“เชอะ!”ท่านอ๋องฮุ่ยชักมีดออก กล่าวด้วยความเหี้ยมโหดว่า“รักษาผิงหยางไม่ได้ ข้าก็จะตัดหัวของเจ้า ทำเป็นเก้าอี้ให้ผิงหยางนั่ง ก็ดีที่จะเก็บกวาดหมอกำมะลอให้ไทเฮา หลีกเลี่ยงจะนำความหายนะแก่ไทเฮาอีก”
อู๋กั๋วกงก็กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึมว่า“ใช่ อาการวิกลจริตยังรักษาไม่ได้ แล้วจะคู่ควรกับคำว่าประจำราชสำนักนี้ได้อย่างไร”
ติ้งเป่ยโหวเบียดออกมาจากกลุ่มผู้คน
เขาเพิ่งจะเดินมาถึงบริเวณนี้ ก็ได้เห็นไป๋ชิงหลิงถูกอู๋กั๋วกงกับท่านอ๋องฮุ่ยขู่เข็ญอยู่
เขากล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาลว่า“ท่านอ๋องฮุ่ย อู๋กั๋วกง พวกท่านทำเป็นเหมือนจวนติ้งเป่ยโหวของข้าไม่มีคนหรือ คิด…..”
“ท่านพ่อ น้องช่วยได้ เมื่อครู่นางฝังพระชายารองหวู่หนึ่งเข็ม พระชายารองหวู่ก็ได้สติแล้ว”ไป๋จิ่นกล่าวตัดบทติ้งเป่ยโหวด้วยความร้อนใจ
นางไม่อยากให้ติ้งเป่ยโหวออกมาก่อกวนเรื่องราวดีๆของนางในเวลานี้
ทั้งสามท่านล้วนเป็นขุนนางโดดเด่นมีความสามารถด้านการทหาร หากต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่จบไม่สิ้นแล้ว
จุดมุ่งหมายของนางคือต้องการให้ไป๋ชิงหลิงตาย !
ติ้งเป่ยโหวจ้องมองไป๋จิ่นด้วยความโมโห ตอนที่กำลังจะกล่าวตำหนินาง
ไป๋ชิงหลิงได้เอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของติ้งเป่ยโหว “ท่านพ่อ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้งแล้ว อย่างไรข้าก็ยังยืนยันคำเดิม สามารถรักษาพระชายารองทั้งสองนั้นได้ แต่จำเป็นต้องจะต้องให้ค่าออกตรวจข้า อีกอย่าง ข้าไม่สามารถรับรองได้ว่าทั้งสองจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนคนปกติได้ หากท่านอ๋องฮุ่ยกับอู๋กั๋วกงยินยอมให้ข้ารักษา ข้าจะใช้พละกำลังความสามารถทั้งหมด แต่หากต้องใช้ชีวิตของข้ามารับประกันแทนพระชายารองทั้งสองท่าน เช่นนั้นข้าทำตามคำสั่งได้อย่างลำบากแล้ว”
“เด็กอวดดี ! แม้แต่อาการวิกลจริตเจ้าก็รักษาไม่ได้ ยังจะมีชีวิตอยู่ทำไม!”ตั้งแต่ต้นจนจบท่านอ๋องฮุ่ยไม่ยอมลดละให้เลย
เขาคิดว่า มีเพียงชีวิตรับประกัน เหล่าหมอประจำราชสำนักเหล่านี้ถึงจะพยายามรักษาผิงหยางได้
อู๋กั๋วกงพยักหน้ารับกล่าวว่า“ได้ เช่นนั้นเชิญหมอหญิงไป๋ช่วยรักษาพระชายารองหวู่ด้วย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย จวนกั๋วกงจะไม่มีทางถามหาสืบเสาะความรับผิดชอบจากเจ้า”
ไป๋จิ่นได้ยินอย่างนั้น ก็ได้แอบทำเสียงเหอะอยู่ภายในใจ
ตอนนี้นางเป็นพระชายารองหวู่ จวนกั๋วกงไม่สืบสาวเอาความ ไม่ได้หมายความว่าจวนท่านอ๋องต้วนไม่ทำสักหน่อย
เพียงแค่ไป๋ชิงหลิงรักษาไม่ได้ นางจะต้องให้ท่านอ๋องต้วนสืบสาวเอาความอย่างแน่นอน
ครั้งนี้ นางอยากจะรู้นักว่าไป๋ชิงหลิงจะโอ้อวดอย่างไร
“ได้ ในเมื่อจวนกั๋วกงตอบรับแล้ว เช่นนั้นขอให้ท่านอ๋องต้วนรับรองกับหม่อมฉันด้วยเพคะ ไม่ว่าหม่อมฉันจะรักษาพระชายารองหวู่ได้หรือไม่นั้น ท่านอ๋องก็จะไม่สืบเสาะเอาความรับผิดชอบจากหม่อมฉัน”ไป๋ชิงหลิงมองไปทางหรงฉี่
ไป๋จิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันที เพราะคำพูดของไป๋ชิงหลิงนางแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด
ไป๋ชิงหลิงคนนี้ คิดไม่ถึงว่าสมองจะกำกวมซับซ้อนกว่าเมื่อห้าปีก่อน นางรู้จักที่จะให้ท่านอ๋องต้วนรับรองให้ด้วย
นังสารเลวนี่ ! !
แน่นอนว่าทางด้านของหรงฉี่ไม่มีอะไรจะพูดหรอก
แน่นอนว่าเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระชายารองทั้งสองจะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้
“ได้ ไม่ว่าพระชายารองหวู่จะสามารถรักษาหายได้ทั้งหมดหรือไม่นั้น ข้าล้วนไม่มีทางสืบสาวเอาเรื่องเจ้า กลับกัน หากเจ้ารักษาพระชายารองหวู่หายได้ ข้าจะมีรางวัลใหญ่ให้”หรงฉี่กล่าว
ไป๋ชิงหลิงหันหน้ามา สายตาจ้องมองหรงเยี่ย สีหน้าเปล่งประกาย กล่าวว่า “ท่านอ๋องหรง รบกวนท่านเป็นพยานบุคคลให้ข้าด้วย”
หรงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้น :“พยานบุคคล?”
“อืม ท่านไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ตอนที่ข้าไร้หนทางที่จะรักษาพระชายารองหวู่ และตอนอู๋กั๋วกงกับท่านอ๋องต้วนโกรธข้า ท่านก็ค่อยๆเตือนสติพวกเขา ว่าวันนี้รับปากกับข้าแล้วที่จวนท่านอ๋องต้วน”
ตอนที่ไป๋ชิงหลิงกล่าวจบ อู๋กั๋วกง ท่านอ๋องต้วน และไป๋จิ่น ทั้งสามคนรู้สึกช้ำในอย่างมาก !
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักชั่วดีจริงๆ !
พวกเขาเป็นคนประเภทที่จะกลับคำพูดหรือ ! !
“ได้”หรงเยี่ยกล่าว“ระหว่างที่หมอหญิงไป๋รักษาพระชายารองหวู่ หากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น ข้าจะไม่มีทางนั่งดูอย่างนิ่งเฉยแน่”
ไป๋ชิงหลิงได้ยินคำนี้ ชะงักงันพักหนึ่ง จึงได้เงยหน้าสบตาเขา…..
และเขาก็หลุบตาลง สายตาไม่ได้อบอุ่น แต่ทว่ากลับรู้สึกว่าอ่อนโยนกว่าคนทั่วไป
เหมือนดวงตาของเขาสามารถพูดได้ คล้ายกับว่ากำลังด่าทอนาง :คนโง่ ยังไม่รีบขอบคุณข้าอีก
“หมอหญิงไป๋เป็นคนของไทเฮา ข้าไม่อยากให้แคว้นหรงสูญเสียบุคคลที่มีความสามารถ อู๋กั๋วกง ท่านว่าไหม!”หรงเยี่ยเบนสายตามอง
ดวงตาที่เดิมมีความอบอุ่นอ่อนโยนอยู่บ้าง แต่ทว่าตอนนี้ได้เย็นชาลงแล้ว
อู๋กั๋วกงกล่าวแสดงออกด้วยความเคารพว่า “ท่านอ๋องหรงพูดถูก หมอหญิงไป๋เป็นคนที่มีความรู้ทางการแพทย์ เมื่อครู่กระหม่อมเห็นนางปักเข็มลงไป ก็ทำให้พระชายารองหวู่ตื่นได้ เมื่อครู่เสียมารยาทแล้ว”
“แต่ท่านอ๋องฮุ่ย ท่านทำให้แม่นางน้อยตกใจ ข้าว่าไร้กะจิตกะใจที่จะรักษาองค์หญิงผิงหยางแล้ว”
“เชอะ คนแก่ขาดความรู้ แม่สาวน้อยคนนี้กำลังหลอกท่านอยู่”ท่านอ๋องฮุ่ยจ้องมองไป๋ชิงหลิงด้วยสายตาเยือกเย็น
อยู่ที่ของเขา รักษาผิงหยางไม่หาย ก็ต้องตาย
เพราะฉะนั้น เป็นเพราะองค์หญิงผิงหยางเลยมีหมอประจำราชสำนักจำนวนไม่น้อยที่ตายในมือของท่านอ๋องฮุ่ย
เขาหันไปมององค์หญิงผิงหยางที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง แล้วตะคอกว่า“หามองค์หญิงกลับเรือน ข้าไม่เชื่อ ว่าจะจัดการกับแม่สาวน้อยคนนี้ไม่ได้!”
ตอนพูดคำว่า“แม่สาวน้อย” อ๋องฮุ่ยก็จ้องมองไป๋ชิงหลิงด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้ง
สายตานี้ มองจนทำให้หนังศีรษะของไป๋ชิงหลิงชาวาบ
ไม่ใช่เพราะนางกลัวท่านอ๋องฮุ่ยผู้นี้นะ
แต่รู้สึกว่าสายตานี้ไม่เหมือนคนที่มีชีวิตอยู่ ต่อให้ตอนนั้นเจออ๋องหรงครั้งแรก ความหวาดกลัวที่นางมีต่ออ๋องหรงเป็นเพียงแค่หวาดกลัวชื่อเสียงบารมีเขา
แต่ท่านอ๋องฮุ่ยผู้นี้ จ้องมองด้วยสายตาทำลายล้างความน่าเกรงขามแบบไม่กระพริบตา……เหมือนกับผีดุร้ายมาก! !
ไม่นานคนที่มุงรายล้อมอยู่บริเวณนี้ก็กระจายออกไป ดื่มเหล้ากันต่อ !
หรงฉี่ให้พระชายารองหวู่อยู่ที่หอลี่ว์เซิน ส่วนพระชายาเลี่ยวให้อยู่หอลี่ว์อี้ สถานที่อยู่ของทั้งสองพระชายารอง เป็นทะเลสาบสองแห่งหันหน้าเข้าหากัน
ท่านอ๋องฮุ่ยไม่ได้พูดข้อเรียกร้องประณีประนอมกับไป๋ชิงหลิง เพราะฉะนั้นนางเลยสนใจแค่พระชายารองหวู่ก็พอ
ก่อนที่ไป๋ชิงหลิงจะไปที่หอลี่ว์เซิน นางได้เอาไป๋ชงเซิงให้หรงเยี่ย
เพราะว่าติ้งเป่ยโหวไปที่หอจิ่นเซวียน
“ช่วยข้าดูนางด้วย อย่าให้นางวิ่งไปทั่วนะ”ไป๋ชิงหลิงดันลูกไปตรงหน้าเขา
หรงเยี่ยกวาดสายตามอง ตอบกลับว่า “อืม”
ไป๋ชิงหลิงหมุนตัวเดินไป แต่หรงเยี่ยได้เรียกไว้ “วันนี้เจ้านับว่าบาดหมางกับท่านอ๋องฮุ่ยแล้ว เขาไม่มีทางวางมือจากเจ้าแน่”
ฝีเท้าไป๋ชิงหลิงชะงักเล็กน้อย หันกลับไปมองเขากล่าวว่า“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เขาทำอะไรข้าได้!”
“คนโง่”หรงเยี่ยเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ดึงนางมาอยู่ตรงหน้าของตนเอง กล่าวว่า “เขาสามารถบอกฝ่าบาทได้ว่าต้องการเจ้า เขาขออะไรฝ่าบาทก็ได้หมด อีกทั้งเขาเป็นเสนาบดีขุนนางที่การทหารโดดเด่น เคยช่วยชีวิตฝ่าบาทด้วย เขาบอกฝ่าบาทว่าต้องการหมอหญิงกระจอกจิ๊บจ๊อยคนหนึ่ง เจ้าคิดว่า….เจ้าสำคัญหรือเสนาบดีขุนนางที่มีอำนาจกุมทหารอยู่ในมือกว่าหนึ่งแสนนายสำคัญ?”
ไป๋ชิงหลิงสะดุ้งโหยงทันที
คำพูดของหรงเยี่ยได้ตักเตือนสตินางแล้ว
“เพราะฉะนั้น ฝ่าบาทจะมอบเอาข้าให้ท่านอ๋องฮุ่ยได้แน่นอน !”
ไป๋ชิงหลิงเกลียดชังท่านอ๋องฮุ่ย สายตาที่เขามองนางเมื่อครู่ ทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเลย
“ใช่!”
“มีวิธีไหนบ้าง ที่ทำให้ข้าไม่ต้องไปกับท่านอ๋องฮุ่ยนั่น”นางสามารถรักษาองค์หญิงผิงหยาง แต่นางไม่อยากรักษาคนคนหนึ่งภายใต้สถานการณ์ที่ถูกคนอื่นกดดัน
นี่เรียกว่าขู่เข็ญ !
มันไม่เหมือนกับการที่อ๋องหรงบังคับขู่เข็ญนาง
“เจ้าดูแลพระชายารองหวู่ก่อน”หรงเยี่ยกล่าวอย่างรายเรียบ
ไป๋ชิงหลิงทอดหายใจออกมาเบาๆ“ขอบคุณมากที่เตือน ข้าไปดูก่อนนะ”
นางหมุนตัวแล้วเดินไปที่หอลี่ว์เซินกับคนรับใช้
หรงเยี่ยมองแผ่นหลังของนาง จนตอนที่นางหายวับไป เขาถึงได้สติกลับมา
เขานั่งยองๆ แล้วโอบอุ้มเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมกอด ลุกขึ้นกล่าวกับอิงอู๋ว่า“เอาคนมาจากทหารองครักษ์เหยี่ยวดำหกคน และคุ้มกันนางทุกฝีก้าวด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...