ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 142

ทันทีที่คำพูดของไป๋ชงเซิงหยุดลง ไป๋ชิงหลิงได้ลูบที่ศีรษะของนางเบาๆ และกล่าวอธิบาย "ชงเซิง เจ้าพูดผิดแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันแต่งงานของท่านอ๋องต้วนและพระชายาต้วน แต่เป็นงานแต่งงานของเขาและพระชายารอง"

"อ้อ! ข้าลืมไปเลยว่าวันนี้ท่านอ๋องต้วนจะแต่งงานกับคนโง่เขลาถึงสองคน" ไป๋ชงเซิงหันหน้าไปชำเลืองของไป๋ชิงหลิง จากนั้นก็พึมพำงึมงำกับตัวเอง ทว่าเสียงพึมพำของนางนั้นกลับดังก้อง

ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของหรงฉี่เคร่งขรึมขึ้นและเขากำหมัดแน่น แอบได้ยินถึงเสียงกระดูกที่หักกรอบแกร่บ

จากนั้นน้ำเสียงอันโกรธจัดก็ได้ออกมาจากปากของเขา "ไสหัวไป"

ไป๋ชงเซิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "ท่านอ๋องต้วน ท่านโกรธบ่อยเช่นนี้ไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไรนัก ท่านควรหมั่นออกกำลังกายเคลื่อนไหวเเหมือนอย่างท่านอ๋องหรง ถึงแม้ว่าท่านอ๋องหรงจะมีสีหน้าเคร่งเครียดดุดัน แต่เขาเป็นคนที่มีความอดทนอย่างมาก ไม่แปลกที่ท่านไม่มีทายาทเสียที เพราะท่านเป็นเช่นนี้ จึงทำให้เด็กที่อยู่ในท้องตกใจจนร้องไห้"

"ไป๋เจาเสวี่ย!" หรงฉี่กัดฟันกรอดขณะที่เรียกชื่อนางออกมา เขาชี้ไปที่ไป๋ชงเซิง "หากเจ้ายังไม่จัดการเจ้าเด็กป่าเถื่อนคนนี้......"

"ท่านว่าใครเป็นเด็กป่าเถื่อนอย่างนั้นหรือ? ข้าเกิดจากท่านแม่ของข้า ข้าไม่ได้เป็นเด็กป่าเถื่อน ท่านอ๋องต้วนกล่าวเช่นนี้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย" ไป๋ชงเซิงด่ากลับด้วยความโกรธ

ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าพอสมควรแล้วจึงได้ดึงไป๋ชงเซิงกลับไปและโค้งคำนับ "ท่านอ๋องต้วนเพคะ เซิงเอ๋อร์เพิ่งจะอายุห้าขวบเท่านั้น โกรธเคืองได้แม้กระทั่งเด็กน้อย ท่านก็ช่างมีความสามารถเสียจริงเพคะ"

"ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก"

เขาเพียงนึกถึงว่าไป๋ชิงหลิงเคยมีลูกด้วยกันกับผู้ชายคนอื่น ก็รู้สึกโกรธแค้นที่ไม่ได้ฆ่าเด็กแฝดที่อยู่ในท้องให้ตายไปตั้งแต่ห้าปีก่อน

ไม่เช่นนั้นจะปล่อยให้เด็กสารเลวคนนั้นมากล่าวหาเขาได้อย่างไร

ใช่ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ไป๋ชิงหลิงต้องสบายใจเช่นนี้หรอก

ในเมื่อมีชีวิตรอดกลับมา เช่นนั้นเขาจะหาโอกาสอีกครั้ง เพื่อกักขังนางไว้ในกรงของเขาอีกครั้ง

ถึงตอนนั้น ค่อยสับร่างของเด็กป่าเถื่อนที่อยู่ข้างกายของนางให้ละเอียดแล้วนำไปให้สุนัขกิน

ไป๋ชิงหลิงก้าวผ่านข้างกายของเขาออกไป

ทว่าขณะที่นางยังเดินไปไม่ไกลนั้น เบื้องหลังก็มีเสียงของพ่อบ้านจวนท่านอ๋องตะโกนดังขึ้น "ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

"เกิดอะไรขึ้น?"

"พระชายารองทั้งสอง พระชายารองทั้งสองคลุ้มคลั่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกนางกดพระชายาไว้กับพื้นและตบตีกันพ่ะย่ะค่ะ!"

"สมควรตายเสียเถอะ!" หรงฉี่รีบเดินตามพ่อบ้านจางออกไป

ไป๋ชิงหลิงก็ได้หยุดลงและเดินกลับไป

ไป๋ชงเซิงถามว่า "ท่านแม่ ท่านจะไปดูอะไรสนุกๆ ใช่หรือไม่!"

"มีอะไรสนุกๆ ให้ดู ถ้าไม่ดูก็บ้าแล้ว"

มุมปากของไป๋ชิงหลิงยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความสนุก จากนั้นได้อุ้มไป๋ชงเซิงเดินไปยังสถานที่ที่ครึกครื้นที่สุดในจวนท่านอ๋อง

พระชายารองทั้งสองคนไม่โจมตีคนอื่น แต่กลับลงมือโจมตีเพียงพระชายาเอกต้วนคนเดียวเท่านั้น

จะต้องเป็นเพราะไป๋จิ่นทำอะไรไม่ดีกับพวกนางสองคนแน่ๆ ทำให้พวกนางโกรธแค้นขึ้นมา

ไม่นานไป๋ชิงหลิงก็เดินมาถึงเรือนด้านหน้า

หรงเยี่ยก็บังเอิญพาหรงจิ่งหลินมาหาอะไรสนุกๆ ดูด้วยเช่นกัน

ทั้งสองมองหน้ากันโดยปริยาย จากนั้นจึงพาลูกๆ ของพวกเขาเดินเข้าไปในเรือน

องค์หญิงผิงหยางได้ถูกผลักออก แต่คุณหนูตระกูลหวู่กลับยังคงบีบคอไป๋จิ่นอยู่

คุณหนูตระกูลหวู่บ้าคลั่งอย่างมาก แววตาที่นางมองคนอื่นนั้นเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต คนของจวนกั๋วกงกลับไม่มีใครกล้าเข้าไปดึงนางออก

ขณะที่ท่านอ๋องต้วนเข้าไปดึงนางนั้น คุณหนูหวู่ได้หันกลับไปและอ้าปากราวกับจะกัดคอท่านอ๋องต้วนเอาเสียให้ได้

โชคดีที่พ่อบ้านจางมือไวและเห็นได้ทัน จึงได้ดึงท่านอ๋องต้วนออกมาและกล่าวด้วยความตกใจ "ท่านอ๋อง ท่านอย่าได้เข้าไปพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินมาว่าโรคคลุ้มคลั่งนี้สามารถติดต่อผ่านคนได้"

"จิ่นเอ๋อร์ จิ่นเอ๋อร์......" หรงฉี่เห็นนางถูกบีบคอจนหน้าดำหน้าแดงก็รู้สึกเจ็บปวดและสงสาร "ส่งคนมาเดี๋ยวนี้ รีบแยกผู้หญิงคลุ้มคลั่งคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้!"

ผู้พิทักษ์จวนท่านอ๋องกำลังจะเข้าไป

ทว่าไป๋ชิงหลิงกลับเดินเข้าไปและหยิบเข็มเงินปักเข้าไปที่บริเวณศีรษะของคุณหนูหวู่......

เมื่อเข็มถูกปักลง คุณหนูหวู่ที่กำลังบ้าคลั่งก็ได้กลับมามีสติขึ้นอีกครั้ง

นางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างมึนงงและพบว่าทุกคนต่างกำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง คุณหนูหวู่ฝืนยิ้มอย่างขมขื่น "ท่านย่า ข้า......เมื่อสักครู่อาการของข้ากำเริบขึ้นอีกแล้วใช่หรือไม่"

ฮูหยินอาวุโสตระกูลหวู่จ้องมองไปที่ไป๋ชิงหลิงอย่างตกตะลึง "เจ้า......เจ้าคือใครกัน?"

เพียงปักลงไปเข็มเดียวก็สามารถดึงสติของหลานสาวของนางกลับมาได้

ไป๋ชงเซิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ "ท่านแม่ของข้าคือหมอหญิงประจำราชสำนักของไทเฮา"

ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปยังไป๋ชิงหลิง

เป็นที่แพร่หลายในทุกแวดวงมานานแล้วว่าผู้ที่ทำการรักษาไทเฮานั้นเป็นหมอหญิงที่มีความสามารถอย่างมากคนหนึ่ง

ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ใช้วิธีการผ่าตัดบริเวณหน้าท้องเพื่อนำฝีหนองออกมาและรักษาจนไทเฮาหายดี

ผู้ที่ได้ยินมักเกิดความสงสัยและประหลาดใจกับวิธีการที่แปลกประหลาดเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบเข้าที่จวนท่านอ๋องต้วนที่นี่

ทางนั้น ท่านอ๋องฮุ่ย เสด็จพ่อขององค์หญิงผิงหยางได้หันไปมองไป๋ชิงหลิงทันที "ในเมื่อเป็นหมอหญิงประจำราชสำนักของไทเฮา เช่นนั้นก็แสดงว่ามีทักษะทางการแพทย์ที่สูงส่ง หมอหลวงที่เรือนคนบ้าล้วนไม่เอาไหน เช่นนั้นเจ้าก็มาดูอาการให้กับผิงหยางเสียหน่อย"

น้ำเสียงของท่านอ๋องฮุ่ยเสมือนเป็นเรื่องปกติ และเหมือนเป็นการสั่งการ โดยไม่เหลือที่ว่างให้ไป๋ชิงหลิงได้ปฏิเสธออกไป

จวนกั๋วกงก็เกิดความคิดเช่นนั้น

เพียงแต่วิธีการรักษาไทเฮาของไป๋ชิงหลิงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

เมื่อทุกคนมองไปที่ไป๋ชิงหลิง ทุกคนต่างมองไปที่ทักษะทางการแพทย์ที่สูงส่งของนาง และคิดว่าไม่มีเรื่องไหนที่ไป๋ชิงหลิงจะทำไม่ได้ เช่นนั้นก็สามารถรักษาพระชายารองของจวนท่านอ๋องต้วนให้หายได้

"ดูอาการให้พระชายารองหวู่ด้วย" ฮูหยินอาวุโสตระกูลหวู่กล่าวเน้นย้ำ

ท่านอ๋องฮุ่ยกวาดสายตาไปยังคนของจวนอู๋กั๋วกง "ผิงหยางของข้ามีสถานะตำแหน่งสูงศักดิ์ และไม่เคยใช้หมอหลวงร่วมกับใคร และนางเป็นคนที่ข้าต้องการ หากจวนกั๋วกงของพวกเจ้าต้องการจะให้นางรักษา เช่นนั้นก็รอให้นางรักษาผิงหยางของข้าให้หายดีเสียก่อน จากนั้นพวกเจ้าค่อยมาหานาง"

"ท่านอ๋องฮุ่ย นางเป็นหมอหลวงหญิงประจำราชสำนักของไทเฮา ข้าและท่านก็ต่างจำเป็นต้องผ่านการเห็นชอบของไทเฮาเสียก่อน จึงจะให้นางทำการรักษาได้" อู๋กั๋วกงก็ไม่ยอมเสียหน้า

ท่านอ๋องฮุ่ยมีอำนาจควบคุมทางการทหาร และเคยเป็นผู้มีพระคุณของจักรพรรดิเหยา นับว่าเขามีอำนาจเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในเมืองหลวง และไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา

ทว่าบรรพบุรุษของอู๋กั๋วกงกลับเป็นเพื่อนที่ดีของจักรพรรดิเหยา

ในอดีตที่บรรพบุรุษทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาถือเป็นผู้บุกเบิกการก่อตั้งแคว้น

และมีตระกูลหวู่คอยปกป้องบรรพบุรุษของอดีตจักรพรรดิเหยาให้ขึ้นครองตำแหน่งจักรพรรดิ ฉะนั้นจึงทำให้รุ่นลูกรุ่นหลังของตระกูลหวู่พลอยได้รับความดีความชอบเช่นนี้อยู่บ้าง

ทั้งสองต่างไม่ยอมแพ้!

เมื่อพูดตามหลักเหตุผลแล้วนั้น การที่ไป๋ชิงหลิงถูกตระกูลสูงส่งทั้งสองแย่งชิงตัวนั้นถือเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างมาก

ทว่าไป๋ชิงหลิงกลับเห็นเจตนาอื่น......

และขณะนี้จู่ๆ ก็มีเสียงแทรกการทะเลาะวิวาทของทั้งสองฝั่ง

"ท่านอ๋องฮุ่ย อู๋กั๋วกง หยุดแย่งชิงกันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเสียเวลาในการทำการรักษาให้กับพระชายารองทั้งสอง และเกิดเป็นความพ่ายแพ้ขึ้นทั้งสองฝั่งจะไม่คุ้มค่าเอาเสีย ไม่เช่นนั้นให้นางทำการรักษาพระชายารองทั้งสองคนไปพร้อมกัน เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและไม่ต้องทะเลาะกัน อีกทั้งยังสามารถทำให้หมอหญิงไป๋ทำการรักษาได้อย่างเต็มที่!"

ผู้ที่พูดก็คือไป๋จิ่น พระชายาต้วน ผู้ที่ถูกประคองให้ลุกขึ้น!

ชุดสีเนื้อของนางเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน เครื่องประดับผมของนางหลุดลุ่ยและเส้นผมของนางก็ยุ่งเหยิง

แม้ว่าจะดูน่าอดสู แต่กลับยังเผยให้เห็นความงดงามที่น่าสมเพช

นางมองไปยังไป๋ชิงหลิงราวกับเสมือนเป็นผู้สร้างสันติ

แต่ความเป็นจริง นางได้คิดแผนการชั่วร้ายเอาไว้แล้วในใจ

ท่านอ๋องฮุ่ยและอู๋กั๋วกงนั้นไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย หากไป๋ชิงหลิงไม่สามารถรักษาพระชายารองทั้งสองให้หายได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่านางได้ทำผิดต่อคนใหญ่คนโตถึงสองคน

ท่านอ๋องฮุ่ยนั้นมีความโหดร้ายเป็นทุนเดิม เขาจะต้องฆ่าฟันนางอย่างแน่นอน

วิธีการยืมมือคนอื่นลงมือฆ่าเช่นนี้ แม้แต่ไป๋ชิงหลิงก็ยังต้องปรบมือให้!

ดีมาก!

ทว่าอู๋กั๋วกงไม่สมควรดึงไทเฮาเข้ามาเกี่ยวข้อง!

ไป๋ชิงหลิงหรี่ตาลงและกล่าวว่า "ข้าสามารถลองตรวจสอบอาการให้กับพระชายารองทั้งสองได้ แต่ข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถรักษาอาการป่วยของพระชายารองทั้งสองให้หายได้!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น