ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงอ่อนจนแทบสังเกตไม่เห็น นางมองไปทางองครักษ์หญิงแวบหนึ่ง
องครักษ์หญิงเข้าใจความหมายดี ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด “เอ่อ ฝ่าบาท…หม่อมฉันไม่อยาก…”
หญิงสาวจ้ององครักษ์หญิงเขม็ง พูดขึ้นเบาๆ อย่างไม่พอใจ “จะให้ข้าดูรึไง”
แล้วรีบหันหลังไป “ถอดสิ”
ซูลั่วเห็นองครักษ์หญิงหน้าแดงแจ๋ รู้สึกนึกขันขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะเขินอายจนต้องให้องครักษ์หญิงมาตรวจร่างกายแทน
เขาก็หน้าหนาพอตัว ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร ไม่พูดพล่ามทำเพลงก็ดึงกางเกงลง
องครักษ์หญิงยังไม่ทันได้เตรียมตัว “เจ้ารอ…”
ซูลั่วถอดกางเกงเสร็จเรียบร้อย องครักษ์หญิงเบิกตากว้าง ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ
หญิงสาวได้ยินเสียงตกใจขององครักษ์หญิงก็เข้าใจทุกอย่าง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใส่กางเกงได้แล้ว”
ซูลั่วค่อยๆ สวมกางเกงกลับ
หญิงสาวหันกลับมา มองดูองครักษ์หญิงที่หน้าแดงแจ๋แล้วกล่าว “ชิงอวี้ ไปเอาข้อมูลเกี่ยวกับเขามา”
“เพคะ!” ชิงอวี้รีบพูด แล้วออกจากตำหนักไป สลัดภาพติดตาในหัวออกไปไม่ได้…
หญิงสาวปัดผมแล้วมองซูลั่วที่รูปลักษ์หล่อเหลา เขาดูดี พอมองแบบนี้แล้วเขาก็ไม่เหมือนขันทีเลย
ไม่นานนัก ชิงอวี้ก็กลับมาพร้อมม้วนเอกสารไม้ไผ่ ส่งให้หญิงสาว
นางพลิกเปิดดูอย่างรวดเร็ว ซูลั่วได้แต่กลั้นหายใจ นี่มันเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของเขาเชียวนะ…
ในที่สุดนางก็พับม้วนเอกสารไม้ไผ่เก็บ แล้วร่ายประวัติชีวิตของซูลั่วออกมาทั้งหมด
“เป็นคนตำบลผีผาเมืองหนานหยาง พ่อชื่อซูเลี่ย แม่ชื่อซูหยาง…เข้าวังตั้งแต่อายุสิบห้า รับราชการมานมนานก็ยังเป็นได้แค่ขันที ไม่มีฝ่ายไหนอยากรับเจ้าเป็นพวกด้วย หึ น่าสนใจ”
ข้อมูลในนั้นรู้จักซูลั่วดีเสียยิ่งกว่าซูลั่วรู้จักตัวเองอีก
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจุดประกายความหวังให้ซูลั่ว “ตอนน้ีข้าจะให้โอกาสเจ้าชดใช้ความผิด เจ้าพร้อมจะรับไหม ”
ซูลั่วละล่ำละลักตอบ “ข้าพร้อม! ข้าพร้อม!”
ไม่พร้อมก็ต้องตายน่ะสิ!
“ดี!” ดวงตาเรียวยาวของนางแน่วแน่ ชวนดึงดูดอย่างน่าประหลาด
หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น เขากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง “ฝ่าบาท…ต้องการให้ข้า…”
นางกล่าว “คืนวันพรุ่งนี้ ข้าต้องการให้เจ้านอนร่วมห้องกับฮองเฮา!”
และในขณะนี้จู่ๆก็เกิดมีฟ้าแลบขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงอึมครึมนั้นทำให้ซูลั่วตกใจ
บัดซบ ให้เขาไปนอนกับฮองเฮาเนี่ยนะ!
ถึงฮองเฮาจะถือเป็นของล้ำค่าชั้นดี
แต่เมื่อบ่ายเขาเพิ่งจะหนีความตายจากตำหนักฮองเฮามาได้ และรู้ว่าฮองเฮาสามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ความปรานีแม้แต่นิด!
นี่เป็นการส่งเขาไปตายชัดๆ !
ซูลั่วฝืนยิ้ม “ฝ่าบาท…ไม่ดีหรอกพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาเป็นถึง…”
สีหน้าของหญิงสาวเย็นชาลงทันที “ทำไม่ได้ใช่ไหม งั้นก็ไปตายซะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะนางหาชายหนุ่มคนนี้ได้เพียงคนเดียวในวังหลวงละก็
แค่การกระทำอันต่ำช้าเมื่อครู่นี้ หัวเขาก็ไม่อยู่บนบ่าแล้ว!
ซูลั่วตั่วสั่น รีบตอบ “ทำได้ ข้าทำได้พ่ะย่ะค่ะ! ข้าจะทุ่มเทสุดชีวิต ไม่ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! จะทำให้ฮองเฮาได้เห็น…ความน่าเกรงขามของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!
โธ่เว้ย ทำไมพูดแล้วฟังดูพิลึกพิลั่นแบบนี้
ซูลั่วไม่เคยพบเคยเห็นคนที่ขอร้องให้คนอื่นสวมเขาขนาดนี้มาก่อน!
แต่เขาก็รู้ว่าฮ่องเต้ไม่มีทางเลือก
จะให้ตีฉิ่งกับฮองเฮาก็คงไม่ได้
“หึ พูดจากะล่อนนักนะ” หญิงสาวจ้องเขม็งมาที่ซูลั่วอย่างไม่พอใจ
นางกำหมัดแน่น พูดระลึกถึงความหลัง “ตอนข้าอายุห้าปี พี่ชายฝาแฝดของข้าถูกวางยาพิษถึงแก่ชีวิต ท่านพ่อก็ล้มป่วยหนัก เกือบเอาชีวิตไม่รอด ราชสำนักสั่นคลอนอย่างหนัก ในช่วงวิกฤตนั้น จู่ๆ ท่านพ่อก็คิดหาทางออกขึ้นมาได้โดยป่าวประกาศออกไปว่าคนที่ตายคือข้า ไม่ใช่ท่านพี่ ตั้งแต่นั้นมา ก็ถือว่าข้าได้ตายไปแล้ว ข้ากลายเป็นท่านพี่และรับตำแหน่งรัชทายาทต่อ”
“จนกระทั่งข้าอายุได้สิบปี ท่านพ่อสวรรคต ข้าที่อายุเพียงสิบปีต้องขึ้นครองราชย์ต่อ พอนานวันเข้า ก็ยิ่งมีแต่คนสงสัยในตัวตนของข้า”
ซูลั่วนิ่งฟังอ้าปากค้าง…
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!
สายตาของนางดูหม่น พูดด้วยเสียงต่ำ “ตอนนี้สถานการณ์ในวังตึงเครียดมาก ขุนนางพากันจ้องจับผิดตัวตนของข้า โดยเฉพาะอ๋องจากเมืองต่างๆ ที่พากันสะสมกำลังพล จ้องหาโอกาสโจมตี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนยุคไปเป็นสปายขันทีผู้เก่งกาจ!(จบ)
ทำไมจบที่บท 10 ละครับเนี่ย -.-"...
น่าสนุก น่าสนใจมากๆค่ะ ยังไม่เคยอ่านแนวขันทีเลย รอๆอัพเดทตอนต่อไปอีกนะคะ...