ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 112

ติ้งเป่ยโหวทำสีหน้าหนักใจอย่างมาก แต่เขามีหลักการของตัวเอง เขารับไป๋ชิงหลิงกลับมาก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ

ในเมื่อตอบแทนบุญคุณ เช่นนั้นเขาก็ไม่หวังผลตอบแทนอะไร

หากไม่มีไป๋ชิงหลิง เขาคงต้องจบชีวิตลงให้กับไป๋เจียวกวน และมีหรือจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่เช่นนี้

ที่จวนติ้งเป่ยโหวของพวกเขามีทุกวันนี้ได้นั้น เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะไป๋ชิงหลิง ไม่เช่นนั้นเมื่อห้าปีก่อน......เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านอ๋องต้วนนั้น เขาคงต้องสูญเสียความเชื่อมั่นที่จักรพรรดิมีต่อเขาไป

ติ้งเป่ยโหวกำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าไป๋ชิงหลิงกลับพูดขึ้นมาก่อน "ท่านพ่อ ฮูหยินอาวุโสพูดถูกเจ้าค่ะ มากคนก็มากความ แต่ละอย่างล้วนจำเป็นต้องใช้เงินตำลึงจำนวนมาก"

สีหน้าของฮูหยินอาวุโสอ่อนลง

ฮูหยินรองทำสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย และในใจก็คิดวางแผนว่าจะนำรางวัลพระราชทานที่ไป๋ชิงหลิงได้รับมานั้น ไปจัดการวางแผนอย่างไรดี

เตรียมเป็นสินสอดของหมิงอวี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นค่อยหลงเหลือไว้ให้เฮ่าเอ๋อร์ใช้ในการจัดงานแต่งงานในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ฮูหยินอาวุโสได้กำนดความร่ำรวยไว้กับหมิงอวี้แล้ว นางคิดว่าเพียงแค่ไป๋หมิงอวี้ได้แต่งงานเข้าไปยังจวนท่านอ๋อง ผู้หญิงคนอื่นในจวนโหวก็จะมีหน้ามีตาและมีชื่อเสียงขึ้นมาได้

คนโตได้แต่งงานกับจวิ้นอ๋อง เช่นนั้นหญิงสาวคนอื่นก็คงจะไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน

และการแสดงออกถึงความโลภของไป๋ชิงหลิงก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของไป๋ชิงหลิง

ในแววตาของนางมีความเย้ยหยันและกล่าวขึ้นมา "ฉะนั้น เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดของข้าและลูกสาวในจวนติ้งเป่ยโหวนี้ รวมไปถึงคนใช้ที่อยู่ในเรือนทั้งหมด ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ฮูหยินอาวุโสไม่ต้องกังวลใจไป ฮูหยินติ้งเป่ยโหวทำตามปกติอย่างที่เคยทำได้เลย ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของข้า อย่างไรเสีย การควบคุมดูแลจวนแห่งหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอะไร ข้าไม่อาจทำให้ฮูหยินต้องลำบากมากไปกว่านี้"

เมื่อพูดจบ ความฝันของทุกคนก็พังทลายหายไป

รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินรองก็ได้มอดดับลง ทว่าฮูหยินอาวุโสกลับขมวดคิ้วและทำสีหน้าดุดัน

แม่นางหลิ่วก็เช่นกัน

ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าสีหน้าของพวกเขาไม่มีความสุขก็ยิ่งอยากอาหารมากขึ้น จากนั้นจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะกล่าวชื่นชม "อาหารของฮูหยินอาวุโสช่างเอร็ดอร่อยมากเหลือเกิน"

ไป๋อู้อี้ก็มีความสุขมากเช่นกันที่เห็นพวกเขากินอย่างเอร็ดอร่อย "อาหารการกินที่ฮูหยินอาวุโสที่นี่ เป็นอาหารที่อร่อยมากที่สุดของจวนติ้งเป่ยโหว เจ้ากินเข้าไปเยอะๆ หากฮูหยินอาวุโสไม่เชิญเจ้ารับประทานอาหาร เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่ได้กินหรอก"

"เจ้าห้า!" ฮูหยินอาวุโสรู้สึกโกรธลูกชายคนเล็กของนาง

นางมีลูกทั้งหมดห้าคน รวมติ้งเป่ยโหวด้วยจะเป็นหกคน ทว่าฮูหยินอาวุโสกลับไม่เคยยอมรับติ้งเป่ยโหว ฉะนั้น ไป๋อู้อี้ที่เดิมทีควรจะเป็นลูกลำดับที่หกก็ได้กลายเป็นเจ้าห้าที่ใครๆ ในจวนต่างก็เรียกกัน

ไป๋อู้อี้ไม่ชอบขี้หน้าพวกเขา โดยเฉพาะอนุภรรยาที่มีหน้าตาน่ารังเกียจ

"ท่านแม่ เหตุใดต้องทำเช่นนี้ด้วย พี่ใหญ่เพียงแค่พาผู้หญิงกลับมาด้วยหนึ่งคน ไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายอย่างไร พี่ใหญ่ก็สามารถจัดการเลี้ยงดูได้ และไม่ถึงขั้นต้องลดปริมาณอาหารการกินของท่านแม่ไปหรอกขอรับ ท่านบอกให้เจาเสวี่ยนำรางวัลตอบแทนที่ฝ่าบาทให้นางมามอบให้กับท่านพี่สะใภ้ เช่นนั้นตอนที่พี่ใหญ่ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทในราชสำนัก เหล่าขุนนางคนอื่นจะว่าอย่างไร คงพูดกันว่าจวนติ้งเป่ยโหวไม่เอาไหนเสียเลยอย่างแน่นอน"

"เจ้า......" ฮูหยินอาวุโสโกรธจนหน้าแดงก่ำและพูดอะไรไม่ออก

ไป๋ชิงหลิงกลับหัวเราะชอบใจอย่างรู้ทันอาสี่คนนี้......

"อาสี่ ฮูหยินอาวุโสหวังดีที่จะคอยดูแลจัดการเรื่องบัญชีให้กับข้า แต่อย่างไรเสียนั่นก็เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทพระราชทานให้กับข้า รางวัลตอบแทนของราชวงศ์ ข้าจะมอบให้กับคนอื่นจัดการอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร" ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้วกล่าว

ฮูหยินอาวุโสโกรธมากและตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะกล่าวว่า "ไม่กินแล้ว"

"ข้าก็กินอิ่ม เซิงเอ๋อร์ เจ้ากินอิ่มแล้วหรือไม่?" ไป๋ชิงหลิงถาม

ไป๋ชงเซิงที่กำลังถือห่านย่างอยู่ในสองมือของนางได้ตอบขึ้น "ท่านแม่ ข้าอิ่มแล้ว อาหารของฮูหยินอาวุโสช่างอร่อยเหลือเกิน"

"เช่นนั้นยังไม่รีบขอบคุณฮูหยินอาวุโสอีกหรือ"

"ขอบคุณท่านฮูหยินอาวุโสเจ้าค่ะ" ไป๋ชงเซิงกล่าวพลางพร้อมกับรับประทานไปด้วย

เมื่อฮูหยินอาวุโสเห็นว่าพวกนางกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

นางตะคอกออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมดเดี๋ยวนี้"

ฮูหยินอาวุโสไม่รับประทานอาหารอีกต่อไป และบรรดาคนใช้ก็ไม่กล้าที่จะอยู่ตรงนั้นต่อไป

ติ้งเป่ยโหวบอกให้ไป๋ชิงหลิงกลับไปยังเรือนชิงซินก่อน และเขายังอยู่ที่เรือนฉืออวี้เพื่อพูดคุยกับฮูหยินอาวุโส

จากนั้นไป๋ชิงหลิงจึงพาไป๋ชงเซิงเดินออกไปจากเรือนฉืออวี้

ฮูหยินรองและไป๋หมิงอวี้เดินตามหลังนางออกไป

คนเหล่านี้ เมื่อตอนที่ติ้งเป่ยโหวยังอยู่ พวกเขาแทบไม่แยแสติ้งเป่ยโหวเลยสักนิด และตอนนี้ติ้งเป่ยโหวไม่ได้อยู่กับไป๋ชิงหลิงแล้ว ฮูหยินรองจึงไม่แม้แต่จะเสแสร้งแกล้งทำดีกับเขาเลย

นางเดินออกไปจากเรือนฉืออวี้และเรียกไป๋ชิงหลิง

"ไป๋เจาเสวี่ย"

ไป๋ชิงหลิงหยุดชะงักและหันไปมองนาง จากนั้นได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย

รอยยิ้มที่ยิ้มออกมาทำให้ดวงตาคู่นั้นราวกับพระจันทร์เสี้ยว

ทำให้ไป๋อู้อี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เคลิบเคลิ้ม......

เขาจำได้......จำได้ว่าตอนที่คุณหนูรองยิ้มก็มีลักษณะเช่นนี้ ดวงตาคู่นั้นราวกับพระจันทร์เสี้ยวที่ทั้งสวยงามและอ่อนโยน

เมื่อนึกถึงคุณหนูรอง ไป๋อู้อี้ก็รู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง

หากชิงหลิงยังมีชีวิตอยู่จะต้องมีความอย่างมากแน่ๆ......

ไป๋ชิงหลิงกลับไม่รู้ว่าไป๋อู้อี้กำลังเสียใจกับการตายของไป๋ชิงหลิงที่เป็นเจ้าของร่างเดิม

"ฮูหยินรอง" นางทำสีหน้านอบน้อมอ่อนโยน

ทว่าฮูหยินรองกลับรู้สึกมีบางสิ่งผิดปกติไป

นางเรียกไป๋อู้อี้ว่าอาสี่ แต่กลับเรียกนางว่าฮูหยินรอง นี่หมายความว่าอย่างไร?

ฮูหยินรองอยากจะเอารางวัลพระราชทานจากนางโดยตรง จึงได้กล่าวออกมา "หรือจะไปนั่งที่เรือนของข้าก็ได้ และวันนี้ก็อยู่รับประทานอาหารที่เรือนของข้า ถึงแม้ว่าอาหารการกินที่เรือนของข้าจะไม่ดีเลิศเท่าของฮูหยินอาวุโส แต่ก็เป็นอาหารที่คนปกติไม่สามารถหาทานได้ทั่วไป และก็ทำให้เจ้าประหยัดไปด้วยเช่นกัน"

ไป๋หมิงอวี้มองดูท่านแม่ของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

ไป๋ชิงหลิงเลิกคิ้วขึ้นและกล่าวอย่างอ่อนโยน "ขอบคุณฮูหยินที่เชิญข้า ลูกของข้ากลัวคนแปลกหน้า เช่นนั้นตอนนี้ข้าคงไม่ไปที่เรือนฮูหยินรองก่อน เงินตำลึงพระราชทานที่ฝ่าบาทพระราชทานให้มาก็เพียงพอที่จะให้ข้าใช้ได้กว่าสิบปี"

ฮูหยินรองพูดไม่ออกทันทีและรู้สึกอึดอัด

ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจหรือแสร้งไม่เข้าใจกันแน่......

นางดูไม่ออกหรือว่านางต้องการผูกมิตรกับนาง

"เจ้าเพิ่งจะกลับมาที่จวน เช่นนั้นก็ให้หมิงอวี้คอยดูแลเจ้าเถอะ" ฮูหยินรองแอบส่งขยิบตาให้กับไป๋หมิงอวี้

ไป๋ชิงหลิงมองตามสายตาของฮูหยินรอง "ข้ากำลังจะพาลูกไปนอนกลางวัน หากไม่มีข้าอยู่นางจะงอแงและนอนไม่หลับ ข้าเกรงว่าหากคุณหนูสามกลับไปที่เรือนกับข้าตอนนี้จะทำให้คุณหนูสามต้องลำบากไปด้วย"

คำพูดของฮูหยินรองถูกสกัดอีกครั้ง

เดิมทีนางเป็นเพียงหญิงสาวจากครอบครัวเล็กๆ ที่ถูกอบรมสั่งสอนมาไม่ดีเท่ากับหญิงสาวจากตระกูลชื่อเสียงในเมืองหลวง จึงทำให้อารมณ์ดีทั้งหมดที่มีได้ระเบิดออกมาในชั่วพริบตา

นางกล่าวอย่างหงุดหงิด "แม่นางเจาเสวี่ยรังเกียจอนุภรรยาอย่างข้า หรือว่ารังเกียจหมิงอวี้อย่างนั้นหรือ"

ไป๋ชิงหลิงกลับไม่รู้สึกแปลกใจกับนิสัยที่แท้จริงของฮูหยินรอง

"ฮูหยินรอง เมื่อสักครู่ที่ข้าพูดไป มีตรงไหนผิดไปอย่างนั้นหรือ?"

เมื่อไป๋ชิงหลิงถามกลับไปเช่นนี้ ทำให้ฮูหยินรองพูดไม่ออกอีกครั้ง

เมื่อสักครู่ที่ไป๋ชิงหลิงพูดออกไปไม่มีตรงไหนไม่ถูกต้อง แต่กลับกัน ท่าทีของนางดูอ่อนโยนและนอบน้อม

นางอดทนอดกลั้น เมื่อรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้ จากนั้นจึงเดินผ่านไป๋ชิงหลิงไปอย่างโกรธเคือง

ไป๋หมิงอวี้ก็เดินตามไปด้วยเช่นกัน

ไป๋อู้อี้มองไปยังแผ่นหลังที่เดินจากไปของฮูหยินรองและได้กล่าวปลอบใจไป๋ชิงหลิง "เจาเสวี่ย อาสะใภ้สามของเจ้าก็เป็นเช่นนี้ เจ้าอย่าได้สนใจนางเลย"

ฮูหยินอาวุโสไม่ยอมรับว่าติ้งเป่ยโหวเป็นลูกชายคนโต ทว่าไป๋อู้อี้กลับเรียงลำดับโดยมีติ้งเป่ยโหวเป็นคนโตสุดและไล่เรียงลำดับต่อๆ มาในการเรียกชื่อ

นายท่านรองเดิมทีควรจะอยู่ลำดับที่สาม!

"นางเป็นผู้อาวุโส หากข้าอดทนได้ก็ควรอดทนไปเช่นนี้ อาสี่ ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อน" ไป๋ชิงหลิงก็ไม่กล้าสนิทสนมใกล้ชิดกับไป๋อู้อี้มากเกินไป เพราะกลัวว่าคนในจวนจะเกิดเข้าใจผิดขึ้นมา

"อืม ข้าเดินไปส่งเจ้า" ไป๋อู้อี้ชอบลูกบุญธรรมที่ติ้งเป่ยโหวพากลับมาอย่างมาก และรู้สึกว่านางเหมือนกับหลานสาวคนรองของเขาที่ตายจากไป

หลังจากที่กลับถึงเรือน ไป๋อู้อี้ก็กลับไปโดยไม่ได้แวะเข้าไปในเรือน

ทันใดนั้นไป๋ชงเซิงได้ดึงเสื้อของไป๋ชิงหลิงและกล่าวว่า "ท่านแม่ เมื่อสักครู่ตอนที่ข้ากำลังรับประทานอาหารอยู่ ข้าเห็นนายท่านใหญ่เอาแต่จ้องมองแม่นางหลิ่ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น