บทที่ 669 ฮั่วฉิงผู้ทำเกินกว่าเหตุ
เสินหยุนชูผอมลงไปมาก แต่ด้านสภาวะจิตใจก็ยังนับว่าดีอยู่ เพียงแค่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มมากนัก
เมื่อเห็นบรรดาขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ ก็เพียงยกยิ้มจาง ๆ แล้วกลับไปนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาดังเดิม
กงชิงวี่ถอนสายตาออก แล้วมองตรงไปข้างหน้า
ตอนนี้ อันหลิงหยุนอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก คนหนึ่งต่อให้ตายก็ไม่ยอมกลับตัว อีกคนต่อให้ตายไม่ยอมปล่อยมือ
สองคนเจ้ามาข้าไป ไม่ใช่การใช้ชีวิตมาต่อสู้เดิมพันกันให้ตายไปข้าง แต่เหมือนเป็นการประชันขันแข่งกันแบบผิวเผิน ไม่เจ็บไม่คันอะไร แข่งขันกันไปไม่รู้จบ
งานเลี้ยงอาหารค่ำเริ่มขึ้น ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงตรัสชมเชยสดุดีผู้ทำผลงานเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเป็นพิธีการยกจอกเหล้าคารวะ เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็ได้หน้ากันถ้วนทั่ว โดยเฉพาะผู้ที่กลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหล่านั้น
มีเพียงใบหน้าแก่ ๆ ของนายพลฮั่วเพียงคนเดียวที่แดงก่ำ เขาพยายามจะทูลฟ้องอยู่หลายครั้ง ก็ไม่มีโอกาสเสียที ในที่สุดเมื่อฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงสนทนากับเขา นายพลฮั่วก็รีบฟ้องทันที
"ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเห็นทีจะกินไม่ลงเสียแล้ว หม่อมฉันไม่ได้กลับมาเสียหลายปี ไม่คิดว่ากลับมาถึงเมืองหลวงได้ ก็สร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวตัวเองเสียแล้ว"
แม่ทัพฮั่วยกจอกเหล้าในมือ สีหน้าดูไม่ได้ คล้ายกับมันฝรั่งหวานที่สุกจนเหลืองอ๋อยอย่างไรอย่างนั้น
ฮ่องเต้ชิงหยูจำต้องตรัสถามแม่ทัพฮั่ว ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ความจริงทรงรู้สึกเสียพระทัยภายหลังเหลือเกินแล้ว
แต่เรื่องดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้ว จะพูดอะไรมากไปก็ไม่ดี จึงทำได้เพียงตรัสถามต่อไปว่า: "ไม่ทราบว่าแม่ทัพฮั่วประสบกับปัญหาอะไรเข้าแล้วหรือ?"
"ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ทราบว่าไปทำให้แม่ทัพอันขุ่นเคืองเรื่องใดเข้า ไม่เพียงมาทุบตีหม่อมฉันถึงที่จวน ยังเรียกให้คนมาจุดไฟเผาจวนฮั่วอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
แม่ทัพฮั่วโกรธมาก จ้องไปที่แม่ทัพอันตาเขม็ง
แม่ทัพอันยังคงมีท่าทีสงบเย็นชา ประหนึ่งว่าไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงรู้แน่ในพระทัยแล้วว่า แม่ทัพอันจะต้องหาเรื่องเดือดร้อนให้พระองค์
"เอ่อ ... แม่ทัพอัน เรื่องนี้เป็นความจริงหรือ?" แม้ว่าฮ่องเต้ชิงหยูจะยังทรงยืดหยุ่น แลดูสงบและผ่อนคลาย แต่แท้จริงแล้ว ความไม่พอพระทัยกลับไม่ได้ลดน้อยลงเลย
อันหลิงหยุนจึงได้รู้ในตอนนี้เองว่า แม่ทัพอันไปเผาจวนฮั่วมาอีกด้วย
นี่มันช่างเหมือนกับไฟที่ไหม้จวนราชครูจุนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด ไม่เสียแรงที่เป็นพ่อตาลูกเขยกันแท้ๆ กระทั่งวิธีการก็ยังเหมือนกัน
แม่ทัพอันกล่าวว่า:“ หม่อมฉันคิดว่า ลูกสาวของเขา มารังแกลูกสาวกับลูกเขยของหม่อมฉัน เช่นนั้นหม่อมฉันก็สมควรจะรังแกกลับไปเช่นกัน แต่หากหม่อมฉันไปทุบตีลูกสาวของเขา มันก็เหมือนผู้ใหญ่รังแกผู้น้อยไปหน่อย ไปทุบตีเขาแทนก็ถูกต้องเหมาะสมดีแล้ว”
"...." สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงผิดสีจนประหลาด: "เรื่องนี้ต้องเริ่มพูดจากตรงไหนล่ะนี่?"
"ฝ่าบาท เขาใส่ร้ายคนอื่นอย่างชั่วช้าสามานย์พ่ะย่ะค่ะ!"
