ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 695

ระหว่างทางอันหลิงหยุนได้แต่นิ่งเงียบ จนกระทั่งทั้งสองกลับมาถึงห้องไม้ อันหลิงหยุนจึงนั่งลง ส่วนกงชิงวี่ก็ไปจัดเตรียมอาหาร จนถึงเวลาทานอาหารอันหลิงหยุนจึงได้พูดอีกครั้ง :“ระบบของข้าเกิดปัญหา ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง สภาพร่างกายในตอนนี้กลับไปเป็นของเจ้าของร่างเดิม ซึ่งร่างกายของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่สู้ดีมากนัก ท่านอ๋องยังจำตอนที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมต้องตายได้หรอไม่?”

กงชิงวี่ส่งสายตาเย็นชา แต่กลับไม่พูดกล่าวสิ่ง

อันหลิงหยุนกล่าวต่อ :“ข้าในตอนนี้หมดหนทางฟื้นสภาพร่างกาย ไม่อาจรับบาดเจ็บได้อีก ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณที่เหลืออยู่ หรือจะว่าไปมันก็เป็นเพียงความรู้สึกนึกคิดเท่านั้น เดิมทีนางอยากจะอยู่ร่วมกันกับท่านอ๋อง แต่สาเหตุที่นางไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้ นั่นเป็นเพราะว่านางใช้ความสามารถของนางในการฉุดดึงให้ท่านอ๋องและข้าได้มาอยู่ร่วมกัน ในตอนที่ข้ามีร่างกายเปลือยเปล่า ท่านอ๋องก็เคยได้พบเห็นแล้วไม่ใช่หรือ ? ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนเป็นฝีมือของเจ้าของร่างเดิมทั้งนั้น และเจ้าของร่างเดิมเพียงแค่ไม่พึงพอใจว่าทั้งที่เป็นคนเดียวกัน แต่ท่านอ๋องกลับปฏิบัติกับข้าด้วยความรักและใส่ใจ แต่กลับปฏิบัติกับนางด้วยความเย็นชา ตอนนี้ท่านอ๋องเองก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวอันไม่เป็นธรรมที่นางได้พบเจอในยามเยาว์วัยแล้ว ท่านอ๋องมีความเห็นใจนางบ้างหรือไม่?”

กงชิงวี่กัดมันเทศที่อยู่ในมือไปคำหนึ่ง :“ในเมื่อไม่สามารถเอาตัวรอดได้ จะเห็นใจอย่างไร ?”

อันหลิงหยุนยิ้มขึ้นมา แล้วถอนหายใจพลางพูด :“นี่เป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างนางนั้นมีความกังวลในใจอยู่ตลอดเรื่องที่นางไม่มีมารดา และบังเอิญว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนนางได้ยินแม่ทัพอันพูดเรื่องที่ว่ามารดาของนางยังไม่ตาย นางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก จนอยากออไปตามหามารดา เพื่อถามไถ่ว่าเหตุใดถึงไม่ต้องการนาง เรื่องนี้หากท่านอ๋องยอมช่วยเหลือ ไม่แน่นางอาจจะออกไปจากตัวข้า ”

กงชิงวี่คิ้วขมวดขึ้น :“ไม่ใช่ว่ามารดาของนางตายไปนานแล้วหรือ?”

“ดูเหมือนว่าแม่ทัพอันกำลังปกปิดบางอย่างอยู่ ซึ่งเจ้าของร่างเดิมก็ให้ความสนใจมากด้วย ”อันหลิงหยุนเองก็หมดหนทางแล้วเช่นกัน

กงชิงวี่ถาม :“เจ้าของร่างเดิมสามารถออกมาได้หรือไม่?”

อันหลิงหยุนส่ายหน้า :“นางเหนื่อยล้า และได้รบบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ตอนนี้นางหลับใหลไปแล้ว ข้าพูดเรื่องเหล่านี้กับท่านนางไม่สามารถรับรู้ได้ ”

“นางจะจากไปจริงๆหรือ ?”สิ่งที่กงชิงวี่นั้นใส่ใจมากที่สุดก็คือจุดนี้

อันหลิงหยุนกล่าวถาม :“แล้วถ้าหากนางไม่ยอมจากไปเล่า หากนางต้องการให้มีวิญญาณสองตนในร่างเดียวกัน ?”

