ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 99

บทที่ 99 ท่านอ๋องได้รับงาน

เมื่อพ่อบ้านออกไปแล้ว อ๋องตวนลุกขึ้นพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดไปถึงหน้าตาอันหลิงหยุนที่แสนเกลียด กลับไม่ได้รู้สึกเกลียดชังอีกแล้ว

อันหลิงหยุนรอจนเมื่อแม่ทัพอันกลับออกจากวังกลับมาถึงจวน เมื่อบิดาและบุตรพบหน้ากัน แม่ทัพอันแจ้งว่าฮ่องเต้ไม่เอาผิดอะไรกับเรื่องนี้ เพียงแต่จะถกกันต่อในประชุมขุนนางช่วงเช้า

อันหลิงหยุนทราบดี เรื่องนี้คงไม่ผ่านพ้นไปง่ายๆ อย่างไรต้องดูความเห็นของฮ่องเต้ และบรรดาขุนนางทั้งหลายคิดอยากจะต่อกรกับจวนอ๋องเสียนหรือไม่

เมื่อพูดคุยกับแม่ทัพอันเสร็จแล้วอันหลิงหยุนจึงกลับไปจวนอ๋องเสียน

เมื่อเข้าประตูไปอันหลิงหยุนนั่งอยู่บนขอบเตียงพลางซึมเซาไปแล้ว เดิมทีนางทำด้วยใจประสงค์ดี คิดไม่ถึงว่าจะก่อเรื่องถึงจวนอ๋องเสียนไปได้

เสียงเปิดประตูเข้ามา อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นเป็นกงชิงวี่ที่เดินเข้ามาจากภายนอก

“ท่านอ๋อง”

ครั้งนี้อันหลิงหยุนลุกตัวยืนขึ้นด้วยใจจริง พลางยืนนิ่ง

“ดูไม่มีเรี่ยวแรงเชียว เสียเปรียบล่ะสิ?” กงชิงวี่เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีพลางเดินไปใกล้เตียง คลายเสื้อเตรียมจะถอดเสื้อ

อันหลิงหยุนเรียกสติกลับมาไม่ได้จริงๆ และไม่ต่อปากต่อคำกับเขา

กงชิงวี่ถอดเสื้อพลางรออันหลิงหยุน อันหลิงหยุนจึงเอ่ยขึ้น “เห็นเหล่าผู้ยากไร้เหล่านั้นน่าสงสาร เดิมทีคิดจะช่วยเหลือพวกเขา แต่ข้าไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายถึงเพียงนี้ เรื่องนี้เกรงว่าอาจไม่จบเพียงแค่บิดาข้าเข้าวังรายงานฮ่องเต้ มีสายตาจากนอกวังในวังคอยจดจ้องอยู่มากมาย”

“ใจทำด้วยปรารถนาดี แต่หากใช้สมองคิดเสียหน่อยก็จะรู้ หากสุดท้ายแล้วช่วยเหลือได้ ก็คงช่วยไปนานแล้ว คนเหล่านั้นยอมอดตายหนาวตาย แต่ก็ไม่ยอมใช้สองมือทำงาน เจ้าจะไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือจะไปทั้งชีวิตของเจ้า หากพวกเขาไม่ช่วยเหลือตัวเอง ไม่ว่าเจ้าจะช่วยพวกเขาอย่างไรก็ประหนึ่งขว้างอาหารให้สุนัขให้ไปไม่มีวันกลับคืน” กงชิงวี่ค่อยๆ อธิบาย อันหลิงหยุนก็พยักหน้าหงึกหงัก

“เป็นจริงดังนั้น” มนุษย์เสื่อมทรามอยู่แล้ว ยิ่งบรรดาคนที่ยากจนค้นแค้นจิตใจท้อแท้จนชินชาเหล่านั้น

มีบางครั้ง การไม่แก่งแย่งชิงดีไม่นับว่าสมถะ บางทีอาจมีความหมายแฝงอย่างอื่น

“นอนเถอะ วันพรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังรับบัญชา จะอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดแจ้ง” เมื่อพูดจบกงชิงวี่พลันดึงผ้าห่มไปเหลือที่ให้อันหลิงหยุนนั่งบนเตียง อันหลิงหยุนจึงถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อตัวในพลางขึ้นไปนั่งบนเตียง

ทั้งคืนกลับนอนไม่หลับ กงชิงวี่ออกไปเข้าวังแต่เช้า อันหลิงหยุนกอดหมาจิ้งจอกหางสั้นทั้งเจ้าเดินไปมาไม่หยุดเท้า เดินวนไปมารอฟังข่าว

ในที่สุดคนที่เขารอคอยก็กลับมา นางอุ้มหมาจิ้งจอกหางสั้นออกไป

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

กงชิงวี่สวมชุดราชการทั้งตัว อาภรณ์สีม่วงปักลายมังกรเมฆมงคล ศีรษะสวมเครื่องประดับศีรษะมังกรทองเก้าตัวประดับมุกและพลอยสีม่วง แต่งกายดูประณีตบรรจงมากกว่าปกติหลายเท่า

แต่ตอนนี้อันหลิงหยุนไม่มีใจคิดเรื่องอื่นๆ กลับใส่ใจเรื่องเมื่อวานที่สุด

“ต้องขอบคุณพระชายา ตัวข้าจึงได้รับงานทำ” กงชิงวี่หน้าตาภาคภูมิยิ่งนัก อันหลิงหยุนไม่เข้าใจแล้ว

“หมายความว่าอะไร?”

กงชิงวี่จ้องไปยังเจ้าหมาจิ้งจอก “ไปเล่นที่อื่น”

เจ้าหมาจิ้งจอกหางสั้นแม้คิดแต่ปกป้องอันหลิงหยุน แต่กลับไม่กล้าฝืนคำสั่งกงชิงวี่ เพียงเขาเอ่ยปากเจ้าหมาจิ้งจอกพลันกระโดดออกจากอ้อมแขนอันหลิงหยุน กระโดดไปเล่นทางอื่นเลย

อันหลิงหยุนเวลานั้นจึงเอ่ยถาม “ตกลงเรื่องเป็นยังไงกันแน่?”

“ฮ่องเต้พลันให้ความสนใจเรื่องราษฎรที่ทุกข์ยาก เดิมทีรู้เพียงว่ามีกี่ร้อยคน เรื่องนี้กับประเทศต้าเหลียงแล้ว หรือแม้แต่กับเมืองหลวงเอง ก็ไม่นับเป็นอะไร แต่พลันมีหลักหลายร้อยคนรวมตัวกันมา ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีถึงนับพัน เรื่องนี้ก็ไม่อาจมองข้ามไปได้ ยิ่งภายใต้ราชวงศ์ บรรดาราษฎรที่ทุกข์ยากเหล่านั้นอาจจะทำอะไรก็ได้ ไม่พูดถึงการทำอันตรายถึงฮ่องเต้ แต่กับบรรดาอ๋องทั้งหลายที่อยู่ในวังหลวง ก็ไม่อาจประมาทไป”

ฮ่องเต้อยากจัดการเรื่องนี้ให้ดี ก็ต้องหาเหตุผลดีๆ มาใช้” กงชิงวี่นั่งลง และอธิบายต่อไป

อันหลิงหยุนประหลาดใจขึ้นแล้ว “อย่างนั้นเหตุผลของเรื่องนี้คืออะไรกัน?”

กงชิงวี่ดื่มชาอึกหนึ่งแล้วเล่าต่อ “เมื่อเดือนที่แล้วภายในเมืองหลวงมีอ๋องคนหนึ่งเสียชีวิต เงินบางส่วนสูญหายไป เรื่องนี้ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่ได้ กลายเป็นคดีที่ยังไม่จบ ฮ่องเต้นำงานนี้มอบให้ข้าจัดการ ให้อำนาจพิเศษแก่ข้า แตะได้ถึงเบื้องสูงตั้งแต่ตระกูลขุนนาง แลลงไปถึงบรรดาขอทาน หากเมื่อค้นหาพบแล้ว สามารถฆ่าได้ก่อนสืบสวน”

“อย่างนี้แล้ว คือต้องประหาร?”

“ทำนองนั้น” กงชิงวี่เอ่ยเสียงราบเรียบ “นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว กดเรื่องนี้ลงไปได้ ยังจัดการเรื่องบรรดาประชาชนนอกเมืองเหล่านั้นด้วย”

อันหลิงหยุนนั่งลง “อย่างนี้แล้ว ช่างไร้จิตใจเสียจริง เพียงเพราะฮ่องเต้กังวล ก็ต้อง...”

คำพูดจากนั้นอันหลิงหยุนไม่เอ่ยต่อแล้ว ต้องควบคุมปากของนางเองจึงจะถูก

“อย่างนั้นแล้วเจ้าจะสืบเรื่องก่อน?หรือจะฆ่าคนก่อน?” จะอย่างไรอันหลิงหยุนก็ยังข้ามพ้นไปไม่ได้ หากต้องฆ่าคนจริงๆ คนเหล่านั้นต้องตายก็เพราะนาง

“แน่นอนว่าต้องสืบเรื่องก่อนสิ จะได้จับกุมบรรดาอันธพาลไปด้วย ส่วนเรื่องนอกเมือง หากพวกเขาไม่วุ่นวายก็ไม่จับ หากวุ่นวาย ข้าเองทำได้เพียงฆ่าร่วมร้อยเท่านั้น” ในเมื่อเขารับงานอันยุ่งยากนี่มาแล้ว หากไม่ดึงใครมารับผิดเสียหน่อยเรื่องก็คงผ่านไปยาก

กงชิงวี่มองไปยังอันหลิงหยุนด้วยสายตาคมคาย “ข้าได้รับงานประเสริฐเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะพระชายาทั้งสิ้น ข้าต้องขอบคุณพระชายาจึงจะถูก”

กงชิงวี่ตั้งใจเน้นเสียงคำว่างานประเสริฐสองคำ ฮ่องเต้บังคับให้เขาทำงานนี้ หากไม่ใช่เพราะนาง เขาก็คงยังเป็นอ๋องเสียนแสนสุขสบาย ทำไมจะต้องไปทำงานอันยุ่งยากวุ่นวายนี้

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋อง หม่อมฉันรู้ปิดแล้ว ภายภาคหน้าจะต้องตอบแทนท่านอ๋อง และจะไม่ทำอะไรโดยพลการ เพื่อไม่สร้างเรื่องให้ท่านอ๋องอีก” อันหลิงหยุนรู้สึกผิดจากใจจริง

กงชิงวี่นับว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กงชิงวี่จึงเอ่ยขึ้น “ช่างมันเถอะ ครั้งนี้ฮ่องเต้ให้งานข้ามาทำ ก็ไม่ใช่งานที่วันสองวันจะสำเร็จ ความคิดของฮ่องเต้ คงเกรงว่าข้าจะไร้ความสามารถ เจ้าทำเรื่องนี้นับว่าช่วยให้เขาได้โอกาสไม่มากก็น้อย”

อันหลิงหยุนทำทีเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ลังเลอยู่ ก็คงมีเพียงเขาที่กล้าพูดถึงฮ่องเต้เช่นนี้

อันหลิงหยุนรู้สึกได้ว่าเท่านี้ก็นับว่ากงชิงวี่เปิดใจมามากแล้ว มิเช่นนั้นเขาคงตรงไปจับคนนอกเมืองไปแล้ว

ใจของนางรู้สึกซาบซึ้ง อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่อยู่นาน

“ขอบคุณนะ!”

กงชิงวี่ที่ถือแก้วชาอยู่เตรียมจะดื่ม เมื่อได้ยินคำขอบคุณของอันหลิงหยุน อดไม่ได้ที่จะมองไป ใช้ดวงตาราวกับนกฟ้ามองอย่างสงสัย “พระชายาจริงใจหรือเปล่าเนี่ย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน