ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 850

บทที่ 850 หาเรื่องออกจากวัง

จะไปรายงานอย่างไรนั้นอันหลิงหยุนไม่ได้สนใจ ไม่มีก็คือไม่มี

สองสามีภรรยาคุยกันอยู่พักใหญ่ อันหลิงหยุนจึงเข้าไปกอดกงชิงวี่เอาไว้จนหลับไป

เมื่อมองดูอันหลิงหยุนที่นอนอยู่ในอ้อมกอด กงชิงวี่ก็คิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา แล้วนึกถึงแววตาที่ร่างเดิมมองเขา เขากอดอันหลิงหยุนเอาไว้แน่น จากนั้นจงพลิกตัวลุกขึ้นมาจูบอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนรู้สึกตัวตื่นขึ่น สองสามีภรรยาทำเรื่องอย่างว่ากันอีกครึ่งค่อนคืน

วันรุ่งขึ้นขณะที่ฮ่องเต้ชิงหยินกำลังตรวจสอบสินค้าคงคลัง ก็ตั้งใจที่จะหาหนังเสือโดยเฉพาะแต่กลับหาไม่เจอ

ส่วนที่เหลือนั้นไม่ได้ดู ฮ่องเต้ชิงหยินรู้สึกแปลกใจ : “หนังเสือของข้าล่ะ ?”

“กระหม่อมไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ” กงชิงวี่ตอบอย่างฉะฉาน

ฮ่องเต้ชิงหยินรู้สึกประหลาดใจ : “ทำไมไม่ว่าของอะไรเจ้าก็อยากได้ไปเสียหมด ? หนังเสือผืนนั้นจะเก็บเอาไว้ให้องค์หญิง เจ้าจงไปนำมา แล้วข้าจะไม่ติดใจเอาความกับเจ้า ถ้าไม่เช่นนั้นข้ากับเจ้าไม่จบง่ายๆแน่ !”

กงชิงวี่ถอดชุดด้านนอกออก : “ฝ่าบาทจะทรงปลดกระหม่อมออกจากตำแหน่งก็ได้ กระหม่อมไม่ใช่คนประเภทที่ยักยอกของเพื่อประโยชน์ส่วนตน หนังเสืออะไรหม่อมฉันไม่เห็นทั้งนั้น หรือว่ากระหม่อมขาดแคลนหนังเสือของฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ ?”

เหล่าขุนนางเองก็นิ่งเงียบ ตอนนี้อ๋องเสียนมีทั้งโรงหมอ โรงงานยา อีกทั้งยังมีโรงเรียนแพทย์อีก ได้ยินมาว่าคนในโรงเรียนแพทย์ของอ๋องเสียนนั้น ล้วนเป็นพวกหัวกะทิทั้งสิ้น อยากจะเข้าไปเรียนนั้นยากนัก หาใครก็ไม่มีใครช่วยได้ อีกทั้งอ๋องเสียนยังมีร้านค้าอีกสามร้าน พูดได้ว่าเป็นคนที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล แล้วทำไมจะต้องสนใจหนังเสือผืนเดียวด้วย

ฮ่องเต้คิดจะหาเรื่องอ๋องเสียนจริงๆหรือ ?

กงชิงวี่หันมองฮ่องเต้ชิงหยินที่ยืนเหม่อลอย จึงได้หันหลังเดินจากไป

หลังจากออกว่าราชการเสร็จ ฮ่องเต้ชิงหยินก็กลับไปบ่นกับหยุนโล๋ชวน หยุนโล๋ชวนได้ยินก็รู้สึกขำ : “จะต้องเป็นพวกเขาเอาไปแน่นอนเพคะ ถ้าหากไม่แน่ใจก็จงตรวจสอบให้ถึงที่สุด แต่หนังเสือเพียงผืนเดียว ฝ่าบาทจะทรงคิดเล็กคิดน้อยทำไมกันเพคะ อย่างไรเสียเขาเองก็เป็นน้องชายของพระองค์”

“ข้าเตรียมเอาไว้ให้องค์หญิง เขาเอาไปแล้ว แล้วข้าจะมอบให้องค์หญิงได้อย่างไร ?”

“องค์หญิงยังไม่ประสูตินะเพคะ คิดว่ากว่าจะประสูติก็อาจจะมีผืนใหม่แล้วก็เป็นได้ ฝ่าบาทอย่าไปเอาคืนเลยเพคะ แต่จะลองออกไปดูก็ได้ ไม่ใช่ฝ่าบาททรงตรัสว่าหากพวกเราอยากออกจากวังเมื่อไหร่ก็สามารถออกไปได้ตามใจหรือเพคะ ? ไม่สู้อาศัยโอกาสครั้งนี้ออกนอกวังไปดูสักหน่อย พวกเราเองก็ไม่ได้ออกจากวังนานแล้ว จะได้ถือโอกาสจัดการเรื่องงานแต่งงานของตงเอ๋อด้วย นางเองก็อายุไม่น้อยแล้ว

หยุนโล๋ชวนลุกขึ้น ฮ่องเต้ชิงหยินตรัสถาม : “ข้ออ้าง ข้ออ้างอะไร ?”

“ฝ่าบาททรงเขลาหรืออย่างไรกันเพคะ ? ไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงทำผิดต่ออ๋องเสียนแล้วหรือเพคะ เขาเป็นถึงอ๋องเซ่เจิ้ง อ๋องเซ่เจิ้งจะไม่ออกว่าราชการได้อย่างไรกัน พวกเราไปดูเขาสักหน่อย ไปขอโทษเขาด้วยตนเอง ฝ่าบาททรงรักราษฎรเหมือนลูก เห็นพี่น้องสำคัญเช่นนี้ ราษฎรในเมืองหลวงจะต้องเทิดทูนฝ่าบาทอย่างแน่นอน พวกเราไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกัน หม่อมฉันไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ยอมกลับมา”

“อืม ถูกต้อง !” ฮ่องเต้ชิงหยินเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายมานานแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะออกไปดูสักที

สองสามีภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพาตงเอ๋อออกจากวังไป

“ฝ่าบาท ออกจากวังดีหรือไม่เพคะ ?” อากาศภายนอกวังช่างหอมหวานเสียจริง หยุนโล๋ชวนรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

ฮ่องเต้ชิงหยินทำเพียงแค่ขานรับ แล้วพูดว่า : “อีกหน่อยให้อ๋องเสียนออกจากตำแหน่งบ่อยๆก็คงจะดี พวกเราจะได้ออกมาเดินเล่นนอกวังได้ง่ายหน่อย”

“ฝ่าบาท ท่านรักราษฎรขนาดนี้ แต่ละเรื่องล้วนลงมือทำด้วยพระองค์เอง คงไม่จำเป็นจะต้องหาเรื่องให้อ๋องเสียนออกจากตำแหน่งหรอกเพคะ ถ้าหากอยากออกจากวัง ขอเพียงแค่ภายในวังไม่มีธุระต้องสะสางก็ออกมาได้เพคะ หม่อมฉันจะเสด็จเป็นเพื่อนพระองค์เอง !”

“อืม”

ทั้งสองไปถึงยังประตูจวนอ๋องเสียน เมื่อคนรับใช้เห็นฮ่องเต้ชิงหยินก็ตกใจเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่ฮ่องเต้หรอกหรือ ?

รีบเดินเข้าไปคุกเข่าลงแล้วก้มหัวคำนับฮ่องเต้ชิงหยิน

“ลุกขึ้นเถอะ อยู่ข้างนอกคนอื่นจะได้ไม่สนใจนัก เรียกอ๋องตวนกับพระชายาตวนก็พอแล้ว วันนี้ข้ามานี่เพื่อจะมาหาอ๋องเสียน ตอนอยู่ในท้องพระโรง ข้าว่ากล่าวเขาไปสองสามประโยค เขาก็ลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับบ้านมา ข้าเองรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ข้าเองเป็นถึงผู้นำประเทศ แต่กลับไม่คำนึกถึงส่วนรวมเป็นหลัก วันนี้ข้าจึงตั้งใจที่จะมาขอโทษ ไม่ต้องสนใจข้า ข้ากับฮองเฮา......กับพระชายาจะไปหาเขาเอง”

ฮ่องเต้ชิงหยินพูดพลางก็จูงมือหยุนโล๋ชวนที่เดินอุ้ยอ้ายเต็มทีเข้าจวนอ๋องเสียนไป ทำให้คนในจวนอ๋องเสียนต่างก็ตกใจจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ฮ่องเต้ชิงหยินพาหยุนโล๋ชวนเดินมาถึงลานโอวหลาน มีเฟยยิงยืนอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นอ๋องตวนเฟยยิงก็รีบคุกเข่าลง : “ถวายบังคมฝ่าบาท”

ฮ่องเต้ชิงหยินโบกมือ : “ลุกขึ้นเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน