ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 488

บทที่ 488 ระดมทุน

“ก็แค่นี้แหละ ไม่สามารถระดมทุนตลอดได้ ฮ่องเต้อยากจะทรงตรัสเพียงแค่ครั้งเดียว อย่างน้องก็ไม่ต้องบริจาคเงินอีกสักสองปี

ไม่ให้เงินเดือน แล้วจะเอาอะไรมาระดมทุน

ภาษีที่เก็บจากราษฎรต้าเหลียง ในราชสำนักก็ไม่ได้มีที่มาที่ไป จึงทำได้เพียงแค่คัดลอก”

ท่านถางพยักหน้า: “เป็นเช่นนี้จริงๆ......ต้องใช้ทั้งหมดกี่กล่อง พระชายารู้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

“คำนวณดูแล้ว หากเป็นตั๋วเงิน กล่องใบใหญ่ใบเดียวก็พอแล้ว แต่ว่าเป็นเหรียญเงินปลอดภัยกว่า ไม่ต้องกลัวไฟไหม้ ไม่กลัวน้ำ”

อันหลิงหยุนพูดประโยคนี้ ทำให้ท่านถ่งเกือบหัวเราะออกมา แต่เหรียญเงินเยอะขนาดนี้ ทำให้ท่านถางรู้สึกขำไม่ออก แต่เป็นหยุนจิ่นที่ลองคำนวณดูหยาบๆ

“เจ้านาย ตอนนี้ในบัญชีของพวกเรามีเงินเก็บอยู่ห้าล้าน”

อันหลิงหยุนหันมองหยุนจิ่น แล้วก็หันไม่บอกอาหยู่ที่นั่งอ้ำอึ้ง: “อาหยู่ ในตอนแรกที่ข้าใช้เงินห้าพันซื้อคนคนหนึ่งกลับมา เจ้าคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่?”

อาหยู่สีหน้าตกใจ แล้วรีบพยักหน้า: “คุ้ม คุ้มมากพ่ะย่ะค่ะ”

หยุนจิ่นเกรงใจ จึงก้มหน้าหัวเราะ

อาหยู่หน้าแดง: “ดูเหมื่อนว่าหม่อมฉันจะไม่คุ้มค่า”

“อืม ก็ประมาณนั้น” อันหลิงหยุนเองก็ไม่เกรงใจ อาหยู่สีหน้าหมองหม่นทันที

อันหลิงหยุนไม่ล้อเล่นแล้ว นางหันมองท่านถาง: “ท่านถางเห็นว่าเป็นอย่างไร?”

“ถ้าหากพวกเรามีอยู่ห้าล้านแล้ว ที่เหลือก็น่าจะพอระดมทันได้ แต่เกรงว่าพระชายาคงจะต้องลำบากสักหน่อย แต่ดูท่าทางพระชายาแล้ว คงจะมีแผนการไว้ในใจแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

“อืม ท่านถางพูดไม่ผิด ข้ามีแผนการแล้วจริงๆ กลับไปจะไปดูที่ฮู่ปู้เสียหน่อย ว่าก๊กกู๋ใหญ่เป็นผู้ยึดเงินบรรเทาผู้ประสบภัยไว้จริงหรือไม่ เรื่องนี้ไม่อาจประมาทได้” อันหลิงหยุนไม่อยากกลายเป็นคนโง่ และก็อยากจะรู้ว่าก๊กกู๋ใหญ่ใจกล้าขนาดนั้นจริงๆหรือไม่

“กระหม่อมรับด้วยเกล้า”

อันหลิงหยุนหันมองหยุนจิ่น: “หยุนจิ่น เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการด้วยตัวเอง หาวิธีที่จะหาคนของฮู่ปู้มา แล้วสอบถามให้ชัดเจน ว่าก๊กกู๋ใหญ่เป็นผู้หักเงินเอาไว้หรือไม่ ให้เจ้าอาศัยตำแหน่งของเจ้าเพื่อเข้าไปสอบถาม และสั่งให้คนของเจ้าไปสอบถามมาด้วย เราจะต้องทำให้ครบทุกทาง เช่นนี้ก็จะไม่เกิดความเสียหายขึ้น ถ้าหากมั่นใจแล้ว เงินจำนวนนี้ถึงจะนำไปได้อย่างสบายใจ!”

อันหลิงหยุนถอนหายใจ เงินมากมายขนาดนั้น จริงๆแล้วนางเองก็ยังไม่เต็มใจสักเท่าไหร่

“หยุนจิ่นทราบแล้ว ขอพระชายาวางพระทัย”

หยุนจิ่นรับคำเสร็จก็ออกไปข้างนอก อันหลิงหยุนพาท่านถางไปยังจวนราชครู!

