ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 141

จากนั้นแม่นมอันจึงรีบล่วงหน้าเข้าไปหาไป๋จิ่น เพื่อกระซิบบอกในสิ่งที่ตนเพิ่งจะเห็นมาเมื่อครู่

ไป๋จิ่นจึงนั่งฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ

จนแม่นมอันต้องรีบถอยกลับไปยืนเคียงข้างนางดังเดิม

เนื่องจากแม่นางหลี่กับบุตรสาวของนาง กำลังตรงเข้ามาในหอจิ่นเซวียนในท่าทางรีบร้อน

พอแม่นางหลี่โค้งคำนับให้กับไป๋จิ่น ไป๋จิ่นก็รีบลุกเข้าไปประคองแม่นางหลี่ขึ้นมาทันทีด้วยความนอบน้อม “ป้าสะใภ้รอง ในนี้มีแต่เราคนกันเอง มิต้องเคร่งครัดกับข้าถึงเพียงนั้นหรอก น้องหก น้องแปด นั่งก่อนสิจ๊ะ”

“พี่ใหญ่ช่างดีกับพวกเราเหลือเกิน ข้าเชื่อแล้วล่ะ ว่าพี่น้องร่วมสายเลือด จักนึกถึงกันเช่นนี้เสมอ” ไป๋หมิงจูกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

เนื่องจากไป๋จิ่นไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนอย่างพี่พี่ของเพื่อนสนิทนาง ซึ่งมักจะใช้ตำแหน่งนางในข่มเหงผู้อื่นจนเป็นนิจ

ทางด้านไป๋จิ่นเองก็รู้สึกลำพองใจไม่น้อย เมื่อได้เห็นไป๋หมิงจูแสดงความเคารพนับถือต่อตนถึงเพียงนี้

นางจึงส่งยิ้มให้กับไป๋หมิงจูอย่างอ่อนโยน แล้วตอบกลับไปว่า “หมิงจู พวกเราต่างก็เป็นคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น หากมิให้ข้าหวังดีต่อพวกเจ้า แล้วเจ้าจักให้ข้าไปหวังดีกับใครได้อีก”

เพียงเท่านั้น ใจของแม่นางหลี่ก็เริ่มฟูฟ่อง เหมือนไป๋จิ่นได้จุดประกายความหวังให้แก่นาง

นางจึงเข้าไปกุมมือไป๋จิ่นจนแน่น แล้วพูดขึ้นว่า “พระชายาทรงตรัสถูกแล้วล่ะเพคะ แต่บัดนี้ จวนติ้งเป่ยโหวของเรากำลังร้อนเป็นไฟ และลุงรองของพระองค์ก็ต้องถูกไล่ออกมาจากจวนเหมือนหมา หม่อมฉันเดามิออกแล้วจริง ๆ เพคะ ว่าครอบครัวไหนในจวนติ้งเป่ยโหวจักเป็นรายต่อไป... เห็นทีคงจักมีแต่หมิงอวี้แล้วกระมัง ที่มิต้องทนทุกข์เหมือนอย่างเรา ๆ ในตอนนี้”

พูดจบ แม่นางหลี่ก็แสร้งก้มหน้าซับน้ำตาตามลำดับ

ในขณะที่แม่นมอันนั้นเอาแต่จ้องมองมาที่นางด้วยความรังเกียจ

“ป้าสะใภ้รอง ข้ารู้ว่าครอบครัวของท่านต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่ในเมื่อท่านพ่อต้องการเช่นนั้น พวกเราก็คงจักทำอะไรมิได้ แถมตอนนี้ข้าเอง... ก็มิใช่ส่วนหนึ่งของจวนติ้งเป่ยโหวเหมือนก่อนแล้ว ดังนั้นมันคงมิดีแน่ ถ้าหากว่าข้ายังเข้าไปจัดแจงเรื่องในจวนโดยพลการ... พวกท่านคงต้องพึ่งตัวเองกันแล้วล่ะ” ไป๋จิ่นกล่าว

แม่นางหลี่จึงเงยหน้าขึ้นสบตากับไป๋จิ่น และตอบกลับไปว่า “พระชายาทรงเห็นใจหมิงจูกับหมิงฮุ่ยเถิดนะเพคะ หมิงจูนั้นเหลือเวลาอีกแค่ 1 ปี ส่วนหมิงฮุ่ยเองก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ปีแล้ว ถ้าหากว่าลุงรองของพระองค์ยังคงตกอับต่อไปเช่นนี้ เขาจักมีปัญญาดูแลน้องสาวทั้งสองของพระองค์ได้อีกนานสักแค่ไหนกันเชียว และถ้าหากว่าพวกนางได้เข้าพิธีวิวาห์กับคนเหลือขอ มันก็คงจักทำคุณอะไรให้กับพระชายามิได้แน่ ๆ”

แม่นางหลี่ประกาศจุดยืนชัดเจน ว่านางต้องการจะพาครอบครัวกลับเข้าไปในจวนติ้งเป่ยโหวให้ได้

เพราะถ้าหากว่าฮูหยินแห่งจวนติ้งเป่ยโหวเป็นแม่สื่อให้กับบุตรสาวทั้งสองของนาง ว่าที่บุตรเขยในอนาคตของนางก็จะมีฐานะที่สูงส่งขึ้นมาอีกหลายระดับ และคนอย่างไป๋จิ่นเองก็ยังต้องการพวกพ้องที่มาจากชนชั้นสูงไว้คอยส่งเสริมตนอยู่แล้ว

แต่แม่นางหลี่ลืมไปหรือเปล่า? ว่าฮูหยินแห่งจวนติ้งเป่ยโหวนั้น ยังมีบุตรสาวอีกตั้ง 3 คนแหนะ

แถมสิ่งเดียวที่พระชายาต้วนต้องการที่สุดในตอนนี้ คือการได้ลงมือสังหารน้องสาวฝาแฝดด้วยน้ำมือของนางเองเท่านั้น

ดังนั้นนางจึงคิดจะส่งครอบครัวลุงรองไปทำบางสิ่งมาแทน

ไป๋จิ่นถอนหายใจเล็กน้อย

จนแม่นางหลี่อดสงสัยไม่ได้ว่า “มีเรื่องอะไรที่ทำให้พระชายาทรงขุ่นข้องหมองพระทัยอย่างนั้นหรือเพคะ?”

ไป๋จิ่นจึงหันไปขยิบตาให้แม่นมอัน

เพื่อให้นางเดินเข้ามาบอกกับแม่นางหลี่ว่า “ในเพลานี้ พระชายาเองก็รู้สึกหวาดกลัวแม่นางผู้นั้นแล้วเหมือนกันนะฮูหยินไป๋”

“พระองค์จักทรงกลัวมันทำไมเพคะ พระองค์เป็นถึงพระชายาต้วนเชียวนะเพคะ”

เพราะถึงแม้ว่าท่านอ๋องต้วนจะค่อนข้างเชือนแช แต่เขาก็ยังเป็นถึงพระโอรสในพระสนมเอกหรง

แถมอำนาจและบารมีของพระสนมเอกหรงยังคอยหนุนหลังพวกเขาอยู่ตลอด ดังนั้นแม่นางหลี่จึงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า พระชายาต้วนจะเกรงกลัวคนอย่างไป๋เจาเสวี่ยไปทำไม

“เพราะฐานันดรของพระชายาต้วน มิอาจเกลือกกลั้วกับคนพรรค์นั้นได้หนะสิ” แม่นมอันกล่าวพลางรินชาใส่ถ้วยให้กับไป๋จิ่นอย่างช้า ๆ “แม่นางผู้นั้น เป็นเพียงหญิงชั้นต่ำจากหมู่บ้านจางซู่ ที่คิดแต่จักล่อล่วงท่านอ๋อง แถมยังกล้าขโมยพระโอรสและพระธิดาไปจากอกของพระชายาได้ลงคอ บัดนี้นางเที่ยวใช้วิชาแพทย์ของนางรังแกผู้อื่นไปทั่ว ซ้ำยังชักจูงท่านอ๋องหรงและคุณชายจิ่งให้เข้าไปมีเอี่ยวกับนางด้วย พระชายาต้วนถึงได้เลือกที่จักเพิกเฉยต่อคนพรรค์นั้นไปเสีย”

พูดจบ แม่นมอันก็แอบสบตากับไป๋จิ่นแบบรู้กัน

และสิ่งที่แม่นมอันได้กล่าวมาเมื่อครู่ ก็ได้ทำให้แม่นางหลี่ตกตะลึงสุดขีดตามคาด!

ที่แท้ ไป๋เจาเสวี่ยก็มาจากหมู่บ้านจางซู่งั้นหรือ !!!

เมื่อแม่นางหลี่หลงเชื่อคำพูดของแม่นมอันตามแผน ไป๋จิ่นจึงแสร้งถอนหายใจเล็กน้อย และกล่าวขึ้นว่า “ป้าสะใภ้รองวางใจเถิดหนา แม้นพวกท่านจักมิได้อยู่ในจวนติ้งเป่ยโหวแล้ว แต่ข้าก็ยังอยู่เคียงข้างพวกท่านเสมอ... ข้าฝากดูแลฮูหยินกับน้อง ๆ ของข้าด้วยหนาแม่นมอัน อีกเดี๋ยวข้าต้องออกไปต้อนรับสมาชิกใหม่ในพิธีแล้ว”

“เพคะ” จากนั้นเชี่ยวเอ๋อร์ก็ประคองไป๋จิ่นออกจากหอจิ่นเซวียนทันทีอย่างรู้งาน

หลังจากที่แม่นางหลี่กลับออกมาจากหอจิ่นเซวียน แม่นางหลี่ก็เอาแต่คิดถึงคำพูดของแม่นมอันแบบมิมีหยุดพัก…

เพราะถ้าหากไป๋เจาเสวี่ยมาจากหมู่บ้านจางซู่จริง ชาวบ้านในหมู่บ้านจางซู่ก็ต้องรู้ที่มาที่ไปของนางหนะสิ

แต่เดี๋ยวก่อน…

ที่แม่นมอันเล่าว่า นางได้ขโมยเด็กไปจากพระชายาถึง 2 คน…

มันก็แปลว่านางมิได้มีแค่ชงเซิงคนเดียวหนะสิ?

แม่นางหลี่จึงเริ่มคิดหนัก เนื่องจากตนต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า

แต่ด้วยความที่ไป๋ชิงหลิงไม่เคยพูดถึงสามีผู้เป็นพ่อของลูก มันจึงทำให้นางถูกโจษจันว่านางท้องไม่มีพ่อไปโดยปริยาย

ดังนั้นแม่นางหลี่จึงสรุปได้ว่า ไป๋ชิงหลิงโกหกทุก ๆ คน รวมถึงท่านอ๋องหรงด้วย

“รอให้ข้าขุดเจอเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมดของเจ้าก่อนเถิด แล้วเจ้าจักได้ชดใช้ให้กับหมิงอวี้ของข้าอย่างแน่นอน”

เสียงในหัวของแม่นางหลี่ดังซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ในขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของนางนั้นแทบจะฉีกไปถึงใบหู

หลังจากที่แม่นมอันนำทางแม่นางหลี่เข้ามาในงานพิธี แม่นางหลี่ก็รีบสั่งการกับคนของนาง ให้ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านจางซู่ เพื่อสืบเรื่องของไป๋ชิงหลิงจากชาวบ้านในแถบนั้นทันที

แต่ไป๋ชิงหลิงในตอนนี้ กลับต้องเจอกับหรงฉีโดยบังเอิญ

เมื่อหรงฉีในชุดเจ้าบ่าว กำลังเดินออกมาจากศาลาริมน้ำด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

แต่พอหรงฉีเห็นว่าคนที่กำลังจะเดินเข้ามาในศาลาคือไป๋ชิงหลิง

เขาก็รีบพุ่งตัวเข้าหานางทันทีด้วยแววตาดุร้าย “ไป๋…”

“ถวายบังคมเพคะท่านอ๋อง ขอท่านอ๋องต้วนและพระชายาทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญเพคะ”

ไป๋ชิงหลิงกล่าวคำอวยพร และโค้งคำนับให้กับหรงฉีอย่างนอบน้อม

“นี่เจ้า ยังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกรึ” หรงฉีกัดฟันถามด้วยความโกรธแค้น

“หม่อมฉันได้รับเทียบเชิญให้มาร่วมแสดงความยินดีเพคะ”

“เจ้า…” หรงฉีจ้องมองไป๋ชิงหลิง ราวกับมีดดาบนับร้อยที่กำลังตั้งท่าเล็งเข้าหาเหยื่อ

แต่แล้วจู่ ๆ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็หันเหไปทางไป๋ชงเซิงแบบไม่ทันตั้งตัว

“เด็กคนนี้… คือเด็กที่เจ้าอุ้มท้องในตอนนั้นใช่หรือไม่” หรงฉีเอ่ยถาม พลางชี้นิ้วไปยังไป๋ชงเซิงด้วยความเคียดแค้น

เพราะเด็กคนนี้ คือลูกของชายที่ทำให้ไป๋ชิงหลิงกล้าทรยศต่อความรักที่เขาเคยมีให้กับนาง

พอคิดถึงจุดนี้ หรงฉีก็เกิดเสียใจขึ้นมาทุกครั้ง

ที่ไม่ยอมตัดใจฆ่าเด็กในท้องของไป๋ชิงหลิงเสียตั้งแต่ตอนนั้น...

