ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 107

น้ำเสียงที่ดังเจื้อยแจ้ว ทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึง

พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนว่าจะมีใครกล้าพูดกับท่านอ๋องหรงเช่นนี้ เมื่อเด็กๆ ได้ยินชื่อท่านอ๋องหรงเข้าก็ต่างพากันฝันร้ายและหวาดกลัว

และเมื่อหากต้องพบเจอท่านอ๋องหรงเข้า บรรดาเด็กๆ ก็ต่างพากันหลบซ่อนตัว

แต่เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

ไม่เพียงเพราะความกล้าหาญของนาง แต่เป็นเพราะ......

คำพูดของนางแต่ละคำนั้นล้วนตรงประเด็นทั้งสิ้น

หรงเยี่ยทำหน้าบูดบึ้ง จากนั้นเอามือไปวางบนศีรษะของไป๋ชงเซิงและกล่าวอย่างอ่อนโยน "ได้ ทำตามที่เจ้าพูด"

ไทเฮาฮุ่ยและจักรพรรดิเหยาต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

จักรพรรดิเหยาสั่งให้คนเตรียมขบวนกองเกียรติยศ แต่หรงเยี่ยได้ปฏิเสธออกไป

เขาเดินออกจากตำหนักเฉียนชิงออกไปด้วยตัวเองท่ามกลางบรรดาเหล่าขุนนางและเสนาบดี ทุกฝีก้าวของเขานั้นมุ่งมั่นและแน่วแน่

บรรดาขุนนางและเสนาบดีที่มากล่าวโทษท่านอ๋องหรง ต่างพากันเก็บคำกล่าวหาไว้เงียบๆ

พวกเขาจะกลับไปเขียนคำกล่าวโทษอีกหนึ่งฉบับ

ตระกูลเสิ่นอบรมสั่งสอนลูกสาวไม่ดี ทำให้เกิดเรื่องปั่นป่วนความสงบในวังหลัง อีกทั้งยังทำให้ไทเฮาพลอยเสื่อมเสียไปด้วย และยังไร้ศีลธรรม ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์ได้

และยังมีขุนนางที่ยังคงคุกเข่าอยู่หน้าจักรพรรดิได้กล่าวขึ้น "ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องหรงเป็นคนดีมีความสามารถ เช่นนั้นศาลต้าหลี่ยังคงมีท่านอ๋องหรงเป็นผู้ดูแลจะเหมาะสมที่สุดพ่ะย่ะค่ะ"

"หลังจากที่ท่านอ๋องหรงเข้ามาบริหารจัดการศาลต้าหลี่แล้วนั้นก็ได้สืบสวนคดีที่ไม่ยุติธรรมมากมาย ถือเป็นท่านอ๋องคนหนึ่งที่มีพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ"

จักรพรรดิเหยาทอดพระเนตรไปยังเหล่าบรรดาขุนนางเสนาบดีทั้งหลายและตรัสว่า "ท่านอ๋องหรงใช้ความรุนแรง และยังคงถูกพักชั่วคราว" จากนั้นจึงได้เสด็จไปส่งไทเฮากลับตำหนักฮุ่ยหนิง

ภายในรถม้า

หรงจิ่งหลินร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดทาง

หรงเยี่ยขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ห้ามร้องไห้"

เสียงร้องไห้หยุดลง แต่เสียงสะอึกสะอื้นนั้นยังคงมีเสียงออกมาเป็นครั้งคราว

จิ่งหลินรู้สึกสงสารเขา จากนั้นจึงได้พูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้น "เสด็จพ่อ......ท่าน......ท่านเจ็บหรือไม่ขอรับ......"

เมื่อเขาถามหรงเยี่ยไปเช่นนั้นเขาก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา

เขาลูบไปที่หลังของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เหมือนกับที่เจ้าถูกลูกธนูปักร่างกายในครั้งนั้น ข้าเคยถูกลูกธนูปักพร้อมกันสามครั้งและถูกฝังอยู่ในหิมะถึงแปดวัน เจ้าคิดว่าถูกลูกธนูปักเจ็บหรือไม่?"

"เจ็บขอรับ" หรงจิ่งหลินตอบ

"อืม บาดแผลเหล่านี้บนร่างกายของข้า เมื่อเทียบกับการถูกลูกธนูปักแล้วนั้นก็เป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่เจ็บมากมายเท่าไรนัก" หรงเยี่ยอธิบายอย่างละเอียด

ไป๋ชิงหลิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ

หรงเยี่ยในฐานะพ่อ ช่างเป็นพ่อที่มีจิตใจดีคนหนึ่ง ไม่ว่าจะกับลูกชายของเขาหรือลูกสาวของนางก็ต่างพูดคุยด้วยความอดทนและตั้งใจ

และขณะนี้ นางได้หยิบยาออกมาหนึ่งเม็ดและยื่นให้กับเขา "กินเข้าไปสิ"

"นี่คืออะไรหรือ?"

"ท่านกินเข้าไปก็จะไม่รู้สึกเจ็บที่บาดแผลอีก มันสามารถระงับความเจ็บปวดได้ เช่นนี้จะทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย" ไป๋ชิงหลิงแทบคิดไม่ถึงเลยว่าเขาอดทนมาได้อย่างไรกับการที่มีรอยบาดแผลเต็มตัวเช่นนี้

เขายื่นมือออกไปรับและใส่ปากเข้าไป

ระหว่างทางกลับจวนท่านอ๋อง หรงเยี่ยก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดบริเวณบาดแผลอีกเลย เขารู้สึกเพียงแค่ร่างกายกำลังเผาไหม้อย่างรุนแรงและใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ

เมื่อเดินทางมาถึงจวนท่านอ๋องหรง

ร่างกายของหรงเยี่ยก็ร้อนเหมือนเปลวไฟ

อิงอู๋และอิงซาเข้ามาประคองเขาลงจากรถม้า ฝีเท้าของเขายังคงมั่นคงและเดินกลับเรือนไปด้วยตัวเอง

และเรือนนี้ก็คือเรือนที่ไป๋ชิงหลิงเคยอยู่มาก่อน และตอนนี้เองไป๋ชิงหลิงเพิ่งจะนึกได้ว่า ห้องเมื่อก่อนที่นางเคยอยู่คือห้องนอนของท่านอ๋องหรง!

"แม่นางไป๋ เราต้องเตรียมอะไรให้ท่านอ๋องบ้างขอรับ" อิงซาถาม

ตอนนี้เขาเชื่อมั่นในตัวของไป๋ชิงหลิงอย่างมาก

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วถึงเหตุการณ์ตอนที่ไป๋ชิงหลิงทำการผ่าตัดให้กับไทเฮา

เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำงานในสนามรบ แต่เกือบจะอาเจียนออกมาตอนที่ทำการผ่าตัดให้กับไทเฮา แต่นางกลับมีสมาธิแน่วแน่ และสามารถควบคุมเหตุการณ์ตอนนั้นได้เป็นอย่างดี......

"เตรียมน้ำร้อน ข้าวต้ม และเสื้อผ้าสะอาด" ไป๋ชิงหลิงกล่าว

อิงซารีบเดินออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว......

หรงเยี่ยได้นั่งลงที่เก้าอี้และไป๋ชิงหลิงก็เดินเข้าไป จากนั้นยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเขา และ......

เขายกมือขึ้นมาและคว้าข้อมือของนางไว้......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น