ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 393

บทที่ 393 ลูกเขยที่ดี

อันหลิงหยุนอยากร้องไห้มาก สูดลมหายใจเข้าจมูก โยนโคมไฟที่อยู่ในมือมองเดินไปทางกงชิงวี่อย่างรวดเร็ว

อาหยู่รีบไปเก็บโคมไฟขึ้นมา

อันหลิงหยุนวิ่งขึ้นมาหัวใจของกงชิงวี่เกือบจะร่วงออกมา เขารีบเดินไปสองสามก้าว ใช้วิชาตัวเบา อุ้มอันหลิงหยุนเอาไว้

แม้กระนั้น อันหลิงหยุนก็ยังจะกระโจนเข้าไป

กงชิงวี่คว้าคนที่วิ่งเข้ามาๆกอดเอาไว้ หัวใจปวดร้าวราวกับมีดกรีด

“ห้ามทำวุ่นวาย อยู่เฉยๆหน่อย!” กงชิงวี่เป็นห่วงจนพูดเสียงดังกับนาง อันหลิงหยุนส่ายหน้าอย่างแรง แสดงให้รู้ว่านางไม่เอา

กองทัพแด่ฉีที่มองพวกเขาอยู่ด้านข้างก็หัวเราะเสียงดังออกมา

อาหยู่ก็หัวเราะตาม

ราชาอีกาสงบนิ่งไม่ขยับเขยื้อน อีกาดำน้อยบินวนบนหัว จิ้งจอกหางสั้นดูเหมือนจะเคยชินแล้ว หมอบอยู่ในรถม้าเหลือบมองทั้งคู่อย่างไม่แยแส

กงชิงวี่อุ้มอันหลิงหยุนเข้าไปยังรถม้า จิ้งจอกหางสั้นลุกขึ้นลอดตัวออกไป เพื่อที่จะหาที่ดีๆ มันวิ่งไปหาอาหยู่อย่างรวดเร็ว หมอบอยู่บนไหล่อาหยู่

“รีบเดินทางกลับ” กงชิงวี่สั่งอยู่ในรถม้า อาหยู่ขึ้นไปนั่งบนรถม้า บังคับรถม้าเดินทางกลับไป กองทัพแด่ฉีขึ้นม้าคอยคุ้มกัน

อันหลิงหยุนเข้าไปในรถม้ากงชิงวี่ไม่พูดพร่ำทำเพลงดึงเสื้อผ้าของนางออก ลูบไล้ท้องป่องของอันหลิงหยุนก่อน จากนั้นก้มหน้าจูบลงไป อันหลิงหยุนรีบกัดริมฝีปาก ใช้มือปิดปากเอาไว้ นางกลัวสิ่งนี้ที่สุด กลัวว่าจะมีเสียงเล็ดลอดออกไป ให้คนอี่นได้ยิน กงชิงวี่แรงเยอะ อันหลิงหยุนทนทานไม่ไหว

นางใช้มือผลักออก กงชิงวี่ลุกขึ้นจูบปากนางกะทันหัน ใช้เสื้อผ้าบังไว้ให้อันหลิงหยุน หลังจากแยกจากกันก็กอดคนเอาไว้ในอ้อมแขน

สองผัวเมียไม่มีใครส่งเสียง กอดกันไว้อย่างนั้น

คนที่อยู่นอกรถม้าไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในรถม้า รถม้าวิ่งกลับไปตลอดทาง

มาถึงโรงเตี๊ยมสำหรับข้าหลวงตอนเช้ามืด

อันหลิงหยุนถูกกงชิงวี่อุ้มลงจากรถม้า เข้าไปในโรงเตี๊ยมสำหรับข้าหลวง

ทั้งสองไม่ออกมาทั้งวัน กองทัพแด่ฉีมาถึงโรงเตี๊ยมสำหรับข้าหลวงก็จากไปก่อนแล้ว

เวลากลางคืนอันหลิงหยุนถึงตื่น กงชิงวี่ยังคงอาลัยอาวรณ์ร่างกายของนางกอดเอาไว้แล้วจูบ

อันหลิงหยุนนึกเสียใจที่ออกมาตามหาเขา เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว คนคนนี้ช่างไม่มีความละอาย ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์......