ไป๋ชิงหลิงเห็นดังนั้นจึงรีบปัดชงเซิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะแหงนหน้าสบตากับหรงฉี แล้วตอกกลับไปว่า “ทรงระวังคำพูดคำจาไว้หน่อยก็ดีนะเพคะ เพราะถ้าหากมีใครมาได้ยินเข้า งานมงคลของพระองค์คงจักไปมิถึงฝั่งอย่างที่พระองค์ทรงหวังไว้แน่!”

หรงฉีจึงพยายามยั้งใจมิให้วู่วามไปมากกว่านี้

เพราะถ้าหากมีใครล่วงรู้ถึงตัวตนของไป๋ชิงหลิงเข้า เสด็จแม่ของเขาคงไม่ยอมเก็บไป๋จิ่นเอาไว้แน่ ๆ

และตัวเขาเองก็รู้ดีว่า เสด็จแม่ของเขาไม่เคยโปรดปรานไป๋จิ่นเลยแม้แต่น้อย แถมตอนนี้ไป๋จิ่นยังต้องรับมือกับพระชายาองค์ใหม่ ที่กำลังจะเข้ามาเป็นหนามยอกอกนางอีกด้วย

เห็นได้ชัดเลยว่า เสด็จแม่ของเขากำลังเริ่มลงมือกับไป๋จิ่นแล้วจริง ๆ

เพราะถ้าหากพระชายาพระองค์ใหม่ย้ายเข้ามาเมื่อใด

ผู้หลักผู้ใหญ่หลาย ๆ ฝ่ายก็จะต้องคะยั้นคะยอให้เขารีบมีลูกกับพวกนางเป็นแน่

ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะปกป้องไป๋จิ่น เขาก็ต้องระวังมิให้ผู้ใดมาล่วงรู้ตัวตนของไป๋ชิงหลิงได้

มิเช่นนั้น เสด็จแม่ของเขาก็จะใช้เรื่องนี้ขับไล่ไป๋จิ่นออกจากชีวิตของเขาในทันที!

“เจ้าคิดหรือว่า เจ้าจักใช้เรื่องนี้ข่มขู่ข้าได้ตลอด!” หรงฉีเอ่ยถามพลางกำหมัดแน่น

ไป๋ชิงหลิงจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวนว่า “น่าเสียดายนะเพคะ ที่หม่อมฉันมิได้คิดเช่นนั้นกับพระองค์…”

“แต่ถ้าหากท่านพี่ต้องตายเพราะพระองค์ มันก็อาจจักเป็นทางออกที่ดีสำหรับพระองค์ก็ได้นะเพคะ!”

หรงฉีจึงจ้องมองเข้าไปในตาของไป๋ชิงหลิง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ในที่สุดเจ้าก็…”

“ท่านอ๋องเพคะ มิทราบว่าท่านอ๋องทรงทอดพระเนตรเห็นองค์หญิงหลวนอี๋บ้างหรือไม่เพคะ จวนของท่านอ๋องช่างกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ว่าหม่อมฉันจักหายังไงก็หามิพบ ท่านอ๋องทรงช่วยนำทางหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันมิได้เข้าเฝ้าองค์หญิงหลวนอี๋เสียตั้งนาน หม่อมฉันคิดถึงองค์หญิงเหลือเกินเพคะ”

“ไปให้พ้น–”

“ก็ได้เพคะ... เซิงเอ๋อร์ เจ้ายังมิได้ถวายความเคารพต่อท่านอ๋องต้วนเลยนะ รีบถวายความเคารพต่อพระองค์ท่านเสียสิลูก!” ไป๋ชิงหลิงพูดพลางดันตัวไป๋ชงเซิงออกมาอย่างช้า ๆ

ไป๋ชงเซิงจึงค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปข้างหน้า และกล่าวกับหรงฉีด้วยน้ำเสียงเล็กจ้อยว่า “ถวายบังคมเพคะ ท่านอ๋องต้วน ขอท่านอ๋องต้วนและพระชายาต้วนทรงพระเจริญ ขอพระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนานเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น