สรุปตอน บทที่ 118 สงครามประสาท – จากเรื่อง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา
ตอน บทที่ 118 สงครามประสาท ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดยนักเขียน พระจันทร์ขี้เมา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“เสด็จแม่” ฉับพลันนั้น จวิ้นอ๋องน้อยที่เดินอยู่ด้านหน้าได้ตะโกนเรียกสตรีนางหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
เขารีบเดินเข้าไปหาชายาอ๋องอันชิน
มุมปากของไป๋ชิงหลิงยกยิ้ม จวิ้นอ๋องน้อยยังเป็นเด็กน้อยอยู่จริงๆ
“ซังจวี๋ พวกเราไปส่งของขวัญกันเถอะ” นางหมุนตัวและเดินไปยังเรือนหลัก
นางเพียงแค่ส่งมอบของขวัญให้เท่านั้น แต่ไม่ได้เข้าไปพบท่านยายเสิ่นในเรือน
นางรู้ดีว่าตระกูลเสิ่นมีอคติต่อนาง หากเข้าไปนางก็คงจะถูกชักสีหน้าใส่เป็นแน่ ไหนจะเป็นการเพิ่มความวุ่นวายให้กับวันดีๆ ของท่านยายเสิ่นอีก อย่าไปสร้างความขุ่นเคืองให้นางเลย
เมื่อเดินกลับมายังลานบ้าน สาวใช้นางหนึ่งเดินเลี้ยวออกมาที่หัวมุมอย่างกะทันหันและชนไป๋ชิงหลิงเข้า
แม้ว่าซังจวี๋จะเคลื่อนไหวเร็วแล้ว แต่สุราในมือของสาวใช้ได้หกออกมามากกว่าครึ่ง และทำให้ชุดใหม่ของนางเป็นคราบรอยเปื้อนสีแดงขนาดใหญ่
สาวใช้หน้าถอดสี นางรีบขยับถอยหลังและคุกเข่าลงด้วยความตื่นตระหนก
ซังจวี๋แผดเสียงตำหนิ “เหตุใดจึงเดินไม่ระวัง เวลาเดินเลี้ยวที่หัวมุมจะรีบร้อนเช่นนี้ได้อย่างไร”
สาวใช้ตกใจร้องไห้ออกมา “ข้าน้อย...ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ แม่นางได้โปรด อย่าได้บอกนายของข้าน้อยเลยนะเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะทำความสะอาดชุดให้ท่าน แล้วรีบทำให้แห้ง ดีไหมเจ้าคะ?”
ซวงเหมยโมโหมาก สุรานั่นเป็นสุราแดง เมื่อเปื้อนชุดสีฟ้าแล้ว มันเด่นชัดมาก
อีกทั้งรอยเปื้อนใหญ่มีขนาดใหญ่ จะใส่ออกไปพบเจอผู้คนได้อย่างไรกัน
“ซุ่มซ่ามเสียจริง สาวใช้อย่างเจ้าจะทำอะไรเป็น” ซวงเหมยพูดอย่างเดือดดาล
คำพูดนี้ของซวงเหมยได้ย้ำเตือนให้ไป๋ชิงหลิงที่กำลังรอดูการเดินหมากตาต่อไปของฝ่ายตรงข้ามเพิ่มความระมัดระวังขึ้น
“ซวงเหมย ซังจวี๋ นางอาจจะเพิ่งเข้ามาอยู่ที่จวนตระกูลเสิ่นก็เป็นได้ อย่าทำให้นางต้องลำบากเลย” ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างมีน้ำใจ
เมื่อสาวใช้ได้ยินดังนั้น นางเอ่ยขึ้นพลางปาดน้ำตา “ข้าน้อยเกรงว่าชุดของแม่นางคงจะใส่ต่อไปไม่ได้อีก ข้าน้อยจะพาแม่นางไปเปลี่ยนชุดที่หอผิ่นอวี้นะเจ้าคะ เมื่อซักทำความสะอาดและแห้งดีแล้ว ข้าน้อยจะรีบส่งคืนให้เจ้าค่ะ”
