จื่ออีก้มศีรษะลงมองกังหันลม ไป๋ชิงหลิงเอื้อมมือไปหยิบมา เหลือบมองแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็เผาเถอะ แล้วค่อยซื้อให้คุณหนูน้อยหนึ่งอัน”
ลี่ว์อีมองทิศทางที่ไป๋หมิงอวี้จากไป กล่าวขึ้นว่า“คุณหนูสามผู้นี้ตอนที่แม่นางไม่อยู่ มาที่เรือนชิงซินอยู่หลายครา มักจะถามคำถามแปลกๆเจ้าค่ะ บ่าวเห็นว่านางไม่เหมือนคนจะมีจิตใจดี แม่นางจะไปงานวันเกิดของยายเสิ่นจริงๆนะหรือเจ้าคะ”
“ไปสิ!”ไป๋ชิงหลิงหมุนเทียบเชิญที่อยู่ในมือไปมา กล่าวว่า: “ไม่ไปแล้วจะรู้ว่าคุณหนูสามคิดอะไรได้อย่างไรล่ะ”
เวลานี้ ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองลี่ว์อี พร้อมกล่าวว่า“เรือนทำความสะอาดเป็นอย่างไรบ้าง สองวันนี้ก็จะพาเซิงเอ๋อร์ย้ายเข้าไปแล้วนะ”
“อีกหนึ่งวันก็จะสามารถจัดการเอาหญ้าวัชพืชที่อยู่ในเรือนออกไปได้หมดเจ้าค่ะ ส่วนอื่นยังต้องค่อยๆจัดเจ้าค่ะ”
“ได้”
ในคืนวันนั้น หลังจากไป๋ชิงหลิงกล่อมไป๋ชงเซิงนอนแล้ว จึงกลับไปที่ห้องของตนเอง
ดับไฟเสร็จเรียบร้อย ไป๋ชิงหลิงกลับไปพักผ่อนที่เตียง ในเวลานี้ บานหน้าต่างได้เปิดออก ตอนไป๋ชิงหลิงลืมตาขึ้น ได้มีเงาดำครอบคลุมคร่อมเข้ามาแล้ว
ไป๋ชิงหลิงกำลังจะร้องตะโกน แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับใช้มือปิดที่ปากของนางไว้เสียก่อน
กลิ่นอายที่คุ้นเคยแผ่ซ่านลอยมาจากฝ่ายตรงข้าม !
“หรงเยี่ย !” ไป๋ชิงหลิงดึงมือของเขาออก และกล่าวตะคอกขึ้นด้วยความเดือดดาล
หรงเยี่ยกล่าวข้างกกหูนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เสียงดังขนาดนี้ ต้องการเรียกคนทั้งจวนมาดูพวกเราสองคนหรือ”
“ท่าน…….”กลางค่ำกลางคืนนางอยู่กับท่านอ๋องหรง หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป อย่างไรคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีทางคิดว่านางเป็นหญิงที่มีสมบัติผู้ดีหรอก
ถึงแม้จะเป็นท่านอ๋องหรงจะเป็นฝ่ายที่มาเรือนของนางด้วยตนเอง
คนอื่นจะพูดได้แค่ว่านางล่อลวงเขา ไม่มีทางพูดว่าท่านอ๋องหรงล่อลวงนางแน่นอน
พูดกันว่าท่านอ๋องหรงล่อลวงหญิงที่เคยผ่านการมีบุตรแล้ว นั่นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องตลกหรือ
แต่บนความเป็นจริง นางสลัดผู้ชายคนนี้อย่างไรก็สลัดไม่หลุดจริงๆ
เขามียางอายสักนิดหนึ่งบ้างได้ไหม
“ท่านลุกขึ้น แล้วออกไปเสีย”นางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ และออกแรงผลักเขา
แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับเอื้อมมือมาฉวยโอกาสคว้าตัวนาง จากนั้นพลิกตัวลงนอน แล้วทันใดนั้นไป๋ชิงหลิงกก็เป็นฝ่ายที่อยู่ด้านบนตัวเขา นางกล่าวขึ้นด้วยความตกใจว่า :“อย่า ท่านยังบาดเจ็บอยู่”
“เป็นห่วงข้าเสียจริง”
ไป๋ชิงหลิงกลัดกลุ้มใจ มือทั้งสองข้างต้านอยู่แถวไหล่ของเขา นางกล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า “ท่านมาทำอะไรที่ห้องของข้า ข้าต้องการพักผ่อนแล้ว วันพรุ่งนี้ตอนเช้าข้าจะไปทายาให้ท่านที่จวนท่านอ๋องหรง ท่านรีบปล่อยข้าเสีย”
เขาไม่ได้คล้อยตามนางเลย เขาพลิกตัวนางลงด้านล่าง ครั้งนี้ไป๋ชิงหลิงเลยอยู่ด้านล่างอีกครั้ง
ด้านนอกบานหน้าต่างมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา แสงสลัวโปรยปรายที่ใบหน้าของนาง วิสัยทัศน์การมองเห็นแบบขมุกขมัวนี้ ทำให้มองใบหน้าของไป๋ชิงหลิงไม่ค่อยชัดเจนเอาเสียเลย
ด้วยเหตุนี้ หรงเยี่ยเลยคุ้นเคยกับแสงสียามราตรีเช่นนี้มาก…..
นึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมชิดเชื้อกับอดีตพระชายาต้วนเมื่อห้าปีก่อน
เวลานี้ หรงเยี่ยถึงได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าเพราะเหตุใดเขาถึงลุ่มหลงพัวพันกับ“ไป๋จ้าวเสวี่ย”ไม่ยอมปล่อย
ที่แท้นางมีความคล้ายคลึงกันกับแม่ของจิ่งหลินมาก แม้ภายใต้ยามราตรีเช่นนี้ สายตาที่นางมองเขาล้วนเหมือนกันกับหญิงที่ตายไปแล้วผู้นั้นเลย
“ข้าเคยพูดแล้ว ว่าจะทำให้เจ้าเสียใจภายหลังได้”น้ำเสียงที่แผ่วเบาของเขาดังขึ้น
เสียง“หึ่ง”ดังขึ้นในสมองของไป๋ชิงหลิงทันที นางเลยนึกขึ้นได้ว่าตอนที่หรงเยี่ยปล่อยนางกลับมาที่จวนติ้งเป่ยโหว เขาเคยพูดว่า“เจ้าอย่าเสียใจภายหลัง” !
ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
เขาคิดที่จะมางัดมุมกำแพงนางทุกคืนหรือ
นางโกรธจนหน้าแดงก่ำ ทุบตีบริเวณหน้าอกของเขา แล้วกล่าวว่า“ท่านยังเป็นอย่างนี้อยู่นะ พวกเราก็อย่าคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบเลย”
“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยเจ้าเรียกคนมานะ”พูดแล้วหรงเยี่ยจึงยันกายลุกขึ้น
ไป๋ชิงหลิงลุกลี้ลุกลน มือทั้งสองข้างคว้าจับที่ชุดของเขา แล้วดึงกลับมา
พอนางดึงอย่างนี้ หรงเยี่ยเลยล้มตัวลงทันที ริมฝีปากของเขาสัมผัสโดนคิ้วและตาอย่างแผ่วเบา…..
จิตใต้สำนึกของไป๋ชิงหลิงทำให้หลับตาปี๋เม้มริมฝีปากแน่น และการเคลื่อนไหวนี้เป็นเพียงแค่ตอนที่ริมฝีปากเขาสัมผัสกับคิ้วและตาของนาง
ช่วงเวลาถัดมานางจึงผลักหน้าเขาออก กล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า”สรุปนี่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“บังคับเจ้า !” หรงเยี่ยกล่างอย่างสบายๆ”แต่งกับข้า !”
ไป๋ชิงหลิงหัวใจจะวาย
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนบังคับขู่เข็ญคนได้อย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนี้ได้
เขาก้มศีรษะลงมา ไป๋ชิงหลิงบีบที่คอเขาอย่างรวดเร็ว
แต่แรงของนางน้อย โดยพื้นฐานแล้วไม่นับว่าเป็นการบีบเขาหรอก
และมืออีกข้างของนาง ได้ต้านดันหน้าอกของเขาไว้ หายใจหอบเบาๆ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ได้ ข้าจะพิจารณาคำร้องขอของท่าน แต่ท่านต้องให้เวลาข้าเปิดรับท่านช้าๆหน่อย ท่านอ๋องหรงทำเช่นนี้ มีเพียงแต่จะทำให้คนหวาดกลัวได้”
“คิดพิจารณาอะไร?” เขาคิดเพียงว่าไม่มีอ๋องคนไหนที่รักษาตนให้พ้นจากปัญหายุ่งยาก ไม่สนใจผู้อื่นอย่างเขาแล้ว นางยังมีอะไรที่จะต้องคิดอีก
แต่สิ่งที่ไป๋ชิงหลิงคิด ไม่ใช่ตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจโดยแท้จริง
นางกล่าวขึ้นด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า“ข้าจะต้องทำอย่างไรถึงจะอธิบายกับท่านอย่างชัดเจนได้ โดยพื้นฐานแล้วท่านอ๋องหรงไม่ได้ชอบข้า ท่านเพียงแค่อยากหาแม่ให้จิ่งหลิน เพราะฉะนั้นข้าไม่เต็มใจ”
หรงเยี่ยหรี่ตา กล่าวว่า“เจ้าต้องการหัวใจของข้าหรือ?”
เขาเงียบไปพักหนึ่งแล้วกล่าวขึ้นอีกว่า “เจ้าชอบข้า !”
ไม่ !
เขาดูจากตรงไหนว่านางชอบเขา
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากระตุ้นเขา
เขากล้าไปฟาดเสิ่นโหรวเม่ยที่ตำหนักเฟิ่งหลิว แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขากล้าทำเรื่องอื่นกับนางแน่นอน
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้าสามารถดูแลจิ่งหลิน เพราะว่ายังไม่ถึงตอนที่ข้าฉีกหน้าอย่างเปิดเผย ท่านคิดดูนะ หากท่านบังคับข้าเป็นพระชายา ท่านไม่กลัวในอนาคตข้าจะเอาความโมโหไปลงที่จิ่งหลินหรือ”
“เจ้าไม่มีทางทำ !”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมา ไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย และปฏิเสธข้อเสนอของไป๋ชิงหลินด้วย
ไป๋ชิงหลิงถูกเขายับยั้งคำพูดอีกครั้ง
เหตุใดเขาถึงเชื่อขนาดนั้นว่านางจะไม่ทำนะ
“ข้าไม่ใช่แม่แท้ๆของจิ่งหลิน ข้าเป็นคนที่มีลูกแล้วด้วย ท่านอย่ามองแค่ตอนนี้ข้าดีกับจิ่งหลิน นั่นเป็นเพราะว่า…..จิ่งหลินไม่มีทางมาแตะเค้กของเซิงเอ๋อร์ แต่หากเด็กทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน คนล้วนมีจิตใจที่เห็นแก่ตัว ล้วนปกป้องลูกตนเองก่อน พอถึงตอนนั้น ยากที่จะหลีกเลี่ยงการทำซื่อจื่อจิ่งเสียใจ ข้าไม่อยากเป็นพระชายาหรงที่ดี แล้วทำลูกข้าได้รับความไม่เป็นธรรมเสียใจ”
นี่เป็นเรื่องจริง!
นางยินยอมที่จะดูแลลูกเขา แต่ข้อเสนอแรกคือนางไม่มีทางทำให้ลูกของตนเองได้รับความไม่เป็นธรรมได้หรอกนะ
นางพูดชัดเจนขนาดนี้ คิดว่าเขาคงฟังเข้าใจนะ
แต่ทว่า….
นางผิดแล้ว
“ข้าจะรักทะนุถนอมเจ้ามากขึ้น”
ไป๋ชิงหลิง:“……”
“เจ้าเป็นเสด็จแม่ที่ดีของจิ่งหลินก็ดีแล้ว ข้าเขื่อว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะคว้าใจของข้าได้”
เพราะฉะนั้น นางพูดไปตั้งมากมาย เขาทำเป็นคำพูดเหลวไหลไร้สาระ คำเดียวก็ฟังไม่เข้าใจ!
นางไม่อยากมีเหตุผลกับเขาอีกแล้ว
นางด่าทอด้วยความโมโหว่า“ข้าไม่มีทางชอบท่าน ข้าไม่เคยคิดที่จะคว้าใจท่านเลย และข้ายิ่งไม่อยากจะดูแลลูกแทนท่านด้วย ท่านอย่าคิดว่าข้าเคยมีลูกแล้ว ก็จะมอบกายมอบใจแต่งกับท่านนะ ข้ามีคนในใจแล้ว “
“ใคร !”น้ำเสียงเขาดุดันขึ้นมาทันที
เพียงแค่คำเดียว ก็สยบทำไป๋ชิงหลิงสั่นสะท้านได้
“เกี่ยวอะไรกับท่าน”ไป๋ชิงหลินกล่าวตะคอกออกมา
หรงเยี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น กอบกุมมือของนางทั้งสองข้าง แล้วหยิบแส้ออกมามัดข้อมือทั้งสองข้างของนางไว้
ไป๋ชิงหลิงสีหน้าเปลี่ยน พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่เขาได้มัดมือของนางไว้ที่หัวเตียงแล้ว
“ท่านมัดข้าทำไม ท่านอย่าเข้ามานะ !” ไป๋ชิงหลิงออกแรงกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้นเงยหน้ามองบน แส้มัดนางแน่นมาก
นิ้วมือของเขาอยู่ที่ชายเสื้อนาง แล้วแหวกแง้มออกอย่างช้าๆ……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...