แม่ทัพฮั่วลุกขึ้นยืนชี้หน้าตะโกนใส่แม่ทัพอัน แม่ทัพอันก็ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่ลังเล มุ่งหน้าตรงไปหาแม่ทัพฮั่วทันที
อันหลิงหยุนไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงก้มหน้าลงแสร้งทำเป็นไม่เห็น
พ่อของนางช่างไม่กลัวฟ้าดิน ไม่กลัวกฎหมายอะไรเลยจริงๆ
แต่หากจะพูดไป พ่อของนางไม่กลัวกฎหมาย ไม่อายฟ้าดินก็แล้วไปเถอะ ทำไมกระทั่งสามีนางก็ยังเป็นไปด้วยอีกคนล่ะนี่
แม่ทัพฮั่วก็ไม่ถอย เดินออกไปเผชิญหน้า ทั้งสองคนทำท่าพร้อมจะเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันทุกเมื่อ
ฮ่องเต้ทรงบันดาลโทสะจนสีพระพักตร์เขียวคล้ำไปแล้ว: "อันจือซาน นี่เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาบ้างหรือไม่?"
“ ฝ่าบาท เมื่อวานนี้หม่อมฉันกระอักเลือดจริงพ่ะย่ะค่ะ รวมทั้งอีกาตัวหนึ่งที่ลูกชายคนเล็กของหม่อมฉันเลี้ยงไว้ ก็ถูกแม่ทัพน้อยใช้ธนูยิงให้ตาย ซื่อจื่อน้อยถูกทำให้ตกใจจนล้มป่วย ท่านพ่อตาถูกกระตุ้นจนพลั้งมือไปบ้าง นั่นก็เพราะอารมณ์รักใคร่ห่วงใยทั้งสิ้น ขอฝ่าบาทโปรดทรงอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่เอ่ยถึงซื่อจื่อน้อยถูกทำให้ตกใจจนล้มป่วย ทั่วทั้งท้องพระโรงก็ตกอยู่ในความโกลาหล จนถึงตอนนี้ ฮ่องเต้เพิ่งจะมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์รัชทายาทในอนาคตว่าจะมีหรือไม่ด้วยซ้ำ!
บรรดาขุนนางต่างก็มองไปที่แม่ทัพอันกับแม่ทัพฮั่ว แต่ไหนแต่ไรมา แม่ทัพทั้งสองต่างก็มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน แต่เดิมที แม่ทัพอันก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยอยู่แล้ว ยกมือขึ้นผลักแม่ทัพฮั่วไปทีหนึ่ง ผลักเสร็จก็ทูลลาฮ่องเต้ชิงหยู่เตรียมจะออกไป
"หม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"
แม่ทัพอันหมุนกายแล้วจากไปทันที ดูอย่างไรก็ช่างไม่เกรงกฎหมายไม่กลัวฟ้าดินโดยแท้
ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงคิดจะตรัสอะไรบ้าง แม่ทัพฮั่วที่ตอนนี้ทรงตัวยืนอย่างมั่นคงได้แล้ว ก็พลอยกล่าวทูลลาด้วยอีกคนทันที: "ฝ่าบาท หม่อมฉันก็ทูลลาเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ"
เดิมทีฮ่องเต้ทรงคิดจะรั้งตัวเขาไว้ แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นทั้งสองคน เดินโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจากไป เหมือนว่าตั้งใจจะไปต่อยตีกันสักยกเป็นแน่
ผลเป็นดั่งที่คิด ทั้งสองคนออกไปตีกันอยู่นอกตำหนัก แต่แม่ทัพฮั่วไม่ใช่คู่มือของแม่ทัพอัน สู้แม่ทัพอันไม่ได้จึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อ๋องตวนก็รู้สึกไม่วางใจ อย่างไรแม่ทัพฮั่วก็เป็นลุงของเขา จึงกล่าวทูลลาแล้วรีบออกจากห้องโถงมาทันที
ทันทีที่อ๋องตวนจากไป หยุนโล่ชวนก็ตามออกไปด้วยอีกคน
คนเริ่มจะเยอะขึ้นทุกที อันหลิงหยุนเองก็เริ่มจะไม่วางใจแล้วเช่นกัน กงชิงวี่จึงลุกขึ้นกล่าวทูลลา แล้วพาอันหลิงหยุนออกไปข้างนอกทันที
ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงคร้านจะสนพระทัยแล้ว จึงเสวยมื้อค่ำต่อ
แต่เพราะฮ่องเต้ไม่เสด็จไป ใครก็ไม่สะดวกจะไปเช่นกัน
ฮั่วฉิงก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวทูลลาอีกคน
ช่วงเวลานี้เองที่ลานนอกตำหนัก กลับอึกทึกคึกคักขึ้นมาแล้ว
อันหลิงหยุนออกมาเห็นว่า อ๋องตวนกำลังช่วยแม่ทัพฮั่วต่อสู้กับแม่ทัพอัน
“ท่านอ๋อง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...