จากนั้นแม่นมอันจึงรีบล่วงหน้าเข้าไปหาไป๋จิ่น เพื่อกระซิบบอกในสิ่งที่ตนเพิ่งจะเห็นมาเมื่อครู่
ไป๋จิ่นจึงนั่งฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ
จนแม่นมอันต้องรีบถอยกลับไปยืนเคียงข้างนางดังเดิม
เนื่องจากแม่นางหลี่กับบุตรสาวของนาง กำลังตรงเข้ามาในหอจิ่นเซวียนในท่าทางรีบร้อน
พอแม่นางหลี่โค้งคำนับให้กับไป๋จิ่น ไป๋จิ่นก็รีบลุกเข้าไปประคองแม่นางหลี่ขึ้นมาทันทีด้วยความนอบน้อม “ป้าสะใภ้รอง ในนี้มีแต่เราคนกันเอง มิต้องเคร่งครัดกับข้าถึงเพียงนั้นหรอก น้องหก น้องแปด นั่งก่อนสิจ๊ะ”
“พี่ใหญ่ช่างดีกับพวกเราเหลือเกิน ข้าเชื่อแล้วล่ะ ว่าพี่น้องร่วมสายเลือด จักนึกถึงกันเช่นนี้เสมอ” ไป๋หมิงจูกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
เนื่องจากไป๋จิ่นไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเหมือนอย่างพี่พี่ของเพื่อนสนิทนาง ซึ่งมักจะใช้ตำแหน่งนางในข่มเหงผู้อื่นจนเป็นนิจ
ทางด้านไป๋จิ่นเองก็รู้สึกลำพองใจไม่น้อย เมื่อได้เห็นไป๋หมิงจูแสดงความเคารพนับถือต่อตนถึงเพียงนี้
นางจึงส่งยิ้มให้กับไป๋หมิงจูอย่างอ่อนโยน แล้วตอบกลับไปว่า “หมิงจู พวกเราต่างก็เป็นคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น หากมิให้ข้าหวังดีต่อพวกเจ้า แล้วเจ้าจักให้ข้าไปหวังดีกับใครได้อีก”
เพียงเท่านั้น ใจของแม่นางหลี่ก็เริ่มฟูฟ่อง เหมือนไป๋จิ่นได้จุดประกายความหวังให้แก่นาง
นางจึงเข้าไปกุมมือไป๋จิ่นจนแน่น แล้วพูดขึ้นว่า “พระชายาทรงตรัสถูกแล้วล่ะเพคะ แต่บัดนี้ จวนติ้งเป่ยโหวของเรากำลังร้อนเป็นไฟ และลุงรองของพระองค์ก็ต้องถูกไล่ออกมาจากจวนเหมือนหมา หม่อมฉันเดามิออกแล้วจริง ๆ เพคะ ว่าครอบครัวไหนในจวนติ้งเป่ยโหวจักเป็นรายต่อไป... เห็นทีคงจักมีแต่หมิงอวี้แล้วกระมัง ที่มิต้องทนทุกข์เหมือนอย่างเรา ๆ ในตอนนี้”
พูดจบ แม่นางหลี่ก็แสร้งก้มหน้าซับน้ำตาตามลำดับ
ในขณะที่แม่นมอันนั้นเอาแต่จ้องมองมาที่นางด้วยความรังเกียจ
“ป้าสะใภ้รอง ข้ารู้ว่าครอบครัวของท่านต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่ในเมื่อท่านพ่อต้องการเช่นนั้น พวกเราก็คงจักทำอะไรมิได้ แถมตอนนี้ข้าเอง... ก็มิใช่ส่วนหนึ่งของจวนติ้งเป่ยโหวเหมือนก่อนแล้ว ดังนั้นมันคงมิดีแน่ ถ้าหากว่าข้ายังเข้าไปจัดแจงเรื่องในจวนโดยพลการ... พวกท่านคงต้องพึ่งตัวเองกันแล้วล่ะ” ไป๋จิ่นกล่าว
แม่นางหลี่จึงเงยหน้าขึ้นสบตากับไป๋จิ่น และตอบกลับไปว่า “พระชายาทรงเห็นใจหมิงจูกับหมิงฮุ่ยเถิดนะเพคะ หมิงจูนั้นเหลือเวลาอีกแค่ 1 ปี ส่วนหมิงฮุ่ยเองก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ปีแล้ว ถ้าหากว่าลุงรองของพระองค์ยังคงตกอับต่อไปเช่นนี้ เขาจักมีปัญญาดูแลน้องสาวทั้งสองของพระองค์ได้อีกนานสักแค่ไหนกันเชียว และถ้าหากว่าพวกนางได้เข้าพิธีวิวาห์กับคนเหลือขอ มันก็คงจักทำคุณอะไรให้กับพระชายามิได้แน่ ๆ”
แม่นางหลี่ประกาศจุดยืนชัดเจน ว่านางต้องการจะพาครอบครัวกลับเข้าไปในจวนติ้งเป่ยโหวให้ได้
เพราะถ้าหากว่าฮูหยินแห่งจวนติ้งเป่ยโหวเป็นแม่สื่อให้กับบุตรสาวทั้งสองของนาง ว่าที่บุตรเขยในอนาคตของนางก็จะมีฐานะที่สูงส่งขึ้นมาอีกหลายระดับ และคนอย่างไป๋จิ่นเองก็ยังต้องการพวกพ้องที่มาจากชนชั้นสูงไว้คอยส่งเสริมตนอยู่แล้ว
แต่แม่นางหลี่ลืมไปหรือเปล่า? ว่าฮูหยินแห่งจวนติ้งเป่ยโหวนั้น ยังมีบุตรสาวอีกตั้ง 3 คนแหนะ
แถมสิ่งเดียวที่พระชายาต้วนต้องการที่สุดในตอนนี้ คือการได้ลงมือสังหารน้องสาวฝาแฝดด้วยน้ำมือของนางเองเท่านั้น
ดังนั้นนางจึงคิดจะส่งครอบครัวลุงรองไปทำบางสิ่งมาแทน
ไป๋จิ่นถอนหายใจเล็กน้อย
จนแม่นางหลี่อดสงสัยไม่ได้ว่า “มีเรื่องอะไรที่ทำให้พระชายาทรงขุ่นข้องหมองพระทัยอย่างนั้นหรือเพคะ?”
ไป๋จิ่นจึงหันไปขยิบตาให้แม่นมอัน
เพื่อให้นางเดินเข้ามาบอกกับแม่นางหลี่ว่า “ในเพลานี้ พระชายาเองก็รู้สึกหวาดกลัวแม่นางผู้นั้นแล้วเหมือนกันนะฮูหยินไป๋”
“พระองค์จักทรงกลัวมันทำไมเพคะ พระองค์เป็นถึงพระชายาต้วนเชียวนะเพคะ”
เพราะถึงแม้ว่าท่านอ๋องต้วนจะค่อนข้างเชือนแช แต่เขาก็ยังเป็นถึงพระโอรสในพระสนมเอกหรง
แถมอำนาจและบารมีของพระสนมเอกหรงยังคอยหนุนหลังพวกเขาอยู่ตลอด ดังนั้นแม่นางหลี่จึงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า พระชายาต้วนจะเกรงกลัวคนอย่างไป๋เจาเสวี่ยไปทำไม
“เพราะฐานันดรของพระชายาต้วน มิอาจเกลือกกลั้วกับคนพรรค์นั้นได้หนะสิ” แม่นมอันกล่าวพลางรินชาใส่ถ้วยให้กับไป๋จิ่นอย่างช้า ๆ “แม่นางผู้นั้น เป็นเพียงหญิงชั้นต่ำจากหมู่บ้านจางซู่ ที่คิดแต่จักล่อล่วงท่านอ๋อง แถมยังกล้าขโมยพระโอรสและพระธิดาไปจากอกของพระชายาได้ลงคอ บัดนี้นางเที่ยวใช้วิชาแพทย์ของนางรังแกผู้อื่นไปทั่ว ซ้ำยังชักจูงท่านอ๋องหรงและคุณชายจิ่งให้เข้าไปมีเอี่ยวกับนางด้วย พระชายาต้วนถึงได้เลือกที่จักเพิกเฉยต่อคนพรรค์นั้นไปเสีย”
พูดจบ แม่นมอันก็แอบสบตากับไป๋จิ่นแบบรู้กัน
และสิ่งที่แม่นมอันได้กล่าวมาเมื่อครู่ ก็ได้ทำให้แม่นางหลี่ตกตะลึงสุดขีดตามคาด!
ที่แท้ ไป๋เจาเสวี่ยก็มาจากหมู่บ้านจางซู่งั้นหรือ !!!
เมื่อแม่นางหลี่หลงเชื่อคำพูดของแม่นมอันตามแผน ไป๋จิ่นจึงแสร้งถอนหายใจเล็กน้อย และกล่าวขึ้นว่า “ป้าสะใภ้รองวางใจเถิดหนา แม้นพวกท่านจักมิได้อยู่ในจวนติ้งเป่ยโหวแล้ว แต่ข้าก็ยังอยู่เคียงข้างพวกท่านเสมอ... ข้าฝากดูแลฮูหยินกับน้อง ๆ ของข้าด้วยหนาแม่นมอัน อีกเดี๋ยวข้าต้องออกไปต้อนรับสมาชิกใหม่ในพิธีแล้ว”
“เพคะ” จากนั้นเชี่ยวเอ๋อร์ก็ประคองไป๋จิ่นออกจากหอจิ่นเซวียนทันทีอย่างรู้งาน
หลังจากที่แม่นางหลี่กลับออกมาจากหอจิ่นเซวียน แม่นางหลี่ก็เอาแต่คิดถึงคำพูดของแม่นมอันแบบมิมีหยุดพัก…
เพราะถ้าหากไป๋เจาเสวี่ยมาจากหมู่บ้านจางซู่จริง ชาวบ้านในหมู่บ้านจางซู่ก็ต้องรู้ที่มาที่ไปของนางหนะสิ
แต่เดี๋ยวก่อน…
ที่แม่นมอันเล่าว่า นางได้ขโมยเด็กไปจากพระชายาถึง 2 คน…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...