สรุปก็คือหน้าไม่อาย

อันหลิงหยุนลืมตาขึ้น กงชิงวี่ก็ปิดปากนางทันที และก็ไม่สนว่านางจะยินยอมหรือไม่ ถอดเสื้อผ้าของเขาออกก่อน เขาลุกขึ้นก็ก้าวข้ามเข้ามาในบ่อน้ำนาง

อันหลิงหยุนหลบเลี่ยงไม่ทัน ผลักไม่ออกทำได้เพียงส่ายหน้า

“อา อา.......” ลูกกระเดือกกงชิงวี่กลิ้งไปมา ยิ้มออกมาพอใจ นิสัยตรงไปตรงมาของอันหลิงหยุนยอมแพ้ที่จะปฏิเสธไป กอดศีรษะกงชิงวี่เอาไว้ ก้มหน้าลงไปมองเขา

ทั้งสองพันผูกกันอยู่อย่างนั้นครึ่งชั่วยาม กงชิงวี่ไม่เต็มใจปล่อยอันหลิงหยุนนอนลงไปอย่างนั้น

นอนหลับไปอย่างนี้ก็ผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว อันหลิงหนุนก็เหนื่อยแล้ว

ตื่นเช้ามาทั้งสองถึงออกจากโรงเตี๊ยมข้าหลวง

ผ่านไปหนึ่งวันทั้งสองกลับไปถึงเมืองหลวง

ลงมาจากบนรถม้าอันหลิงหยุนตามกงชิงวี่เข้าประตูไป นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ขยิบตาให้จิ้งจอกน้อย จิ้งจอกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

กงชิงวี่เลิกคิ้วเหลือบมองอันหลิงหยุน “ใครอยู่ข้างใน?”

อันหลิงหยุนนึกขำ “ไม่มีใคร”

“หากข้าหาเจอดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร” กงชิงวี่เข้าไปในลาน พ่อบ้านรีบร้อนมาข้างหน้า

“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว?”

“ยังไม่กลับมาได้อย่างไรอีก จะพากันขึ้นฟ้าไปหมดแล้ว!” ในตอนท้ายกงชิงวี่ถามไปหนึ่งคำ “ใครมา?”

“เรื่องนี้?” พ่อบ้านเหงื่อท่วมหัว

กงชิงวี่ตรงไปที่ลานโอวหลาน แต่แล้วเขาก็ยังเร็วไม่เท่าจิ้งจอกหางสั้น เข้าไปไม่เจออะไรเลย

จากนั้นอันหลิงหยุนไปที่ตำหนักจู๋หยุน นางไปดูพ่อนาง

วันนี้แม่ทัพอันก็ยังเคืองอยู่ เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ผู้ทรงเกียรติ กลับถูกสาวน้อยคนหนึ่งหลอกเอาได้

เมื่ออันหลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นแววตาแม่ทัพอันก็แสดงออกถึงความยินดีทันที

“หยุนหยุนกลับมาแล้ว?”

อันหลิงหยุนตื้นตันจนอยากร้องไห้ นางหลอกพ่อของนาง แต่พ่อของนางกลับไม่โกรธเลยสักนิด

ยังตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นนางขนาดนั้น

อันหลิงหยุนเช็ดตาที่กำลังจะร้องไห้ นั่งลงไปให้แม่ทัพอันกินยาเข้าไปหนึ่งเม็ด แม่ทัพอันรู้สึกหายดีอย่างรวดเร็ว

รีบลุกขึ้นมาปลอบอันหลิงหยุน “พ่อสบายดี ร้องไห้ทำไม หรือว่าลูกเขยเกิดเรื่องอะไร? อย่าร้อง พ่อจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้ เขาจะต้องไม่เป็นไรแน่”

อันหลิงหยุนส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมา “เขาไม่เป็นไร สบายดี เพียงแต่ข้าเอาแต่ใจหนีไป ทำให้ท่านพ่อลำบาก ในใจรู้สึกผิดมาก”

“เหลวไหล พ่อนอนอยู่ที่นี่ไม่รู้สบายมากแค่ไหน ไม่เป็นไร พ่อสบายดี

พ่อจะไปดูลูกเขยก่อน” แม่ทัพอันรีบลุกขึ้นลงมาจากเตียง สวมเสื้อนอกเสร็จก็ไปหากงชิงวี่เลย

หยุนจิ่นกุมมือทั้งคู่ของนางไว้ตรงหน้า โค้งตัวลงไปคำนับ “เจ้านาย”

อันหลิงหยุนหันกลับไปมองครู่หนึ่ง “พ่อข้ารับมือยากใช่ไหม?”

หยุนจิ่นจนปัญญา “ปกติดูเหมือนแม่ทัพอันจะไม่ใส่ใจกับเรื่องใดๆ แต่เรื่องของเจ้านายเขารับมือได้ยากมากกว่าใครๆ พวกเราพยายามอย่างเต็มที่ก็หลอกเขาไม่ได้ เขายังวางกลอุบายกับเรา ฉลาดมากจริงๆ กลัวว่าแม่ทัพอันจะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น”

“สิ่งที่คนนอกไม่รู้มีเยอะมาก หยุนจิ่น เจ้าก็อย่าพูดออกไป รู้เอาไว้ก็พอ” อันหลิงหยุนไม่อยากวุ่นวาย

“หยุนจิ่นทราบแล้ว”

อันหลิงหยุนออกจากประตูก็ไม่เห็นพ่อแม่ทัพของนางแล้ว

อันหลิงหยุนไปหา ที่ลานโอวหลานเห็นพ่อตาลูกเขยสองคน

แม่ทัพอันกำลังถาม “ลูกเขยเจ้าทำไมกลับมาเร็วเช่นนี้ ข้าส่งพิราบสื่อสารไปเข้าไม่ได้รับหรือ?”

“ได้รับแล้ว ดังนั้นถึงได้รีบเร่งกลับมา ข้า(ลูกเขย)รู้นิสัยหยุนหยุนเป็นอย่างดี นางบอกว่าจะหา จะต้องไม่รออยู่ที่บ้านแน่

โชคดีที่ได้ท่านพ่อตาเกลี้ยกล่อมหยุนหยุนเอาไว้ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หากหยุนหยุนไปก่อนสองวัน แล้วข้ารีบกลับมาไม่ทัน ข้าไม่กล้าคิดเลย จะมีผลอะไรตามมา”

“บางครั้งหยุนหยุนก็เอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่ก็เป็นเพราะว่านางก็คิดถึงเจ้า เจ้าไปนานขนาดนั้น และก็ไม่ตอบจดหมายนาง นางก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

“ท่านพ่อตาพูดถูก วันหน้าหากว่าข้า(ลูกเขย)ออกจากบ้าน จะต้องส่งจดหมายมาให้หยุนหยุนมาเป็นระยะๆแน่”

“อืม เช่นนั้นดีที่สุด เจ้าเพิ่งจะกลับมาไปพักผ่อนเถอะ ข้าก็ควรจะกลับไปแล้ว”

อันหลิงหยุนกำลังคิดจะขวางเอาไว้ กงชิงวี่ก็กล่าวว่า “อยู่ต่อเถอะ ครอบครัวเรากินข้าวด้วยกันซักมื้อ พูดคุยกัน ช่วงเวลานี้ข้า(ลูกเขย)ไม่อยู่ ทุกอย่างต้องพึ่งพาท่านพ่อตา ท่านพ่อตาก็ลำบากมาก

ข้า(ลูกเขย)คิดว่า รออีกสักพัก ก็จะรับท่านพ่อตามาที่จวน อย่างไรซะท้องนี้ของหยุนหยุนจะคลอดออกมากี่คนก็พูดได้ยาก ไม่มีคนอยู่ข้างกายคงไม่ได้

หากท่านพ่อตาอยู่ด้วย สามารถดูแลได้บ้าง

รอลูกคลอดออกมาแล้ว พ่อตาก็ต้องช่วยเลี้ยงหลาน รอให้โตสักหน่อยก็พาไปที่จวนแม่ทัพ พ่อตาจะได้สอนวิชาการต่อสู้ให้พวกเขา

อันหลิงหยุนยิ้ม คิดไม่ถึงว่ากงชิงวี่จะพูดเช่นนี้ พูดจนทำให้พ่อของนางเต็มไปด้วยการมีตัวตน

คำก็ท่านพ่อตาสองคำก็ท่านพ่อตา พ่อนางยิ้มจนดอกไม้จะบานอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่พูดถึงเรื่องของลูก ก็พูดเข้าไปในใจอันหลิงหยุนจริงๆ นางยังมีความสุขเต็มหัวใจ

แม่ทัพอันกลับลำบากใจแล้ว “ทำเช่นนั้นไม่ได้ พวกเขาเป็นเชื้อพระวงศ์ จะทำลวกๆสะเพร่าไม่ได้ ส่วนเรื่องที่จะไปจวนแม่ทัพ ไปเที่ยวเล่นได้ แต่อย่าไปอยู่ถาวร วิชาการต่อสู้ค่อยๆเรียนรู้ได้ ปูพื้นฐานให้ดีแต่เด็กก็พอ จะให้ทุกคนฝึกจนเป็นนักรบได้อย่างไร

ประเทศต้าเหลียงต้องการคนมีความสามารถ ไม่ใช่นักรบ

ต้องคอยระมัดระวังในการอบรมเลี้ยงดู เพื่อทำคุณประโยชน์ให้ประเทศต้าเหลียงถึงจะถูก”

แม่ทัพอันตั้งความหวังในตัวหลานๆเอาไว้สูง จึงไม่อาจจะสะเพร่าได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน