เม็ดฝนตกกระทบลงบนอาภรณ์ของไป๋ชิงหลิง ยิ่งทำให้รู้สึกหนาว
เสียง "เอี๊ยดอ๊าด" ดังขึ้น
ประตูใหญ่ของจวนอ๋องเปิดออก
ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านในและล้อมนางเอาไว้
ดวงตาของไป๋ชิงหลิงจับจ้องไปที่ชายคนสุดท้ายที่เดินผ่านประตูออกมา นางน้อมตัวทำความเคารพ “ข้าน้อยไป๋เจาเสวี่ยคำนับท่านอ๋อง...”
ยังไม่ทันจะคำนับเสร็จ มือที่ซ้อนกันของนางก็ถูกฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้แน่น
ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นในทันที “ท่านอ๋องหรง! ”
“ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า เจ้ากลับมารนหาที่ตาย” น้ำเสียงเย็นยะเยือกแฝงไปด้วยความโกรธ
เขากำมือทั้งสองของนางจนแน่นแล้วใช้แรงลากนางเข้าไปในจวน
ไป๋ชิงหลิงเดินโซเซเล็กน้อย แล้วถูกบังคับให้เดินไปข้างหน้า แรงจากฝ่ามือของเขาทำให้มือทั้งสองของนางเจ็บ
“ปล่อยข้า ท่านทำให้ข้าเจ็บ ข้าเดินเองได้” นางมาที่นี่เนื่องจากอาการบาดเจ็บของหรงจิ่งหลิน
การแพทย์ในสมัยโบราณนั้นล้าหลัง อีกทั้งร่างกายของเด็กน้อยก็อ่อนแอ หากไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย เขาคงจะไม่รอด
แต่นางไม่คาดคิดเลยว่า ชายผู้นี้จะป่าเถื่อนกับนางเช่นนี้...ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
นางถูกเขาลาก ไม่เพียงแต่มือของนางที่เจ็บ แม้แต่หลังที่โดนแส้ฟาดใส่ก็พลอยเจ็บเจียนตายตามไปด้วย
เสียง "ปัง" ดังขึ้น
เสียงประตูปิดลงทำให้ไป๋ชิงหลิงตกใจ
นางหันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำนายหนึ่งกำลังขัดกลอนประตู
ไป๋ชิงหลิงสั่นสะท้าน แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดอะไร นางก็ถูกแรงผลักให้ไปข้างหน้า หลังของนางกระแทกกับราวทางเดินอย่างจัง
“โอ๊ย...” นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ในขณะเดียวกันหรงเยี่ยก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิ “ว่ากันว่าแม่และลูกนั้นมีใจเกี่ยวพันกัน จิ่งหลินชอบเจ้ามากขนาดเรียกเจ้าว่าแม่ เจ้าเจ็บ ก็ถูกต้องแล้ว”
ตรรกะอะไรกัน
เขาเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น