ดวงตาของกงชิงวี่เรียบนิ่ง ไม่กล่าวตอบ

หลังจากที่อันหลิงหยุนทานอาหารเสร็จ ก็ออกปหาสมุนไพรข้างนอก เมื่อหาเจอนางก็นำใบสมุนไพรใส่ปากแล้วเคี้ยวไปมา ก่อนจะนำมากดลงบนบาดแผล แล้วพันผ้าเอาไว้

ส่วนกงชิงวี่นั้นอยู่ข้างหลังอันหลิงหยุน คอยติดตามนางอยู่ตลอด

เมื่อทำแผลเสร็จ อันหลิงหยุนก็ออกไปหาสมุนไพรชนิดอื่น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นยาบำรุงเลือดและฟื้นฟูร่างกายทั้งสิ้น เมื่อตกค่ำก็นำสมุนไพรออกมาต้ม แล้วค่อยดื่มลงไป

กงชิงวี่มองดูอันหลิงหยุนที่ดื่มยาขมสีดำสนิทราวกับว่ากำลังดื่มน้ำหวานลงไปเสียอย่างนั้น

“ไม่ขมหรือ?”

ขนาดเขาที่มองดูยังรู้สึกถึงความขม แต่อันหลิงหยุนกลับรู้สึกตลก :“ไม่มีคนผู้ใด ไม่กินยาหรอก ต่อให้ร่างกายจะแข็งแรงแค่ไหนก็ต้องกิน การกินยาเป็นเรื่องที่ปกติ ไม่ว่าจะขมหรือไม่นั้นก็ต้องกิน เหตุใดจะต้องทำให้คนอื่นดูว่ามันขมด้วยเล่า ?”

“ข้าขอลองหน่อย”กงชิงวี่ยื่นมือเข้าไป แต่อันหลิงหยุนกลับขยับมือออกห่าง

“ไม่ได้ท่านอ๋อง ร่างกายท่านอ๋องถึงแม้จะไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็ใช่ว่าพิษจะทำอะไรท่านไม่ได้ ซึ่งยานี่มีพิษ”อันหลิงหยุนเดินเข้าไปพักผ่อน กงชิงวี่จึงลุกขึ้นไปนอนลงข้างๆ แล้วทั้งสองก็โอบกอดเข้หากัน และด้วยความที่กงชิงวี่ไม่สบายใจ

“เมื่อไหร่ร่างกายนี้จะดีขึ้น?”

“เมื่อไม่มีระบบคอยดูแล ก็คงต้องใช้เวลานาน ข้าต้องใช้เวลาครึ่งเดือนในการปรับสภาพถึงจะได้ หรือบางทีข้าอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน ”

“เช่นนั้นก็ดี ไม่มีระบบแล้ว จะได้ลดการใช้เลือด ”กงชิงวี่ถึงแม้จะปากแข็ง แต่ภายในใจกลับอ่อนระทวยไปหมด จากนั้นเขาจึงใช้มือทั้งสองโอบกอดอันหลิงหยุนเอาไว้อย่างแน่นหนา

อันหลิงหยุนหลับตาลง ซบลงไปแล้วพกผ่อน

พวกเขาอยู่บนเขาได้สามวันก็ลงจากเขามาแล้ว ด้วยปัญหาที่มีมากมาย และอันหลิงหยุนก็มีความเป็นห่วงแม่ทัพอัน ดังนั้นอยู่ได้เพียงสามวันจึงกลับลงมา

เมื่อทั้งสองลงมาจากเขา เข้าไปในเมืองหลวงก็ได้ยินข่าวว่าจวนอ๋องตวนนั้นมีงานมงคล งานมงคลอะไรกัน ?

อันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจเหลือบไปมองกงชิงวี่ :“จวนอ๋องตวนนอกจากมีงานสมรสแล้ว ยังมีงานมงคลอื่นอีกหรือ?”

อันหลิงหยุนรู้สึกว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลก แต่สีหน้าของกงชิงวี่กลับดูจริงจัง พร้อมกับหันมาพูดกับอันหลิงหยุน :“หลิงหยุนเรื่องตลกของเจ้าอาจจะกลายเป็นจริงแล้ว”

อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว :“เรื่องจริง?”

“อืม”

กงชิงวี่ดึงมืออันหลิงหยุน พานางไปยังฝั่งจวนอ๋องตวนเพื่อสังเกตการณ์

ในเวลาช่วงเช้า มีรถเกี้ยวสีแดงขบวนหนึ่งเดินทางมาจากจวนเฉินเสี้ยงแล้วมาหยุดลงยังหน้าประตูจวนอ๋องตวน จากนั้นก็มีหญิงสาวนางหนึ่งลงมาจากเกี้ยวเจ้าสาว พร้อมกับนางกำนัลที่เดินตามหลังมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน