่างไรก็ไม่ขาด! ”

แม่ทัพอันผงะไปชั่วขณะ ผ่านไปนานจึงค่อยพูดขึ้นว่า "หยุนหยุน พ่อไม่ได้ยินใครพูดแบบนี้มานานแล้ว เจ้ากับแม่ของเจ้าช่างเหมือนกันเสียจริงๆเลย"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน