ท้องฟ้าสว่างสดใส หิมะหนาละลายลงอย่างช้าๆ และหิมะที่จับกิ่งก้านใบไม้ก็หยดย้อยลงมาเป็นน้ำ
จวิ้นอ๋องน้อยได้เดินเข้าไปในหอผิ่นอวี้ที่เรือนทิงเซียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นกล่าวทักทายออกไปจากระยะไกลออกไป "น้องหญิงหลวนอี๋ พี่หญิงเจาเสวี่ย"
หลวนอี๋ชำเลืองมองเขาด้วยสายตารังเกียจ "ช่างโง่เขลานัก เสียดายเหลือเกินที่เกิดมาหน้าตาดี แต่กลับตาบอดไร้สมอง"
ไป๋ชิงหลิงแอบขำและไม่ปฏิเสธคำพูดของหลวนอี๋
นางชอบพวกเขาสองคน หลวนอี๋เป็นคนฉลาดและไร้เดียงสา และส่วนจวิ้นอ๋องน้อย......นับเป็นคนที่ขาดๆ เกินๆ คนหนึ่ง
ทว่าการใช้ชีวิตในครอบครัวเช่นนี้และยังสามารถมีความคิดบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้ นับเป็นเรื่องยากและวิเศษอย่างมาก
"องค์หญิง จำคำพูดของข้าเอาไว้" ไป๋ชิงหลิงกล่าวเตือนเบาๆ
หลวนอี๋พยักหน้า "ท่านพี่ไป๋วางใจได้ ข้าไม่โง่ เราไปพูดคุยกับเจ้าโง่นั่นกันเถอะ"
นางคล้องแขนของไป๋ชิงหลิงและเดินไปยังโต๊ะหินกลมด้วยกัน
จวิ้นอ๋องน้อยก็เดินมาถึงแล้ว หลวนอี๋หันไปมองข้างนอกและกล่าวว่า "เอ๊ะ เหตุใดคุณหนูสามตระกูลเสิ่นถึงยังไม่มาอีกนะ"
เมื่อได้ยิน "คุณหนูสามตระกูลเสิ่น" แววตาของจวิ้นอ๋องน้อยก็เปล่งประกายเล็กน้อย จากนั้นจึงได้มองไปยังประตูเรือนและกล่าวว่า "หมิงอวี้ก็มาด้วยเช่นกันอย่างนั้นหรือ?"
"ใช่สิ ข้ายังเชิญหญิงสาวจากตระกูลหลัว ตระกูลจ้าวและรวมไปถึงคุณชายตระกูลมู่หรงอีกด้วย การรวมตัวกันของผู้ใหญ่คือการดื่มชาและพูดคุยกัน แต่ไม่ง่ายเลยที่เราจะรวมตัวกันได้ครบเช่นนี้" เมื่อหลวนอี๋พูดจบแววตาของนางก็แอบชำเลืองมองไปยังไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงกุมมือที่ปากและยิ้มอย่างเจือจาง
องค์หญิงหลวนอี๋ที่ปกติดูเหมือนว่าเป็นคนมีความคิดเรียบง่าย แต่เมื่อเจอปัญหากลับเป็นคนที่ฉลาดมากกว่าใครๆ
ในหัวของจวิ้นอ๋องน้อยนั้นมีแต่ไป๋หมิงอวี้และไม่รับฟังผู้หญิงผู้ชายอื่นที่หลวนอี๋พูดออกมา
เขายังคงจับจ้องไปที่ประตูเรือนอย่างไม่ละสายตา
คุณหนูสี่ตระกูลหลัว คุณหนูหกตระกูลจ้าว คุณชายใหญ่ตระกูลมู่หรง คุณชายรองตระกูลหลัว และยังมีคุณหนูและคุณชายจากตระกูลสูงศักดิ์มีชื่อเสียงอีกจำนวนมากที่ต่างกำลังเดินเข้าไปในเรือน
หลวนอี๋ใช้โอกาสนี้แนะนำไป๋ชิงหลิงให้กับหญิงสาวผู้มีเกียรติทุกคน
หญิงสาวผู้มีเกียรติและสูงศักดิ์เหล่านั้นต่างไม่กล้าละเลยต่อเพื่อนขององค์หญิงหลวนอี๋ จากนั้นจึงได้พูดคุยกันอย่างถูกคอ
และขณะนี้เองคุณหนูสามตระกูลเสิ่นก็ได้เดินเข้ามาจากภายนอก
ทุกคนต่างพากันมองไปที่ประตู
แวบแรกที่คุณหนูสามตระกูลเสิ่นเดินเข้ามาในเรือนก็ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นที่สวมชุดสีแดงเข้ม---ไป๋ชิงหลิง
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และเตาอุ่นมือที่ถืออยู่ในมือก็ตกลงพื้น ทำให้ขี้เถ้าหกกระจัดกระจายเต็มพื้น
จากนั้นคุณหนูสามตระกูลเสิ่นจึงได้ถอยออกไปสองสามก้าวตามสัญชาตญาณ
คนใช้ที่เดินตามหลังนางต่างพากันรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อประคองคุณหนูสามตระกูลเสิ่น
ขณะนี้เองคุณหนูสามตระกูลเสิ่นได้หันหน้าไปและกระซิบถามคนใช้ที่อยู่ข้างกาย "เหตุผลผู้หญิงคนนั้นถึงอยู่ที่นี่ได้?"
"บ่าว......บ่าวก็ไม่รู้เช่นกันเจ้าค่ะ บ่าวได้พานางไปที่เรือนไหลเซียงแล้ว คุณชายเปี่ยวก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน"
คนใช้ที่กำลังพูดอยู่ก็คือคนใช้คนที่เดินชนกับไป๋ชิงหลิง
นางแอบกระซิบข้างหูของคุณหนูสามตระกูลเสิ่นว่านางประหม่าอย่างมาก
ผู้หญิงคนนั้นไม่เพียงแค่ได้ออกมาแล้ว อีกทั้งยังสวมเสื้อคลุมตัวอื่นอีกด้วย
นี่คืออะไรกัน นางเห็นกับตาว่าคุณชายเปี่ยวได้เข้าไปแล้วและห้องก็ถูกปิดเอาไว้ และเมื่อเข้าไปในห้องได้ไม่นานก็จะเกิดภาพลวงตาขึ้น
หากยาออกฤทธิ์และไม่ปลดปล่อยออกมา รับรองได้ว่าไม่มีทางมีชีวิตรอดออกมา......
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย
"เหตุใดนางถึงอยู่ที่นี่?" เมื่อจวิ้นอ๋องน้อยเห็นคุณหนูสามตระกูลเสิ่นปรากฏตัวขึ้นก็ได้ลุกขึ้นยืนกะทันหันและกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
จากนั้นคุณหนูสามตระกูลเสิ่นจึงได้สติและจับแขนของคนใช้ไว้แน่น เล็บที่ยาวก็เจาะเข้าไปที่เนื้อบริเวณแขนของคนใช้
ขณะที่นางกำลังจะพูด จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากเรือนข้างเคียง
"อ๊า"
เสียงกรีดร้องนั้นดังก้องทำให้คนที่ได้ยินต่างรู้ว่าคนที่กรีดร้องออกมานั้นต้องพบเจอกับความตื่นตระหนกหวาดกลัวมากเพียงใด
ทุกคนต่างพากันหันหน้าไปข้างนอกด้วยความแปลกใจและต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
"เหมือนจะดังมาจากเรือนข้างๆ เกิดอะไรขึ้นกันนะ?"
"ไปดูกันเถอะ" มีคนเดินนำออกไปจากเรือนทิงเซียง
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เหลือนต่างเดินตามออกไปด้วยความสงสัย
คุณหนูสามตระกูลเสิ่นยืนอยู่ที่หน้าประตูเรือนเพื่อมองดูหญิงสาวเหล่านั้นเดินผ่านออกไป
นางมือเท้าเย็นและรู้สึกว่าร่างกายแข็งไปทั้งตัว โดยที่ไม่สามารถขยับได้เลย
ไป๋ชิงหลิงเดินไปข้างๆ นางและหยุดลง
จากนั้นก้มหยิบเตาอุ่นมือที่ข้างเท้าของคุณหนูสามตระกูลเสิ่นและยืื่นให้กับนาง "ระวังด้วยล่ะ หากมือหรือเท้ามีแผลเป็นก็จะดูไม่สวยงามเลยเชียวนะ"
เมื่อพูดจบ นางก็ได้จับมือของคุณหนูสามตระกูลเสิ่นและส่งเตาอุ่นมือไปในฝ่ามือของนาง
เตาอุ่นมือแผ่ออก ถึงแม้ว่าถ่านไฟจะกระจัดกระจายหมดไป แต่ความร้อนยังคงอยู่
ขณะที่ไป๋ชิงหลิงยื่นเตาอุ่นมือเข้าไปในมือของคุณหนูสามตระกูลเสิ่น คุณหนูสามตระกูลเสิ่นก็รู้สึกแสบร้อนที่ฝ่ามือของนาง
นางอยากจะปล่อยมือออก แต่ไป๋ชิงหลิงกลับกดมือของนางไว้ โดยไม่เปิดโอกาสให้นางได้ปล่อยมือไปได้
สีหน้าของคุณหนูสามตระกูลสามซีดเผือดอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไป๋ชิงหลิงจึงค่อยๆ ปล่อยมือออกและเดินผ่านนางไป
ผู้คนที่มายังเรือนไหลเซียงเริ่มหนาแน่นมากขึ้น
แม้แต่หน้าต่างก็ถูกชนจนเปิดออก
ไป๋ชิงหลิงยืนอยู่ที่สูงและมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งผ่านหน้าต่าง
