ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 110

นางอยากอยู่อย่างสงบเงียบกับลูกสองคน…..

หรงเยี่ยเห็นท่าทางของนาง เลยกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ไม่อยากกินข้าวที่นี่หรือ”

“ไม่ใช่เลย” คนป่วยใหญ่สุด ท่านมีความสุขก็ดีแล้ว

นางขี้เกียจจะเป็นปากเป็นเสียงกับเขาแล้ว

กินอาหารกับลูกสองคนเสร็จ หรงเยี่ยก็หลับไปแล้ว

ลูกสองคนอยู่ที่เรือนของหรงเยี่ย ไป๋ชิงหลิงกล่อมพวกเขานอนแล้ว ก็ลุกขึ้นไปดูหรงเยี่ยสักหน่อย

เขากินยาไข้ก็ลด ตลอดคืนจนถึงเช้าไม่ได้มีไข้สูงแล้ว

บาดแผลมองด้วยตาเปล่าก็ใกล้จะหาย ไป๋ชิงหลิงตื่นตะลึงอึ้งอย่างมาก

เขาคุกเข่าอยู่ที่พระตำหนักเฉียนชิง พูดตามหลัก ต้องหนักกว่าเสิ่นโหรวเม่ย แต่นี่กลับไม่เลย

กลับกันเริ่มหายแล้ว

กลับจวนสามวัน เขาเคลื่อนไหวอย่างอิสระ ไม่เหมือนกับคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลย

เขายังถือโอกาสตอนรักษาบาดแผล กดนางลงบนเตียงอยู่หลายครา รังแกนางอย่างเหี้ยมโหด

นางโมโหเดือดดาลตบที่หน้าของเขา กล่าวว่า “ในเมื่อร่างกายของท่านอ๋องหรงดีแล้ว ข้าก็ควรที่จะกลับจวนติ้งเป่ยโหวได้แล้ว”

หรงเยี่ยขมวดคิ้ว กายคร่อมอยู่บนตัวของนาง เขากดนางลงบนเตียง มือทั้งสองข้างกอบกุมข้อมือทั้งสองข้างของนาง กล่าวว่า “กลับไปทำอะไร คนของจวนติ้งเป่ยโหวไม่ได้เห็นเจ้าเป็นคนในครอบครัวตนเอง ติ้งเป่ยโหวคนไร้น้ำยา แม้แต่ลูกสาวของตนเองยังดูแลปกป้องไม่ได้!”

นอกจากนี้แม่ของจิ่งหลินยังถูกคนตีตาย ภาพจำที่เขามีต่อติ้งเป่ยโหวแย่มาก

แต่ไป๋ชิงหลิงไม่ยอมให้เขาว่าติ้งเป่ยโหวอย่างนี้

นางกล่าวขึ้นด้วยโมโหว่า“เขาคือท่านพ่อของข้า ท่านอย่าว่าเขาเช่นนี้ ต่อให้เขาจะไม่ดีอย่างไร ใจก็ยังคิดถึงเป็นห่วงข้า “

“เหอะ……”หรงเยี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าลืมแล้วใช่ไหม ติ้งเป่ยโหวมีลูกสาวในนามสามคน ลูกชายสองคน ยังไม่รวมอดีตพระชายาต้วนที่เสียชีวิตจากการภาวะคลอดลูกยากด้วย !”

“อดีตพระชายาต้วน”คำนี้พ่นออกมา ไป๋ชิงหลิงตัวสั่นระริกอย่างเห็นได้ชัด

สายตาของหรงเยี่ยจ้องมองที่นัยน์ตาของนาง พอดีกับได้เห็นความผิดปกติของนาง…..

เพราะว่าได้ยินคำว่า“อดีตพระชายาต้วน “ !

หรือว่าร่างกายได้รับความกระทบกระเทือน……

ไป๋ชิงหลิงตะหนักได้ว่าตนเองควบคุมสติไม่อยู่ เลยดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง กล่าวด้วยอารมณ์รุนแรงขึ้นว่า “ไม่ว่าเขาจะมีลูกกี่คน ในสายตาของข้า เขาเป็นพ่อที่ไม่เคยปฏิบัติต่อข้าอย่างไม่ยุติธรรม ข้าไม่อนุญาตให้ท่านมาว่าเขาอย่างนี้ หากท่านเป็นผู้ชาย ก็ไม่ต้องพูดเรื่องไม่ดีของคนอื่นลับหลัง”

“ได้”หรงเยี่ยตอบรับอย่างตรงไปตรงมา “เช่นนั้นไม่พูดถึงติ้งเป่ยโหวแล้ว มาคุยเรื่องที่ฝ่าบาทมอบจวนแก่เจ้าเถิด นั่นเป็นจวนขององค์หญิงเฟิ่งอวี้ตอนมีชีวิตอยู่ หลังจากที่เอาจวนขององค์หญิงกลับมา ก็ว่างมาโดยตลอด เจ้ามีจวนของตนเอง เหตุใดถึงไม่ย้ายออกมาพักเพียงลำพังอย่างสงบมีความสุขบ้าง”

“ใครให้ท่านมายุ่ง!”ไป๋หลี่ชิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ

หรงเยี่ยหรี่ตา พ่นลมหายใจอุ่นร้อนใส่หน้านาง กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าอย่าเสียใจภายหลัง”

พูดแล้ว หรงเยี่ยจึงลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้องนอนไป

ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นนั่ง จ้องมองเงาร่างของเขา ด่าทอขึ้นว่า“ข้าไม่เสียใจภายหลัง เรื่องของข้า ข้าตัดสินใจเองได้ ท่านไม่ต้องมายุ่ง !”

ในวันเดียวกัน ไป๋หลี่ชิงเก็บของแล้วพาไป๋ชงเซิงกลับไปที่จวนติ้งเป่ยโหว

ติ้งเป่ยโหวรู้ว่าไป๋ชิงหลิงจะกลับมาที่จวน เลยรออยู่ที่หน้าจวนติ้งเป่ยโหว

รถม้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวน จื่ออี ลี่ว์อวี ชิงอีรีบวิ่งมา

“แม่นาง คุณหนูน้อย”

จื่ออีโอบกอดอุ้มไป๋ชงเซิง

ไป๋ชิงหลิงลงรถมาเอง มองไปทางติ้งเป่ยโหวที่อยู่หน้าประตูจวน นางรีบสาวเท้าเดินไปกล่าวว่า :“ท่านพ่อ”

“ท่านอ๋องหรงให้คนมาส่งข่าว บอกว่าเจ้าจะกลับจวน ข้าเลยเรียกพวกนางให้ออกมารับ พวกนางรู้ว่าเจ้าได้งานอยู่ในวัง ล้วนดีใจอย่างยิ่ง”ติ้งเป่ยโหวก็ดีใจภูมิใจแทนนางด้วย

“ท่านพ่อ พวกเรากลับไปคุยในจวนเถิดเจ้าค่ะ”

“ใช่ กลับจวน”ติ้งเป่ยโหวรับไป๋ชิงเซิงมาจากมือของจื่ออี ขณะที่เตรียมจะกลับเข้าจวน ได้มีคนของเรือนฉืออวี้มา……

#เรียนผู้อ่าน บทถัดจากนี้ไปจะเพิ่มเนื้อหาเยอะกว่าเดิม 2เท่า ขอบคุณที่ติดตาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น