หลังจากนั้นไม่นาน หรงเยี่ยก็กลับมาที่ลานบ้าน
เขายืนอยู่หน้าประตูและสั่ง: “เปิดประตู”
องครักษ์เหยี่ยวรีบหยิบกุญแจออกมาเตรียมเปิดประตู
หรงเยี่ยรู้สึกว่ามันช้าเกินไป ในขณะที่องครักษ์เหยี่ยวดำถือกุญแจ เขายกเท้าขึ้นและถีบมันอย่างแรง
“ปัง!”
ในจังหวะที่เปิดประตู ขาของเก้าอี้ที่หักก็ลอยออกมาจากข้างใน
หรงเยี่ยรีบกำหมัดแล้วต่อยออกไป
เก้าอี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ไป๋ชิงหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูตกตะลึง
นางคาดไม่ถึงว่า ทันใดนั้นประตูจะเปิดออก
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังประตูที่เปิดอยู่ นางก็รีบวิ่งไปโดยไม่รู้ตัว........
ในเมื่อยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
สิ่งที่นางพูดล้วนเป็นเรื่องที่อยากเจอเด็กคนนั้น
และแน่นอน
นางคิดว่านางเร็วพอ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับเร็วกว่านาง เมื่อนางวิ่งไปสองสามก้าว เขาก็ก้าวไปข้างหน้า ก้มตัวลงและอุ้มร่างของนางไว้บนบ่าของตัวเอง
การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วและคล่องตัว ไป๋ชิงหลิงยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ท้องฟ้าราวกับพายุหมุน นางถูกโยนไปที่เตียงนอนที่อยู่ภายในห้อง
ประตูที่เปิดกว้างในขณะนี้ก็ถูกทหารองครักษ์เหยี่ยวดำปิดไว้
ไป๋ชิงหลิงตกตะลึง
เขาจะทำอะไร ?
“ถอดเสื้อผ้าออกแล้ว ”
อะไรกัน ?
ไป๋ชิงหลิงก้มศีรษะลงมองเสื้อผ้าของตัวเอง บนเสื้อคลุมสีฟ้าธารน้ำแข็ง มีนกที่ปักละเอียดอยู่คู่หนึ่ง
ทำไมเขาต้องถอดเสื้อผ้า
หรือว่าเขาคิดจะ.........
ไป๋ชิงหลิงสับสน นางเบิกตากว้างและตะโกนด้วยความโกรธเคือง:“ เด็กตกอยู่ในอันตราย ท่านยังมีกะจิตกะใจคิดเรื่องชายหญิงอีก ท่าน.....ท่านอย่ามาแตะข้านะ...... ”
“อ๊ะ !”
“ไอ้สารเลว อย่าแตะข้านะ” นางใช้มือและเท้าผลักออก
หรงเยี่ยขึ้นคร่อมตัวนาง ขาของเขาประกบเข้ากับขาที่สั่นเทาของนาง และยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะของนาง
ท่าทางแบบนี้ทำให้ไป๋ชิงหลิงได้รับความอับอายอย่างไม่ที่เคยปรากฏมาก่อน
นางไม่สามารถสู้ได้อีก
ชายหนุ่มปลดเสื้อคลุมของนางออกอย่างนุ่มนวลและถอดเสื้อผ้าของนางออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น