ผู้ชายคนนั้นร่างกายเปลือยเปล่าและมือถูกมัดไว้กับเตียง ในปากของเขามีผ้าอุดปากอยู่ และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรอยเล็บ ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจัดกระจาย
บนร่างกายของเขามีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งร่างกายเปลือยเปล่าด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อเปรียบเทียบถึงความน่าอดสูของนางกับผู้ชายคนนั้นแล้ว กลับเห็นได้ชัดว่ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก
ขณะนี้เองจวิ้นอ๋องน้อยได้แทรกตัวเข้าไปในฝูงชน และยังถูกคนข้างหลังกระแทกก่อนที่จะเบียดเข้าไปในห้องได้
เขาบังเอิญได้เห็นไป๋หมิงอวี้กำลังกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าร่างกายของนางมีความปรารถนาที่จะระบายออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
เมื่อจิ้วนอ๋องน้อยได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาก็รู้สึกตาค้างทำอะไรไม่ถูก!
"หมิงอวี้" จวิ้นอ๋องน้อยตะโกน
ไป๋หมิงอวี้สะดุ้งและจ้องมองจวิ้นอ๋องน้อยด้วยท่าทีรังเกียจเล็กน้อย
เป็นครั้งแรกที่จวิ้นอ๋องน้อยรู้สึกว่าโลกกำลังจะแตกและถล่มลงมา เขาทรุดตัวลง
องค์หญิงหลวนอี๋รีบสั่งให้คนเข้าไปประคองเขา "รีบนำตัวจวิ้นอ๋องออกไป"
"รีบเรียกฮูหยินติ้งเป่ยโหวและคนของตระกูลเสิ่นมาเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ารีบแยกไป๋หมิงอวี้ออกมาและพาไปสงบสติอารมณ์ คนที่ยืนล้อมอยู่ข้างนอกไม่ต้องดูแล้ว รีบแยกย้ายกันไปได้แล้ว"
องค์หญิงหลวนอี๋รีบสั่งการอย่างมีระเบียบขั้นตอน
อันที่จริงก็เป็นครั้งแรกที่นางสั่งการควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อก่อนมักเห็นฮองเฮาอู๋คอยชี้นิ้วสั่งการ ครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้ จึงเกิดมีความรู้สึกประหม่าเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ไป๋ชิงหลิงบอกนางว่าห้ามตื่นตระหนก และต้องควบคุมตัวเองให้ได้
"ที่แท้ก็เป็นหญิงสาวของจวนติ้งเป่ยโหว ช่างลามกสกปรกเหลือเกิน"
"เมื่อสักครู่องค์หญิงเรียกนางว่าอะไรนะ?"
"ไป๋หมิงอวี้!"
"ที่แท้นางก็คือคนที่จวิ้นอ๋องน้อยต้องการจะแต่งงานด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้หญิงใจง่ายและเจ้าชู้เช่นนี้"
"รีบถอยไป ฮูหยินอาวุโสตระกูลเสิ่นมาแล้ว"
ผู้ที่มาถึงยังมีฮูหยินติ้งเป่ยโหว ฮูหยินรองและฮูหยินอาวุโส
ฮูหยินรองคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับไป๋ชิงหลิงนางจึงรู้สึกดีอกดีใจ และเดินเข้าไปในห้องเร็วกว่าฮูหยินอาวุโสและแม่นางหลิ่ว
จากนั้น.......
เมื่อนางเดินเข้าไปถึงในห้องและเห็นไป๋หมิงอวี้เข้า สีหน้าที่แสดงความดีใจของฮูหยินรองก็ได้ทรุดลง
"หมิงอวี้!" เสียงกรีดร้องดังกึกก้องที่ออกมาจากลำคอ จากนั้นนางจึงพุ่งเข้าไปและตบหน้าไป๋หมิงอวี้อย่างแรง
และดึงไป๋หมิงอวี้ลงจากร่างกายของผู้ชายคนนั้นมาที่เตียง......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...