เมื่อจวนราชครูจุนได้ยินว่าอันหลิงหยุนมาแล้ว ฮูหยินใหญ่ของจุนเจิ้นหนานก็รีบออกมาต้อนรับ มีเรื่องเมื่อคราวก่อน ฮูหยินใหญ่ของจุนเจิ้นหนานก็ให้ความเคารพต่ออันหลิงหยุนอย่างมาก เชิญอันหลิงหยุนเดินตามไปหาราชครจุนที่ห้องหนังสือ

เรื่องที่ราชครูจุนแกล้งป่วยผ่านพ้นไปแล้ว ในใจของราชครูจุนรู้ดีว่า สำหรับเรื่องการที่ลูกบุญธรรมกลับมาได้นั้น เขาถือว่าติดค้างหนี่บุญคุณกงชิงวี่อยู่

“เชิญพระชายาเสียน” ราชครูจุนสวมใส่ชุดสีดำ ด้านบนเป็นลายดอกไม้ เวลาอยู่บ้านก็ไม่ได้พิถีพิถันกับการแต่งตัวมากนัก

อันหลิงหยุนทำความเคารพ: “คารวะราชครูจุน”

“พระชายาเสียนเกรงใจเกินไปแล้ว หม่อมฉันมิกล้า เชิญ”

“ไม่ดีกว่า ข้าคงไม่นั่ง เรื่องนี้เร่งด่วน ขอเชิญท่านราชครูมาคุยกันสักครู่”

ราชครูจุนเป็นคนฉลาด ถึงแม้หลายวันนี้ในราชสำนักจะไม่ได้พูดถึงเรื่องภัยพิบัติที่เกิดจากตั๊กแตนทางตอนใต้มากนัก แต่ก็มีสัญญาณมานานแล้ว

“ออกไปก่อน” ราชครูจุนสั่งให้คนออกไปข้างนอก ปิดประตูลงโดยมีถางเหอและคนสนิทของราชครูจุนเฝ้าอยู่ด้านนอก อันหลิงหยุนหันไปทางราชครูจุนแล้วจึงพูดขึ้น

ราชครูจุนพยักหน้า: “เรื่องนี้จริงๆแล้วหม่อมฉันสามารถช่วยเหลือได้ ในเมื่อพระชายาเสียนต้องการมาสอบถามเรื่องนี้ ถือว่ามาแทนอ๋องเสียน หม่อมฉันก็ต้องฟังคำสั่ง เพราะอ๋องเสียนเป็นถึงอ๋องซื่อเจิ้น”

“ราชครูอย่าพูดเช่นนี้ ที่ข้ามาที่นี่ ก็มีเพราะมีจุดประสงค์สำคัญที่อยากจะขอให้ราชครูช่วย”

อันหลิงหยุนพูดถึงขั้นนี้ ราชครูจุนติดหนี้บุญคุณอยู่ จะไม่สนใจก็คงไม่ได้

“เช่นนั้นคอนนี้ข้าจะไปดูที่ซ่างซูเสิ่นเสียหน่อย ว่าเงินถูกฮู่ปู้หักไว้หรือไม่” ราชครูจุนลาอันหลิงหยุน แล้วพาถางเหอไปที่ฮู่ปู้ในซ่างซูเสิ่นเพื่อสอบสวน

อันหลิงหยุนรออยู่โดยมีฮูหยินใหญ่ของจุนเจิ้นหนานคอยอยู่เป็นเพื่อน

ราชครูจุนหายไปประมาณหนึ่งชั่วยาม เมื่อกลับมาถึงจวนราชครูก็รีบนำผลการสืบสวนมาแจ้งอันหลิงหยุน

“มีเรื่องนี้จริงๆ แต่ฮู่ปู้บอกว่าเงินกำลังถูกนับจำนวนอยู่ ดูๆไปแล้วคนพวกนี้......”

“ราชครู หม่อมฉันมาทำธุระแทนท่านอ๋อง รู้เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว” อันหลิงหยุนรู้ดีว่าผู้หญิงไม่ควรยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง เรื่องบางอย่างหากรู้มากไปก็ไม่ดี จึงไม่จำเป็นต้องรู้

ราชครูจุนเองก็เป็นคนฉลาด จึงได้ส่งอันหลินหยุนออกไป

ก่อนออกจากประตู อันหลิงหยุนได้พูดเรื่องการระดมทุนขึ้นมา: “ราชครูคงจะต้องออกบ้างสักหน่อย นับเอาจากจำนวนคนเถอะ ไม่รู้ว่าในจวนราชครูมีคนทั้งสิ้นกี่คน?”

ราชครูจุนมองไป ตาเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะปกปิด: “เกือบสี่ร้อย ไม่ถึงสี่ร้อย”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าว่าคนละหนึ่งร้อยก็ดี ราชครูว่าอย่างไร?”

“ไม่มาก” ราชครูจุนพยักหน้า จึงให้คนใบเบิกตั๋วเงินออกมาจากบัญชีสี่หมื่น อันหลิงหยุนใช้ให้อาหยู่เก็บตั๋วเงินสี่หมื่น ถางเหอเขียนใบเสร็จรับเงินให้ แล้วทั้งสามก็จากไป

เมื่อออกจากประตู อาหยู่ก็รู้สึกนับถืออย่างมาก ที่จริงๆแล้วพระชายามีวิธี

ถางเหอกำลังคำนวณว่าแต่ละตระกูลในเมืองหลวงมีคนอยู่เท่าไร

“ทูลพระชายา หม่อมฉันนับดูแล้วมีแปดสิบตระกูล มีคนอยู่ประมาณสี่พันกว่าคน หากดูจากเงินที่เรามีอยู่ในบัญชี ก็ยังขาดอีกล้านกว่า แน่นี่เป็นเพียงแค่การประมาณการจากสิบล้าน หากยึดตามที่พระชายาทรงตรัสแล้ว เกรงว่าจะไม่พอ!”

“สิบล้านไม่มาก ลองคิดวิธีก็พอจะหาได้แล้ว ถ้าหาไม่ได้จริงๆก็ไปหาอ๋องตวน อูฐที่ผอมใกล้ตายก็ยังใหญ่กว่าม้า แล้วทำไมจวนอ๋องตวนจึงแข็งแกร่งกว่าพวกเราล่ะ

แต่อย่างน้อยที่เหลือก็ต้องมีสักห้าล้าน เงินจำนวนนี้ดูท่าจะหาลำบากแล้ว”

“นี่ก็จริง แต่เกรงว่าของจวนแม่ทัพ พวกเราเองก็จะต้องเป็นคนออก ท่านแม่ทัพไม่มีเงิน” จุดนี้ถางเหอพูดถูก อันหลิงหยุนหันมองถางเหอ แล้วไม่พูดอะไรต่อ

อันหลิงหยุนไปที่จวนก๊กกู๋ใหญ่ทันที

ฮูหยินของก๊กกู๋ใหญ่ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง มีบุญคุณที่เคยช่วยชีวิตไว้ ฮูหยินก๊กกู๋จึงมีมารยาทอย่างมาก เห็นอันหลิงหยุนเป็นแขก

อันหลิงหยุนเดินตามเข้าไป แล้วพูดเรื่องที่จะขอระดมทุน

ฮูหยินก๊กกู๋ไม่เข้าใจ: “ทำไมจึงจะต้องระดมเงิน?”

“ข้ามีความจริงจะบอก ข้าอยากจะเปิดโรงเรียนสอนแพทย์ ตอนนี้หมอที่อยู่ในเมืองหลวงของเรามีไม่มาก ข้าจึงอยากจะสอน เดิมทีเรื่องนี้ข้าเคยพูดกับมู่มิงมาก่อน ตอนนั้นนางรับปากว่าจะทำกับข้า ใครจะไปรู้ว่าเมื่อนางเข้าวังแล้วจะพบกันได้ยาก เมื่อคืนตอนที่ข้าไปเข้าเฝ้าไทเฮา ก็ไม่เห็นไทเฮาจะทรงตรัสว่าเคยพบกับมู่มิง นางบอกว่าอยากช่วยข้า แต่บอกว่าในมือไม่มีเงิน แต่บอกว่าที่จวนก๊กกู๋นั้นมีมาก ให้ข้ามาเอาได้ตามสบาย

ข้าจึงอยากมาถามดู ว่าพอจะขอระดมทุนได้ไหม?”

อันหลิงหยุนดึงมู๋มิงลงมาเกี่ยวข้องด้วย เป็นเพราะรู้ว่า ตอนนี้คนของจวนก๊กกู๋ไม่ได้พบมู่มิง อีกอย่างสิ่งที่นางพูดก็เป็นสิ่งที่มู่มิงพอจะคิดออกได้

ในที่สุด ถึงแม้ฮูหยินก๊กกู๋จะลำบากใจเล็กน้อย แต่เพื่อที่จะให้ความร่วมมือกับลูกสาว นางจึงรับปาก

“เช่นนั้นต้องการเท่าไหร่”

อันหลิงหยุนลำบากใจเล็กน้อย: “เรื่องนี้พูดยาก แต่ข้ารับประกันว่า รอให้โรงเรียนแพทย์เปิดขึ้นด้วยเงินจำนวนนี้เมื่อไหร่ หากคนในจวนก๊กกู๋ไปรักษา ข้าก็จะรักษาให้โดยไม่คิดเงิน

“ไม่จำเป็นหรอก ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับข้า รวมถึงมู่มิง......ท่านบอกเป็นจำนวนเงินมาเถอะ” ในเมื่อฮูหยินก๊กกู่ไม่รู้สึกกังวลเช่นนี้ อันหลิงหยุนเองก็ไม่เกรงใจ

“ขอถามหน่อยว่าจวนก๊กกู๋มีคนทั้งสิ้นกี่คน?”

“สามร้อยกว่าคน”

“เอาเช่นนี้ดีไหม นับตามจำนวนคน คนละหนึ่งร้อย ราชครูจงให้มาตามนี้” อันหลิงหยุนพูดเช่นนี้ ฮูหยินราชครูก็พอจะนึกออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน