ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 144

เมื่อมาถึงหอลี่ว์เซิน ไป๋ชิงหลิงก็หยุดและพูดกับอิงเหลียนว่า:“ไปตรวจสอบอ๋องฮุ่ย ข้าต้องการรู้เบื้องลึกทั้งหมดของเขา”

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไม่มีเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับอ๋องฮุ่ยผู้นี้เลย จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีการติดต่อกับอ๋องฮุ่ย

แต่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นางพอจะเคยได้ยินพฤติกรรมของอ๋องฮุ่ยผู้นี้อยู่บ้าง

เพียงแต่เป็นเรื่องจุกจิกเล็กน้อยเท่านั้น

นางไม่อยากให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย และไม่อยากถูกบีบบังคับ จึงต้องหาทางตอบโต้

อิงเหลียนกล่าวว่า:“นายท่านต้องการให้ข้าน้อยติดตามท่านไปทุกย่างก้าว ผู้น้อยอาจจะไปช้าหน่อยนะขอรับ”

“ไม่ต้อง เจ้าไปเดี๋ยวนี้เลย เรื่องนี้สำคัญกับข้ามาก เกรงว่าหากชักช้าจะไม่ทันการ”

วันนี้ผู้สูงศักดิ์ล้วนแต่อยู่ที่นั่น อ๋องต้วนกับไป๋จินคงไม่กล้าที่จะลงมือฆ่านางอีก

อิงเหลียนยังคงเป็นกังวล

ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเคร่งขรึม:“ยังมีซังจวี๋ ชิงจู๋ และซวงเหมยอยู่ข้างกายข้า พวกนางเหมาะที่จะเป็นสาวใช้ข้างกายข้ามากกว่า เจ้ารีบไปได้เถอะ”

อิงเหลียนเงยหน้าขึ้นไปมองซังจวี๋ที่อยู่ข้างหลังไป๋ชิงหลิง

ไม่เข้าตาเอาเสียเลย

ชิงจู๋มีอุปนิสัยที่ค่อนข้างอารมณ์ร้อน เมื่อเห็นสายตาที่ดูถูกของอิงเหลียน นางก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:นายท่านของพวกเรา พวกเราดูแลเองได้ ในเมื่อท่านอ๋องหรงยกเจ้าให้กับนายท่านของข้าแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ท่านอ๋องหรงก็ไม่ใช่เจ้านายของเจ้า เจ้าต้องเชื่อฟังนายท่านของข้า”

“เจ้า——”

“หากเจ้าไม่ปฏิบัติตามกฎของข้า เช่นนั้นก็กลับไปเสีย” แม้ว่าคำพูดของชิงจู๋จะค่อนข้างมีอคติ แต่ก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด

ตอนนี้นางต้องการให้ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำช่วยนาง

แต่ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำผู้นี้ มีเพียงนายท่านคนก่อนของเขาอยู่ในสายตา เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องการ

อิงเหลียนก้มหน้าและคำนับ:“ขอรับ”

หลังจากพูดจบ อิงเหลียนก็หันหลังเดินจากไป

ซังจวี๋ยื่นมือออกมาดึงชิงจู๋:“ชิงจู๋ เจ้าให้เกียรติผู้อื่นหน่อย อย่าทำให้แม่นางลำบากใจ”

“เขาดูถูกพวกเรา ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำช่างไม่ธรรมดา” ชิงจู๋ไม่ยอม

ซวงเหมยลูบคมดาบของตนเองเบา ๆ แล้วตีชิงจู๋:“ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำนั้นเก่งกาจ ในตอนนั้นพวกเขาติดตามอ๋องหรงไปออกรบ ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำที่สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้ ล้วนเป็นผู้ที่รอดพ้นจากความตาย”

ไป๋ชิงหลิงถอนหายใจ ดีที่ซวงเหมยยังคงเข้าใจ

“พวกเจ้าอย่าทะเลาะกัน เดี๋ยวผู้อื่นจะคิดว่าพวกเจ้าไม่สามัคคีกัน”

ทั้งสามคนตอบพร้อมกันว่า:“เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงหลิงทิ้งพวกนางไว้นอกข้างนอก และเดินไปที่หอลี่ว์เซินเพียงลำพัง

คนของจวนกั๋วกงล้วนอยู่ที่นั่น แม้แต่พระชายาสามที่เพิ่งแต่งงานกับท่านอ๋องสามเมื่อต้นปีก็ยังนั่งรออยู่บนเก้าอี้นวมด้วย