“อือ ก็ได้!” ไป๋ชิงหลิงพยักหน้า
สาวใช้หยิบเหยือกสุราที่อยู่ด้านข้างแล้วลุกขึ้น ขณะนั้น ความเยือกเย็นปรากฏแวบขึ้นในดวงตาของนาง จากนั้นนางจึงหันหลังกลับ และเดินนำไป๋ชิงหลิงไปที่หอผิ่นอวี้
หอผิ่นอวี้ในวันนี้เป็นสถานที่สำหรับต้อนรับสมาชิกครอบครัวที่เป็นหญิง
ขณะที่ไป๋ชิงหลิงเดินตามสาวใช้ไป นางรู้สึกว่าด้านหลังมีชายคนหนึ่งเดินตามมาอย่างลับๆ ล่อๆ
ยังไม่ทันจะถึงหอผิ่นอวี้ หญิงรับใช้ก็หยุดเดิน แล้วมองไปที่ซังจวี๋และซวงเหมยด้วยสีหน้าลำบากใจ “แม่นางเจ้าคะ หอผิ่นอวี้เป็นสถานที่สำหรับรับรองแขกสตรีผู้มีเกียรติ ผู้คุ้มกันทั้งสองท่านนี้ไม่สามารถนำอาวุธติดตัวเข้าไปด้านในได้ เกรงว่าจะทำให้แขกเหรื่อตกใจเจ้าค่ะ”
ซังจวี๋และซวงเหมยเลิกคิ้วขึ้น
หากไม่นำติดตัวเข้าไป แล้วเกิดเหตุร้ายขึ้นกับแม่นาง จะทำเช่นไร
“แม่นาง ข้าน้อยทิ้งกระบี่ได้” ซังจวี๋เอ่ย
ไป๋ชิงหลิงส่ายหน้า นางรู้ดีว่ากระบี่ในมือซังจวี๋มีความสำคัญมากเพียงใด บอกว่าจะทิ้งก็ทิ้งได้ง่ายๆ เสียที่ไหนกัน นอกจากนี้...
นางกำลังรอให้ฝ่ายตรงข้ามเดินหมากตานี้อยู่
“เจ้าและซวงเหมยไปรอข้าที่เรือนด้านหน้าก่อน เมื่อข้าเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วจะออกไปหาพวกเจ้าเอง” เมื่อพูดจบ ไป๋ชิงหลิงพูดเสริมขึ้นอีกว่า “จริงสิ วันนี้ตอนที่ข้าออกมา ข้าได้นำเสื้อคลุมมาด้วย พวกเจ้าช่วยไปหยิบมาให้ข้าหน่อย”
“เจ้าค่ะ” ทั้งสองไม่กล้าถามอะไรมาก เนื่องจากพวกนางรู้ดีว่า ไม่มีใครสามารถเอาเปรียบไป๋ชิงหลิงได้
ทั้งสองจึงหันหลังเดินจากไป
สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงหลิงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางหันกลับมาพูดกับไป๋ชิงหลิงว่า “แม่นาง เราจะไปที่เรือนไหลเซียงกัน ใกล้จะถึงแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้นำทางต่อไป เมื่อถึงเรือนไหลเซียงก็ผลักประตูเปิดออก แล้วนำไป๋ชิงหลิงเข้าไปด้านใน
ไป๋ชิงหลิงถอดเสื้อนอกออกแล้วส่งให้สาวใช้นางนั้น “รีบหน่อยล่ะ”
“อย่าได้เป็นกังวลไปเลยเจ้าค่ะ ภายในห้องมีเตาผิง เพียงชั่วครู่ชั่วยามแม่นางจะไม่หนาวหรอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะนำชุดของท่านไปทำความสะอาดก่อนนะเจ้าคะ เมื่อแห้งแล้วจะนำมาคืนให้ท่าน” เมื่อพูดจบก็รีบร้อนเดินออกไป พร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย
เมื่อประตูถูกปิดลง กลิ่นหอมแปลกๆ ก็โชยออกมา
ไป๋ชิงหลิงเดินไปหน้าเตาน้ำมันจันทน์หอม พลางเอื้อมมือเปิดฝากระถางธูปหอมออก นางกวาดสายตามองควันที่ลอยคลุ้งอยู่ด้านใน...
