ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเพียงว่าเย็นวาบช่วงบริเวณหน้าอก เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายถูกเขาถอดโยนทิ้งทีละชิ้น
เดิมนางก็สวมใส่บางอยู่แล้ว ไม่นานก็ถอดเสร็จ
ความร้อนวูบวาบกับความอับอายถาโถมเข้ามามืดฟ้ามัวดิน มือทั้งสองที่ถูกเขามัดไว้ นางพยายามออกแรงเคลื่อนไหว
จึงทำให้เตียงมีเสียง“กุกกัก”ดังขึ้น
ซังจวี๋วิ่งมาหน้าประตู เรียกขึ้นว่า :“แม่นางจ้าวเสวี่ย”
การเคลื่อนไหวของไป๋จ้าวเสวี่ยหายไปในทันที
และเวลานี้ฝ่ามือของผู้ชายกอบกุมที่เอวของนาง และลากลงมาด้านล่าง !
ไป๋ชิงหลิงหายใจเข้าลึกๆ กล่าวกับซังจวี้ว่า“ไม่มีอะไรหรอก มียุง ข้าตบมันเสร็จก็จะพักผ่อนแล้ว”
เมื่อพูดจบ ซังจวี๋ก็ไป
ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าทำอะไรเสียงดังแล้ว เพราะเกรงว่าคนรับใช้จะเข้ามาเห็น
เรือนชิงซินไม่เพียงแค่จัดคนของติ้งเป่ยโหว ท่านยายก็สนับสนุนบ่าวจำนวนหนึ่งด้วย ยังไม่นับทางด้านของแม่นางหลิ่วกับฮูหยินรองเลย
หรงเยี่ยกล้าหาญเกินไปแล้ว……
“อืม!”ทันใดนั้นเกิดความรู้สึกแสบร้อนออกมาจากหน้าอกทันที
ไป๋ชิงหลิงก้มศีรษะลงมอง ก็เห็นขาทั้งสองข้างของหรงเยี่ยนั่งคร่อมอยู่บนตัวนาง ในมือมีเข็ม แหวกที่ผิวหนังของนาง
สักพักหนึ่งก็สักพักหนึ่งอีก การเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก
เหมือนกำลังวาดลายอะไรบางอย่างบนร่างกายของนางเลย แต่….มันเจ็บมาก
“ท่านหยุดได้แล้ว มันเจ็บมาก !” ไป๋ชิงหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงกดดัน คละเคล้าไปด้วยเสียงร่ำไห้ กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม
นางกลับมาที่เฉาจิงเพื่ออะไรกัน คิดไม่ถึงว่าจะถูกชายผู้นี้รังแกจนเป็นแบบนี้
หรงเยี่ยไม่ได้สนใจนาง เขากดที่ไหล่ของนาง ตั้งอกตั้งใจทิ่มแทงบนร่างของนาง
ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าร้อง ทำได้เพียงอดกลั้นไว้
แต่เขาทำอย่างรวดเร็วมาก ไม่ได้ให้นางเจ็บนานมากเท่าไหร่
เขาทิ้งเข็มที่อยู่ในมือ แล้วปลดเชือกที่มัดมือสองข้างนางออก
มือทั้งสองข้างไป๋ชิงหลิงเป็นอิสระ นางเลยหยิบมีดผ่าตัดออกมาจากห้วงมิติเวลา แล้วแทงไปทางหรงเยี่ย
แต่มีดของนางยังไม่ได้แทงลง ฝ่ายตรงข้ามก็คว้าหมับที่ข้อมือของนางไว้ จากนั้นก้มศีรษะลงจูบสัมผัสที่ริมฝีปากนาง
อีกครั้งที่นางยอมจำนนต่อเขา……
อารมณ์ของเขาเดือดดาล เหี้ยมโหด มันอัดแน่นรวมกันอยู่ในจูบนี้ เขาย่ำยีริมฝีปากของนางอย่างรุนแรง
“อือ…..”เสียงครางของนางคลอเคลียไปด้วยเสียงร่ำไห้
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ตอนที่นางรู้สึกว่าจะขาดอากาศหายใจ เขาถึงได้ผละออกจากริมฝีปากนาง
แสงพระจันทร์นวลผ่องสาดส่องที่ใบหน้าเขา และเขากำลังมองนางด้วยสายตาที่ปรารถนาและดุดัน
นางร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด กล่าวขึ้นว่า“ต่อให้ท่านจะบังคับข้าอย่างไร ข้าก็ไม่มีทางตกลงกับท่าน ชาตินี้ ชาติหน้า ข้าล้วนไม่มีทางแต่งกับท่าน”
“เช่นนั้นเจ้าอย่าได้คิดที่จะแต่งออกไปเลย”หรงเยี่ยตอบกลับอย่างเยือกเย็น
ไป๋ชิงหลิงก้มศีรษะลงมองหน้าอกของตนเอง มีรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสวาดสักอยู่ตรงนั้น หากมองดูดีๆอย่างละเอียด จะเห็นสองคำนี้ชัดเจน!
หรงเยี่ย !
ไป๋ชิงหลิงโกรธจนตัวสั่นระริก…….
คิดไม่ถึงว่าเขาจะสลักชื่อเจาบนตัวของนาง
“ข้าก็นับว่าเป็นแม่ชี ก็ยังดีกว่าแต่งกับผู้ชายที่อำมหิตเลือดเย็นอย่างท่าน”
“เจ้าลองดูสิ”ลมหายใจที่อันตรายของเขาจู่โจมขึ้นมา
ไป๋ชิงหลิงตัวสั่นระริก
เวลานี้ ได้ยินหรงเยี่ยกล่าวอย่างเยือกเย็นขึ้นว่า“ข้าก็จะเอาไฟ เผาวัดวาอารามแม่ชีให้วอดวายเลย”
ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านจากฝ่าเท้าถึงหัวใจของนาง
นางรู้ว่าเขากล้าเผาวัดวาอารามแม่ชี ก็เหมือนกันกับที่เขาไม่ไว้หน้าฮองเฮาฟาดตีเสิ่นโหรวเม่ยนั่นแหละ
หรงเยี่ยมองนางที่ตื่นตกใจ เลยเอื้อมมือมาลูบสัมผัสใบหน้าของนาง กล่าวขึ้นว่า“เป็นเด็กดี ทำสิ่งที่เจ้าควรจะทำตอนนี้ให้ดี เป็นแม่ชีมีอะไรดี โกนผมอันนุ่มลื่นนี้ อัปลักษณ์แค่ไหนกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...