ไป๋ชิงหลิงเดินเข้าไปและคำนับพระชายาสาม

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ พระชายาสามรีบตะโกนด้วยสีหน้าบูดบึ้งในทันทีว่า:พระชายาสามทรงรอท่านอยู่ที่นี่นานแล้ว แต่ท่านก็ยังเอ้อระเหยลอยชาย เป็นเพราะท่านไม่มีความชำนาญในวิชาแพทย์ จึงไม่กล้าก้าวเข้ามา หรือว่าท่านไม่เห็นพระชายาสามและจวนอู๋กั๋วกงอยู่ในสายตา”

เส้าชุ่ยสาวใช้ที่หน้าตาสะสวยและรูปร่างอรชรกล่าว

นางตำหนิไป๋ชิงหลิงด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม

แต่ไม่มีใครในจวนในจวนกั๋วกงพูดแทนไป๋ชิงหลิงเลย

ไป๋ชิงหลิงรู้ดีว่าคนในจวนในจวนกั๋วกง ไม่สามารถทำอะไรกับนางได้ ทำได้เพียงแสดงอำนาจข่มนางเท่านั้น

พระชายาสามเป็นคุณหนูสี่ของจวนกั๋วกง และนางก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับจวนกั๋วกงด้วย

“วิชาแพทย์ของข้าชำนาญหรือไม่ชำนาญ ท่านอู๋กั๋วกงกับฮูหยินอาวุโสยังเข้าใจ แล้วเจ้าจะสงสัยอะไร?”

เส้าชุ่ยสีหน้าเปลี่ยนในทันที

ไป๋ชิงหลิงกล่าวเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกคนในจวนกั๋วกงว่าพระชายาสามของพวกนางสงสัยการตัดสินใจของท่านอู๋กั๋วกงกับฮูหยินอาวุโส

ไม่คิดเลยว่าหญิงผู้นี้จะไม่ธรรมดา

“ท่านยังจะกล้าเถียง”

“วันนี้ข้าไม่ได้รับคำสั่งให้มารักษาพระชายารองหวู่ จึงไม่ต้องอยู่เพื่อตรวจชีพจรให้พระชายารองหวู่ หากจวนอู๋กั๋วกงนึกเสียใจภายหลัง เช่นนั้นเจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดี ไม่จำเป็นต้องให้คนรับใช้มาแสดงอำนาจข่มข้า พวกเราเป็นคนเปิดเผยไม่พูดลับ ๆ ล่อ ๆ พระชายารองหวู่จะหายดีหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่เกี่ยวพันอย่างมากกับจวนกั๋วกงของพวกท่าน มีคำกล่าวมาแต่ไหนแต่ไรว่าผู้ที่วิกลจริตมิอาจมีบุตรไว้สืบสกุลได้”

กล่าวได้ว่าคำพูดของไป๋ชิงหลิงกระทบกระเทือนจิตใจคนในจวนกั๋วกง

เดิมทีพวกเขาละทิ้งหวู่ไหวเมิ่งไปแล้ว

แต่ไม่คิดว่าหวู่ไหวเมิ่งจะได้แต่งงานกับอ๋องต้วน แน่นอนว่าพวกเขาหวังว่าหวู่ไหวเมิ่งจะกลับมาเป็นปกติ

และสามารถให้กำเนิดทายาทของอ๋องต้วนได้

แต่สีหน้าของพระชายาสามดูไม่ค่อยพอใจนัก

หากพระชายารองหวู่หายเป็นปกติ เช่นนั้นเกรงว่าจวนกั๋วกงคงจะไม่สนับสนุนท่านอ๋องสามอย่างเต็มที่

ท่านอ๋องสามมีอำนาจไม่มากนัก และตระกูลของพระมารดาก็อ่อนแอมาก หากไร้ซึ่งการสนับสนุนของจวนกั๋วกง แล้วจะต่อสู้กับพวกอ๋องต้วนได้อย่างไร

แต่……กิ่งใบมะกอก [1] ที่ไป๋ชิงหลิงขว้างมานั้นตรงกับเจตนาของจวนกั๋วกง

ในเวลานี้ฮูหยินอาวุโสตระกูลหวู่มองไปที่พระชายาสาม:“พระชายาสาม เจ้าไม่ได้กลับมาเยี่ยมข้าที่จวนกั๋วกงนานแล้ว ตามข้าไปที่ห้องด้านข้าง ข้าจะพาเจ้าไปรำลึกถึงเสด็จแม่ของเจ้า

หวู่ซือหลิงเก็บซ่อนความไม่พอใจที่มีต่อฮูหยินอาวุโสตระกูลหวู่ และหันไปตำหนิสาวใช้:“เจ้ากล้าสงสัยหมอที่จวนกั๋วกงเชิญมาอย่างนั้นหรือ พระชายารองหวู่ได้หมอเทวดาเช่นนี้มารักษา ถือเป็นความโชคดีของนาง ไสหัวออกไป แล้วลงโทษตนเองด้วยการตบปากยี่สิบที เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”

“เจ้าค่ะ” เส้าชุ่ยไม่กล้าทำอีกและรีบออกไป

หลังจากที่หวู่ซือหลิงตำหนิเส้าชุ่ยแล้ว นางก็ช่วยประคองฮูหยินอาวุโสตระกูลหวู่จากไป

อู๋กั๋วกงไม่ชอบที่ลูกหลานคนอื่น ๆ มาแออัดกันอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป และเหลือเพียงแค่ตนเอง

“ท่านหมอไป๋ พระชายารองหวู่อยู่ที่ห้องด้านใน”

ไป๋ชิงหลิงย่อตัวลงเล็กน้อยและตามอู๋กั๋วกงไปที่ห้องด้านใน

เมื่อเห็นไป๋ชิงหลิง พระชายารองหวู่ก็ตื่นตระหนกมาก:“ท่านรักษาข้าได้จริง ๆ หรือ”

“พระชายารองหวู่ ความวิกลจริตมีมากมายหลายอย่าง ข้าต้องตรวจหาสาเหตุของท่านเสียก่อน” ไป๋ชิงหลิงนั่งบนเก้าอี้สี่ขาข้างเตียงและกดลงมือบนข้อมือของพระชายารองหวู่

จากนั้นก็เริ่มถาม

“พระชายารองหวู่มีอาการป่วยตั้งแต่เมื่อใด?”

สีหน้าของอู๋กั๋วกงทรุดลงเล็กน้อยและกล่าวว่า:“ต้องถามเกี่ยวกับเรื่องในอดีตด้วยหรือไม่?”

ไป๋ชิงหลิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่ใบหน้าที่หวั่นวิตกของอู๋กั๋วกง

ข่าวลือ;พระชายารองหวู่ตกลงมาจากหลังม้าและกลายเป็นคนวิกลจริต

ดูจากสีหน้าของอู๋กั๋วกงในตอนนี้แล้ว เบื้องหลังของความวิกลจริตนี้ เกรงว่าจะมีความลับที่มิอาจเปิดเผยได้

“ท่านอู๋กั๋วกงสามารถกล่าวย่อ ๆ ก็ได้ว่าพระชายารองหวู่เกิดความผิดปกติตั้งแต่เมื่อใด” ไป๋ชิงหลิงไม่กล้าที่จะบีบคั้นมากเกินไป

ถึงอย่างไรนางก็ไม่ต้องการทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย

แม้ว่าอู๋กั๋วกงจะรับปากว่าจะไม่ทำให้นางต้องรับผิดชอบ

แต่การที่จวนกั๋วกงสามารถสืบทอดความรุ่งเรืองจากราชวงศ์ในอดีตได้ ย่อมเป็นวิธีการที่มั่นคง

เช่นนั้นการที่เขาจะบดขยี้นางให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“หลังจากตกลงมาจากหลังม้าเมื่อสามปีก่อน พระชายารองก็สลบไปกว่าครึ่งเดือน และเมื่อฟื้นขึ้นมา นางก็จำอะไรไม่ได้ บางครั้งเมื่อเห็นคนหรือสิ่งของบางอย่าง นางก็จะคลุ้มคลั่ง” อู๋กั๋วกงพูดในสิ่งที่สามารถพูดได้

หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงได้ฟัง นางก็ไม่ถามอะไรอีก

เพราะนี่ก็เป็นอย่างที่นางได้ยินมา ที่มีมากกว่านั้น……คือความลับของพวกเขาจวนกั๋วกง

ในเวลานี้ไป๋ชิงหลิงยังพบว่าชีพจรของพระชายารองหวู่นั้นแปลกมาก……

ดูเหมือนว่าจะไม่มีความวิกลจริตใด ๆ

เมื่อเห็นว่านางไม่เงียบอยู่นาน อู๋กั๋วกงก็ถามอย่างฉุนเฉียวว่า:“พระชายารองหวู่เป็นอย่างไรบ้าง อาการวิกลจริตนี้สามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?”

ไป๋ชิงหลิงปกปิดความผิดปกติบนใบหน้า นางเอามือออกและกล่าวว่า “เมื่อเชื่อมโยงสิ่งที่ท่านอู๋กั๋วกงกล่าว กับชีพจรของพระชายารองหวู่ เมื่อสามปีก่อนหลังจากที่พระชายารองหวู่ตกลงมาจากหลังม้า ที่บริเวณศีรษะมีเลือดคั่ง ซึ่งไม่ได้สลายไปในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้ความจำเสื่อม!”

[1] กิ่งใบมะกอกเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น