“เหตุใดจึงไม่เล่า? คนอย่างนาง แค่เห็นว่ามีสตรีอยู่ข้างกายจวิ้นอ๋องน้อย นางก็เหมือนหมาบ้าไล่กัดคนไปทั่ว ข้าอุตส่าห์ให้จวิ้นอ๋องน้อยช่วยนำเตาอุ่นมือไปให้ไป๋เจาเสวี่ย แล้วก็ให้คุณหนูสามเสิ่นได้เห็นว่าจวิ้นอ๋องน้อยกับไป๋เจาเสวี่ยนัดพบกันตามลำพังที่เรือนด้านนอก”
“คุณหนูสามตระกูลเสิ่นเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ทันทีที่นางไปถึงจะต้องเห็นจวิ้นอ๋องน้อยกำลังมอบของให้ไป๋เจาเสวี่ย จวิ้นอ๋องน้อยเองก็เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ประกอบกับที่เขาชอบคุณหนูของเจ้ามาก นั่นก็คือข้า เขาจะต้องดีกับไป๋เจาเสวี่ยเป็นพิเศษเลย เมื่อคุณหนูสามตระกูลเสิ่นเห็นเข้า นางจะทนได้ที่ไหนกันกัน หากคุณหนูสามตระกูลเสิ่นไม่จัดการนังแพศยานั่นสิ ถึงจะเป็นเรื่องแปลก...”
ตอนนั้นนางเองก็เกือบพลาดตกหลุมพรางของคุณหนูสามตระกูลเสิ่น
“คุณหนูปัญญาเป็นเลิศ ใช้วิธียืมดาบ...”
“ชู่ววว!” ไป๋หมิงอวี้รีบห้าม
แม้บริเวณนี้จะไม่ค่อยมีคน แต่ไป๋หมิงอวี้คนนี้ก็คอยระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือ องค์หญิงหลวนอี๋และไป๋ชิงหลิงได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่ของนางทั้งหมดแล้ว
เมื่อไป๋หมิงอวี้เดินจากไปไกลแล้ว ไป๋ชิงหลิงจึงคลายมือจากหลวนอี๋ และก้าวถอยหลังพลางเอ่ยขึ้น “เมื่อสักครู่เสียมารยาทแล้ว”
ใบหน้าของหลวนอี๋เต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง “คนที่เดินไปเมื่อสักครู่คือไป๋หมิงอวี้หรอกหรือ?”
“ถูกต้องแล้วเพคะ”
“นางต้องการจะคิดบัญชีกับท่าน เมื่อสักครู่ท่านได้ยินหรือไม่ นังคนชั้นต่ำนั่นจะหลอกใช้คุณหนูสามตระกูลเสิ่นทำร้ายท่าน ท่านพี่หญิงไป๋ไม่คิดจะจัดการอะไรสักหน่อยหรือ?” หลวนอี๋รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ขอยืมแส้เส้นนั้นจากพี่เจ็ดของนางติดมือมาด้วย
หากนางมีแส้อยู่ในมือ นางจะต้องฟาดใส่ไป๋หมิงอวี้ให้ตาย
ซังจวี๋และซวงเหมยมองหน้ากัน
ซวงเหมยกล่าวปลอบใจนาง “องค์หญิง อย่าได้ทรงกริ้วเลยเพคะ แม่นางของข้าน้อยเพิ่งจะหนีออกมาจากถ้ำเสือได้”
“อะไรนะ?” หลวนอี๋รู้สึกเป็นกังวล “คุณหนูเสิ่นนั่นทำอะไรท่าน?”
เมื่อได้เห็นหลวนอี๋โกรธขนาดนั้น ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่านางสามารถให้หลวนอี๋เข้ามาร่วมมือกับนางได้
นางดึงหลวนอี๋เข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหู หลังจากที่หลวนอี๋ได้ฟัง ดวงตาของนางก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น นางหันไปเอ่ยกับสี่ซ่าน “สี่ซ่าน เจ้าไปหาหญิงรับใช้ของจวนตระกูลเสิ่นสักคนให้ไปบอกคุณหนูสามตระกูลไป๋ว่าจวิ้นอ๋องน้อยรอนางอยู่ที่เรือนไหลเซียง หอผิ่นอวี้ แล้วก็ไปตามคุณหนูสามตระกูลเสิ่นให้ไปที่เรือนทิงเซียง ส่วนเหลียนซิน เจ้าไปหาจวิ้นอ๋องน้อย และบอกว่าข้าต้องการพบเขา ให้เขามาหาข้าที่หอผิ่นอวี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...