บทที่ 501 ร้อยวันก็พลิกตัวได้แล้ว
อันหลิงหยุนเดินทางได้อย่างราบรื่น ใช้เวลาเพียงหกวัน กองทหารก็มาถึงเขตพื้นที่ภัยพิบัติ
เจ้าห้าดูอาการดีขึ้นมาบ้างแล้ว อาจแปลกอยู่บ้างที่เขาชอบกินนมแพะ แต่ไม่ชอบกินนมวัว
อันหลิงหยุนเริ่มต้นด้วยการพาวัวเดินทางไปด้วยตัวหนึ่ง เพื่อจะได้ดื่มนมวัวทุกวัน แต่เจ้าห้าไม่ชอบดื่ม เอาแต่จ้องตาแป๋วไปที่อันหลิงหยุน นางจึงถามอย่างโกรธๆว่า ไม่ดื่มนมวัว นมคนก็ไม่ดื่ม แล้วลูกอยากดื่มอะไรล่ะ?
ผลสุดท้าย แกะของคนอื่นที่อยู่ข้างนอก ส่งเสียงร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง เจ้าห้าจึงมองออกไปข้างนอก อันหลิงหยุนจึงเปลี่ยนจากแม่วัวเป็นแม่แพะ จึงยอมดื่มในที่สุด
สองวันมานี้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว สามารถพลิกตัวได้เมื่ออยู่คนเดียว นอนคว่ำอยู่ก็ยกหัวขึ้นเองได้แล้ว
อันหลิงหยุนมักรู้สึกอยู่เสมอว่า ร่างกายของเจ้าห้านั้น ไม่แข็งแรงเท่าพี่ชายคนอื่น ๆ นางไม่กล้าพูดอย่างเจาะลึกนัก จึงทำได้เพียงเลี้ยงดูอย่างเอ็นดูรักใคร่ คอยโอ๋เอาใจไม่ห่าง
วันนี้มาถึงสถานที่เกิดภัยพิบัติจากโรคระบาดแล้ว อันหลิงหยุนได้อธิบายความรู้ทั่วไปในการป้องกันโรคระบาดให้ทุกคนฟัง สั่งการทุกคนไม่ให้เข้าใกล้ นางจะไปยังเขตพื้นที่ประสบโรคระบาดด้วยตัวเอง
มีคนพูดโน้มน้าวอันหลิงหยุน แต่นางไม่ยอมฟัง
อันหลิงหยุนสามารถแก้พิษได้ด้วยตัวเองเท่านั้น สำหรับโรคระบาด และโรคติดต่อที่แพร่เชื้อได้บางชนิดนั้น นางเองก็ไม่รู้แน่ชัดเช่นกัน
แต่ถ้าเป็นคนอื่นไป อันหลิงหยุนก็จะยิ่งกังวลมากกว่าเดิม
ทุกอย่างเตรียมไว้จนพร้อมแล้ว ในตอนที่อันหลิงหยุน กำลังคิดจะออกเดินทางนั่นเอง เจ้าห้าที่อยู่ในรถม้าก็ร้องอ้อแอ้ขึ้นมา เดิมทีนางมอบหมายให้ลู่หลิวเป็นคนดูแลเจ้าห้า แต่สุดท้าย เด็กน้อยก็อยู่ในนั้นอย่างไม่เป็นสุขเสียแล้ว ลู่หลิวเองจะโอ๋อย่างไรก็ไม่สำเร็จ
อันหลิงหยุนไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องพาเจ้าห้าไปด้วย แม่ลูกพากลุ่มคน หลายต่อหลายคนไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติโรคระบาด
หลังจากเข้าไปในเขตพื้นที่ ผู้คนมากมายที่มีอาการของโรคในระดับต่างกันไป ก็ปรากฏตัวขึ้น
อันหลิงหยุนส่งเจ้าห้าไปให้ลู่หลิว คุกเข่าลงเพื่อตรวจสอบอาการ หลังจากกระตุ้นระบบสแกนอาการก็พบสาเหตุของโรคได้อย่างรวดเร็ว
“ ลู่หลิว เจ้ารีบกินผงในขวดสีเขียวที่ข้าให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลย แล้วเอาให้เจ้าห้ากินสักหน่อยด้วย”
"เจ้าค่ะ" ลู่หลิวกินยาทันที เจ้าห้าก็ไม่ร้องไห้สักแอะ ให้เขาเท่าไหร่ เขาก็ดื่มเท่านั้น
กลับเป็นอันหลิงหยุนที่ไม่ได้กินมัน นางต้องการทดสอบดูว่า นางมีภูมิต้านทานในร่างกายต่อโรคนี้หรือไม่
"คนที่เหลือเริ่มลงมือได้ ให้ยึดตามใบสั่งยาที่ข้าให้พวกเจ้าอย่างเคร่งครัด และติดต่อกับคนเหล่านี้ให้บ่อย อย่าได้ว่างเว้น"
อันหลิงหยุนมองไปที่หมอจวนโจว : "หมอจวนโจว เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับโรคระบาดนี้บ้าง?"
หมอจวนโจวจิตใจเลื่อนลอยงงงัน คนไม่ตายนับเป็นเรื่องดี เขากัดฟันฝืนใจพูดว่า: "น่าจะเป็นโรคบิดนะขอรับ"
“นี่ไม่ใช่โรคบิดหรอก มันเป็นอาการของหวัด เพียงแต่เป็นหวัดที่เก่าแก่ที่สุดเลยไม่ได้เรียกว่าหวัดตรงๆ เรียกว่าโรคติดต่อ นับเป็นโรคระบาดชนิดหนึ่งเช่นกัน เพียงแต่รวมอยู่ในหวัดด้วยเรียกว่า โรคติดต่อโดยไวรัสหวัด ซึ่งเป็นโรคที่การแพร่เชื้อรุนแรงและรวดเร็ว บวกกับภาวะโรคร้อนภายนอก [ คือการที่ลมร้อนรุกรานร่างกายภายนอก มีอาการไข้ กลัวหนาวเล็กน้อย เหงื่อออก ปากแห้ง กระหายน้ำเล็กน้อย เจ็บคอปลายและขอบลิ้นแดง ฝ้าขาวบาง ขาดความชุ่มชื้น และชีพจรลอย-เร็ว ] ทำให้อัตราการเสียชีวิตและอัตราการติดเชื้อสูง ใบสั่งยาที่ข้าออกให้ตอนนี้ มีทั้งช่วยขับลม กระตุ้นการทำงานของปอด แก้เสมหะ บรรเทาอาการไอ ช่วยแก้พิษแก้ปวดลดการอักเสบ หลังจากนั้นยังต้องมีการฝังเข็ม และการรมยาร่วมด้วย
นี่คือวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมที่สุดที่สืบทอดกันมา หากสามารถผ่านพ้นไปได้ ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ โรคระบาดครั้งนี้ก็จะควบคุมได้แล้ว
นอกจากนี้ พวกเจ้ารีบติดต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ให้ปิดล้อมพื้นที่บริเวณนี้ทันที อนุญาตให้เข้ามาได้แต่ไม่อนุญาตให้ออกไป"
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อันหลิงหยุนก็หยิบสมุนไพรออกมาจากรถ ตั้งหม้อหลายใบ เริ่มต้มสมุนไพรในนั้น ทุกคนที่เห็นถูกพาเข้าไปด้านหน้า ดื่มยากันคนละถ้วย จากนั้นจึงค่อยให้พวกเขากินข้าว
หยุนจิ่นได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนหลับสนิทไปแล้ว ในตอนที่ด้านนอกมีคนปรากฏตัวขึ้น
"หยุนจิ่นคารวะเจ้านาย แค่ก แค่ก...... " เสียงของหยุนจิ่นอ่อนระโหยอยู่มาก อันหลิงหยุนลืมตาขึ้นทันที ลุกขึ้นและลงจากรถม้า ได้เห็นว่าหยุนจิ่นดูซูบผอมลงไปมาก อันหลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปหาหยุนจิ่น หยุนจิ่นถอยหลังไปสองก้าว หันหน้าหลบไปด้านหนึ่งแล้วไอออกมา
“ เจ้านาย อย่าเข้ามาเจ้าค่ะ ข้าติดโรคระบาดแล้ว ไม่ควรเข้าใกล้ให้มาก”
หัวใจของอันหลิงหยุนเจ็บปวดขึ้นมาทันที พอจะเห็นได้ว่าหยุนจิ่น ได้ทำการทดลองมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกนางอยู่ห่างกันออกไปราวห้าเมตร ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวการติดเชื้อในระยะห่างขนาดนี้
อันหลิงหยุนไม่สนใจเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว เดินเข้าไปจับมือหยุนจิ่น กุมเอาไว้และตรวจอาการให้กับนาง ที่แท้หยุนจิ่นติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อีกทั้งอาการของโรคก็ร้ายแรงมาก ทั้งอาเจียนและท้องร่วง ถึงกระทั่งเริ่มมีอาการไอเป็นเลือดแล้ว
อันหลิงหยุนรู้สึกตกใจมาก การติดเชื้อของหยุนจิ่นร้ายแรงอย่างยิ่ง นางมีไข้ขึ้นสูงและปอดอักเสบ
"ลู่หลิว รีบเตรียมหมาหวาง กุ้ยจือ เก๋อเกิน ฉายหู ... "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...