ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 490

บทที่ 490 ตงเอ๋อยกเลิกงานแต่ง

อันหลิงหยุนนำเงินจากจวนอ๋องตวน จากนั้นจึงพูดคุยจริงจังกับหยุนโล๋ชวนสองสามประโยค: “ชวนเอ๋อ วันนี้ข้าตั้งใจที่จะมาระดมเงิน เมื่อครู่เพียงแค่ล้อเล่นกับเจ้าเท่านั้น จุดประสงค์เพียงเพื่อให้อ๋องตวนนำเงินออกมาให้ข้ามากสักหน่อย จริงๆแล้วไม่ได้มีเรื่องของเสินหยุนเอ๋อ”

หยุนโล๋ชวนหัวเราะ: “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

“เจ้าไม่ว่าข้าใช่ไหม?” อันหลิงหยุนถาม หยุนโล๋ชวนโบกมือ ยิ้มแย้มอย่างสดใส

“ไม่ว่าหรอก เมื่อวานข้าเองก็กลับไปตำหนักกั๋วกง คนในตัหนักพูดกับข้าแล้ว ว่าพระชายาเสียนกำลังระดมทุน บอกว่าจะนำไปสร้างโรงพยาบาล แต่ข้าได้ยินท่านอ๋องพูดว่า ไม่ใช่เรื่องโรงพยาบาลแต่เป็นเรื่องอื่น เมื่อฟังโดยละเอียดจึงรู้ว่าเป็นเรื่องภัยพิบัติที่เกิดจากตั๊กแตนทางตอนใต้

แต่ท่านอ๋องบอกข้าว่า เดิมทีท้องพระคลังได้ส่งเงินไปสิบล้านแล้ว เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องทำอย่างลำบาก แล้วทำไมเงินจึงไม่มีแล้ว?” หยุนโล๋ชวนรู้สึกสงสัยเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

เงินสิบล้านไม่ใช่น้อยๆ ไม่สามารถหายไปแบบไร้เหตุผลได้

อันหลิงหยุนพูดว่า: “ถูกคนในฮู่ปู้หักเอาไว้”

“ใครช่างใจกล้าเช่นนี้ กล้า.....” หยุนโล๋ชวนมองคนที่อยู่รอบๆ แล้วโบกมือ ทุกคนจึงออกไปด้านนอก จริงๆแล้วในห้องมีคนอยู่เพียงไม่กี่คน ตงเอ๋อออกไปด้านนอก แล้วยืนอยู่กับอาหยู่

อาหยู่ถาม: “ได้ยินมาว่าเจ้าดูตัวหรือ?”

ตงเอ๋อรู้สึกแปลกใจ: “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

อาหยู่ทำหน้าไม่ถูก: “ได้ยินมา”

“ได้ยินใครพูดมา?”

ตงเอ๋อผึงตา ทำท่าทางราวกับว่า หากเจ้าไม่พูดข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ อาหยู่จึงพูดว่า: “ข้าได้ยินลุ่ยหลิ่วพูด”

“นางรู้ได้อย่างไร?” ตงเอ๋อรู้สึกแปลกใจ

“นางไปที่จวนของพวกเจ้าบ่อยๆมิใช่หรือ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะให้เจ้าช่วยหาคู่ในตำหนักกั๋วกงให้นางหรอกหรือ แป๊บเดียวเจ้าก็ลืมเสียแล้ว?” อาหยู่รู้สึกขำ ความจำสั้นจริงๆ

ตงเอ๋อจึงยอมเชื่อ จึงถามต่อว่า: “เจ้าว่าตำแหน่งหลี่ปู้ซื่อหลังเป็นเช่นไรบ้าง?”

ตงเอ๋อเห็นอาหยู่เป็นเหมือนเพื่อน มีเรื่องอะไรก็พูดตรงๆ ในสายตาของตงเอ๋อ อาหยู่เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่ง ไม่มีเรื่องชายหญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง“หลี่ปู้ซื่อหลังที่ชิ่อเฉาเหวินใช่หรือไม่?” อาหยู่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่เคยได้ยินมาบ้าง เป็นซื่อหลังที่เป็นหัวหน้างานพิธีการ

ตงเอ๋อพยักหน้า: “ก็ไม่เลว พูดจามีมารยาท ได้ยินฮูหยินใหญ่เคยพูดว่า เป็นคนซื่อสัตย์ที่หาได้ยาก มีบรรพบุรุษที่เป็นขุนนางใหญ่ เพียงแต่ตระกูลของเขาไม่เหมาะที่จะทำงานอยู่ในราชสำนัก ต่อมาจึงได้มีพระเมตตาลงมาให้มาทำงานในหน้าที่นี้

ได้ยินฮูหยินใหญ่พูดว่า ตระกูลของเขาทุกชั้นล้วนเป็นคนดี

“ทำไมฟังดูแล้วเหมือนคนดีที่ถูกคนรังแก ไม่กล้าต่อสู้อยู่ในราชสำนัก จึงได้หนี?” อาหยู่ปากไว คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น

ตงเอ๋อคิดอยู่สักครู่ คงจะเป็นเพราะเรื่องนั้น สีหน้าจึงไม่ค่อยสู้ดีนัก

นางเป็นถึงรองแม่ทัพ ต่อไปต้องแต่งงานกับคนขี้ขลาด แล้วนางจะมีความสุขได้อย่างไร?”

“แต่ไม่แน่ว่า อีกหน่อยหากเขาอยู่กับเจ้าแล้ว อาจจะไม่เป็นเช่นนี้ก็ได้ เจ้าดูอย่างเว่ยหลิงชวนสิ ที่เป็นอาเขยของตำหนักกั๋วกงของพวกเจ้า ตอนนี้ก็ดีนี่ ครั้งก่อนที่ข้าเจอเขา เขาดูมีความรับผิดชอบมาก ตอนนี้ยังได้ดองกับจวนอ๋องเสียนของเรา!”

สีหน้าของตงเอ๋อยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่: “นั่นไม่เหมือนกัน อาเขยสี่ถึงแม้จะมีร่างกายที่อ่อนแอ แต่อาเขยสี่ก็มีความน่าเกรงขาม เป็นผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งและกล้าหาญ นี่นไม่เหมือนกัน”

อาหยู่ไม่พูดอะไร เขาไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่รู้สึกเบื่อจึงถามขึ้นมา แต่เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี ว่าการแต่งงานนี้ต้องมีเรื่องแย่แน่ๆ

“อาหยู่ เดี๋ยวเจ้ามีธุระหรือไม่?” ตงเอ๋อคิดที่จะไปยกเลิกงานแต่งงาน

อาหยู่ถามอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่: “เจ้ามีอะไรหรือ?”

“อืม มีสิ แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก” ตงเอ๋อบอกว่าไม่สำคัญ แต่กลับดูจริงจังมาก อาหยู่หายใจเข้าหนึ่งครั้ง อย่ากลับไปบ่นกับฮูหยินท่านกั๋วกงก็แล้วกัน ว่าเขาแอบหนีไปเที่ยวเล่น ถึงเวลานั้นข้าคงต้องแบกรับทุกอย่างไว้เอง

“พระชายายังยุ่งอยู่ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีเวลาหรือไม่?” อาหยู่รู้สึกว่ามีเรื่องต้องให้เดือดร้อนแล้ว จึงไม่อยากจะไป

ตงเอ๋อทำสีหน้าเย็นชา: “ปกติแล้วข้ามีของดีๆก็มักจะให้เจ้า ตอนนี้เจ้ากลัวเสียแล้ว เจ้าเป็นเพื่อนประเภทไหนกัน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน