ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 114

จื่ออีก้มศีรษะลงมองกังหันลม ไป๋ชิงหลิงเอื้อมมือไปหยิบมา เหลือบมองแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็เผาเถอะ แล้วค่อยซื้อให้คุณหนูน้อยหนึ่งอัน”

ลี่ว์อีมองทิศทางที่ไป๋หมิงอวี้จากไป กล่าวขึ้นว่า“คุณหนูสามผู้นี้ตอนที่แม่นางไม่อยู่ มาที่เรือนชิงซินอยู่หลายครา มักจะถามคำถามแปลกๆเจ้าค่ะ บ่าวเห็นว่านางไม่เหมือนคนจะมีจิตใจดี แม่นางจะไปงานวันเกิดของยายเสิ่นจริงๆนะหรือเจ้าคะ”

“ไปสิ!”ไป๋ชิงหลิงหมุนเทียบเชิญที่อยู่ในมือไปมา กล่าวว่า: “ไม่ไปแล้วจะรู้ว่าคุณหนูสามคิดอะไรได้อย่างไรล่ะ”

เวลานี้ ไป๋ชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองลี่ว์อี พร้อมกล่าวว่า“เรือนทำความสะอาดเป็นอย่างไรบ้าง สองวันนี้ก็จะพาเซิงเอ๋อร์ย้ายเข้าไปแล้วนะ”

“อีกหนึ่งวันก็จะสามารถจัดการเอาหญ้าวัชพืชที่อยู่ในเรือนออกไปได้หมดเจ้าค่ะ ส่วนอื่นยังต้องค่อยๆจัดเจ้าค่ะ”

“ได้”

ในคืนวันนั้น หลังจากไป๋ชิงหลิงกล่อมไป๋ชงเซิงนอนแล้ว จึงกลับไปที่ห้องของตนเอง

ดับไฟเสร็จเรียบร้อย ไป๋ชิงหลิงกลับไปพักผ่อนที่เตียง ในเวลานี้ บานหน้าต่างได้เปิดออก ตอนไป๋ชิงหลิงลืมตาขึ้น ได้มีเงาดำครอบคลุมคร่อมเข้ามาแล้ว

ไป๋ชิงหลิงกำลังจะร้องตะโกน แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับใช้มือปิดที่ปากของนางไว้เสียก่อน

กลิ่นอายที่คุ้นเคยแผ่ซ่านลอยมาจากฝ่ายตรงข้าม !

“หรงเยี่ย !” ไป๋ชิงหลิงดึงมือของเขาออก และกล่าวตะคอกขึ้นด้วยความเดือดดาล

หรงเยี่ยกล่าวข้างกกหูนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เสียงดังขนาดนี้ ต้องการเรียกคนทั้งจวนมาดูพวกเราสองคนหรือ”

“ท่าน…….”กลางค่ำกลางคืนนางอยู่กับท่านอ๋องหรง หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป อย่างไรคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีทางคิดว่านางเป็นหญิงที่มีสมบัติผู้ดีหรอก

ถึงแม้จะเป็นท่านอ๋องหรงจะเป็นฝ่ายที่มาเรือนของนางด้วยตนเอง

คนอื่นจะพูดได้แค่ว่านางล่อลวงเขา ไม่มีทางพูดว่าท่านอ๋องหรงล่อลวงนางแน่นอน

พูดกันว่าท่านอ๋องหรงล่อลวงหญิงที่เคยผ่านการมีบุตรแล้ว นั่นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องตลกหรือ

แต่บนความเป็นจริง นางสลัดผู้ชายคนนี้อย่างไรก็สลัดไม่หลุดจริงๆ

เขามียางอายสักนิดหนึ่งบ้างได้ไหม

“ท่านลุกขึ้น แล้วออกไปเสีย”นางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ และออกแรงผลักเขา

แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับเอื้อมมือมาฉวยโอกาสคว้าตัวนาง จากนั้นพลิกตัวลงนอน แล้วทันใดนั้นไป๋ชิงหลิงกก็เป็นฝ่ายที่อยู่ด้านบนตัวเขา นางกล่าวขึ้นด้วยความตกใจว่า :“อย่า ท่านยังบาดเจ็บอยู่”

“เป็นห่วงข้าเสียจริง”

ไป๋ชิงหลิงกลัดกลุ้มใจ มือทั้งสองข้างต้านอยู่แถวไหล่ของเขา นางกล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า “ท่านมาทำอะไรที่ห้องของข้า ข้าต้องการพักผ่อนแล้ว วันพรุ่งนี้ตอนเช้าข้าจะไปทายาให้ท่านที่จวนท่านอ๋องหรง ท่านรีบปล่อยข้าเสีย”

เขาไม่ได้คล้อยตามนางเลย เขาพลิกตัวนางลงด้านล่าง ครั้งนี้ไป๋ชิงหลิงเลยอยู่ด้านล่างอีกครั้ง

ด้านนอกบานหน้าต่างมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา แสงสลัวโปรยปรายที่ใบหน้าของนาง วิสัยทัศน์การมองเห็นแบบขมุกขมัวนี้ ทำให้มองใบหน้าของไป๋ชิงหลิงไม่ค่อยชัดเจนเอาเสียเลย

ด้วยเหตุนี้ หรงเยี่ยเลยคุ้นเคยกับแสงสียามราตรีเช่นนี้มาก…..

นึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมชิดเชื้อกับอดีตพระชายาต้วนเมื่อห้าปีก่อน

เวลานี้ หรงเยี่ยถึงได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าเพราะเหตุใดเขาถึงลุ่มหลงพัวพันกับ“ไป๋จ้าวเสวี่ย”ไม่ยอมปล่อย

ที่แท้นางมีความคล้ายคลึงกันกับแม่ของจิ่งหลินมาก แม้ภายใต้ยามราตรีเช่นนี้ สายตาที่นางมองเขาล้วนเหมือนกันกับหญิงที่ตายไปแล้วผู้นั้นเลย

“ข้าเคยพูดแล้ว ว่าจะทำให้เจ้าเสียใจภายหลังได้”น้ำเสียงที่แผ่วเบาของเขาดังขึ้น

เสียง“หึ่ง”ดังขึ้นในสมองของไป๋ชิงหลิงทันที นางเลยนึกขึ้นได้ว่าตอนที่หรงเยี่ยปล่อยนางกลับมาที่จวนติ้งเป่ยโหว เขาเคยพูดว่า“เจ้าอย่าเสียใจภายหลัง” !

ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง

เขาคิดที่จะมางัดมุมกำแพงนางทุกคืนหรือ

นางโกรธจนหน้าแดงก่ำ ทุบตีบริเวณหน้าอกของเขา แล้วกล่าวว่า“ท่านยังเป็นอย่างนี้อยู่นะ พวกเราก็อย่าคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบเลย”

“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยเจ้าเรียกคนมานะ”พูดแล้วหรงเยี่ยจึงยันกายลุกขึ้น

ไป๋ชิงหลิงลุกลี้ลุกลน มือทั้งสองข้างคว้าจับที่ชุดของเขา แล้วดึงกลับมา

พอนางดึงอย่างนี้ หรงเยี่ยเลยล้มตัวลงทันที ริมฝีปากของเขาสัมผัสโดนคิ้วและตาอย่างแผ่วเบา…..

จิตใต้สำนึกของไป๋ชิงหลิงทำให้หลับตาปี๋เม้มริมฝีปากแน่น และการเคลื่อนไหวนี้เป็นเพียงแค่ตอนที่ริมฝีปากเขาสัมผัสกับคิ้วและตาของนาง

ช่วงเวลาถัดมานางจึงผลักหน้าเขาออก กล่าวขึ้นด้วยความโมโหว่า”สรุปนี่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”

“บังคับเจ้า !” หรงเยี่ยกล่างอย่างสบายๆ”แต่งกับข้า !”

ไป๋ชิงหลิงหัวใจจะวาย

คิดไม่ถึงว่าจะมีคนบังคับขู่เข็ญคนได้อย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนี้ได้

เขาก้มศีรษะลงมา ไป๋ชิงหลิงบีบที่คอเขาอย่างรวดเร็ว

แต่แรงของนางน้อย โดยพื้นฐานแล้วไม่นับว่าเป็นการบีบเขาหรอก

และมืออีกข้างของนาง ได้ต้านดันหน้าอกของเขาไว้ หายใจหอบเบาๆ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ได้ ข้าจะพิจารณาคำร้องขอของท่าน แต่ท่านต้องให้เวลาข้าเปิดรับท่านช้าๆหน่อย ท่านอ๋องหรงทำเช่นนี้ มีเพียงแต่จะทำให้คนหวาดกลัวได้”

“คิดพิจารณาอะไร?” เขาคิดเพียงว่าไม่มีอ๋องคนไหนที่รักษาตนให้พ้นจากปัญหายุ่งยาก ไม่สนใจผู้อื่นอย่างเขาแล้ว นางยังมีอะไรที่จะต้องคิดอีก

แต่สิ่งที่ไป๋ชิงหลิงคิด ไม่ใช่ตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจโดยแท้จริง

นางกล่าวขึ้นด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า“ข้าจะต้องทำอย่างไรถึงจะอธิบายกับท่านอย่างชัดเจนได้ โดยพื้นฐานแล้วท่านอ๋องหรงไม่ได้ชอบข้า ท่านเพียงแค่อยากหาแม่ให้จิ่งหลิน เพราะฉะนั้นข้าไม่เต็มใจ”

หรงเยี่ยหรี่ตา กล่าวว่า“เจ้าต้องการหัวใจของข้าหรือ?”

เขาเงียบไปพักหนึ่งแล้วกล่าวขึ้นอีกว่า “เจ้าชอบข้า !”

ไม่ !

เขาดูจากตรงไหนว่านางชอบเขา

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากระตุ้นเขา

เขากล้าไปฟาดเสิ่นโหรวเม่ยที่ตำหนักเฟิ่งหลิว แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขากล้าทำเรื่องอื่นกับนางแน่นอน

“ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้าสามารถดูแลจิ่งหลิน เพราะว่ายังไม่ถึงตอนที่ข้าฉีกหน้าอย่างเปิดเผย ท่านคิดดูนะ หากท่านบังคับข้าเป็นพระชายา ท่านไม่กลัวในอนาคตข้าจะเอาความโมโหไปลงที่จิ่งหลินหรือ”

“เจ้าไม่มีทางทำ !”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมา ไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย และปฏิเสธข้อเสนอของไป๋ชิงหลินด้วย

ไป๋ชิงหลิงถูกเขายับยั้งคำพูดอีกครั้ง

เหตุใดเขาถึงเชื่อขนาดนั้นว่านางจะไม่ทำนะ

“ข้าไม่ใช่แม่แท้ๆของจิ่งหลิน ข้าเป็นคนที่มีลูกแล้วด้วย ท่านอย่ามองแค่ตอนนี้ข้าดีกับจิ่งหลิน นั่นเป็นเพราะว่า…..จิ่งหลินไม่มีทางมาแตะเค้กของเซิงเอ๋อร์ แต่หากเด็กทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน คนล้วนมีจิตใจที่เห็นแก่ตัว ล้วนปกป้องลูกตนเองก่อน พอถึงตอนนั้น ยากที่จะหลีกเลี่ยงการทำซื่อจื่อจิ่งเสียใจ ข้าไม่อยากเป็นพระชายาหรงที่ดี แล้วทำลูกข้าได้รับความไม่เป็นธรรมเสียใจ”

นี่เป็นเรื่องจริง!

นางยินยอมที่จะดูแลลูกเขา แต่ข้อเสนอแรกคือนางไม่มีทางทำให้ลูกของตนเองได้รับความไม่เป็นธรรมได้หรอกนะ

นางพูดชัดเจนขนาดนี้ คิดว่าเขาคงฟังเข้าใจนะ

แต่ทว่า….

นางผิดแล้ว

“ข้าจะรักทะนุถนอมเจ้ามากขึ้น”

ไป๋ชิงหลิง:“……”

“เจ้าเป็นเสด็จแม่ที่ดีของจิ่งหลินก็ดีแล้ว ข้าเขื่อว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะคว้าใจของข้าได้”

เพราะฉะนั้น นางพูดไปตั้งมากมาย เขาทำเป็นคำพูดเหลวไหลไร้สาระ คำเดียวก็ฟังไม่เข้าใจ!

นางไม่อยากมีเหตุผลกับเขาอีกแล้ว

นางด่าทอด้วยความโมโหว่า“ข้าไม่มีทางชอบท่าน ข้าไม่เคยคิดที่จะคว้าใจท่านเลย และข้ายิ่งไม่อยากจะดูแลลูกแทนท่านด้วย ท่านอย่าคิดว่าข้าเคยมีลูกแล้ว ก็จะมอบกายมอบใจแต่งกับท่านนะ ข้ามีคนในใจแล้ว “

“ใคร !”น้ำเสียงเขาดุดันขึ้นมาทันที

เพียงแค่คำเดียว ก็สยบทำไป๋ชิงหลิงสั่นสะท้านได้

“เกี่ยวอะไรกับท่าน”ไป๋ชิงหลินกล่าวตะคอกออกมา

หรงเยี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น กอบกุมมือของนางทั้งสองข้าง แล้วหยิบแส้ออกมามัดข้อมือทั้งสองข้างของนางไว้

ไป๋ชิงหลิงสีหน้าเปลี่ยน พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่เขาได้มัดมือของนางไว้ที่หัวเตียงแล้ว

“ท่านมัดข้าทำไม ท่านอย่าเข้ามานะ !” ไป๋ชิงหลิงออกแรงกวัดแกว่งมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้นเงยหน้ามองบน แส้มัดนางแน่นมาก

นิ้วมือของเขาอยู่ที่ชายเสื้อนาง แล้วแหวกแง้มออกอย่างช้าๆ……

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น