ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 146

ตอนที่ไป๋ชิงหลิงนั่งบนเก้าอี้ ถึงได้รู้สึกว่าตนเองมีชีวิตรอดกลับมาแล้ว

อยู่ที่จวนท่านอ๋องต้วน นางสู้กับอู๋กั๋วกงลับๆ รู้สึกว่าอ่อนล้าสมองอย่างมาก

หลังจากที่เดินออกมาจากจวนอ๋อง ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ก็ได้ถูกหรงเยี่ยจับมาที่ค่ายทหารละ

วันนี้ เป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยมาก !

“ดื่มน้ำสักหน่อยเถิด”จักรพรรดิเหยาเห็นสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของนาง เลยกล่าวตรัสขึ้นด้วยความเมตตา

“เช่นนั้นขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”ไป๋ชิงหลิงไม่เกรงใจแล้ว นางลุกขึ้นยืนแล้วไปหยิบจอกชาที่อยู่อีกด้าน ดื่มไปสี่ห้าจอกได้

สายตาอันเฉียบแหลมของหรงเยี่ยมองจอกชาสีม่วงเข้มที่อยู่ในมือของนาง และริมฝีปากบางที่เม้มไว้อยู่

ไป๋ชิงหลิงวางจอกชาลง แล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเมื่อครู่

จักรพรรดิเหยาสังเกตนางตั้งแต่หัวจรดเท้า

มองดูแล้วหน้าตาของนางไม่นับว่าล้ำเลิศ อย่างมากแค่จัดเป็นประเภทคนสบายๆล้ำเลิศ แต่ทว่ากล้าหาญ เฉลียวฉลาดทำให้คนไม่พอใจทุกแห่งหน !

พระองค์อยากจะดูนัก นางจะกล้าหาญได้ถึงระดับไหน

“บาดแผลของผู้บาดเจ็บค่ำคืนนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว?”จักรพรรดิเหยาตัดขึ้นอย่างจริงจังเช่นเคย

ไป๋ชิงหลิงตอบกลับด้วยความเคารพว่า“เพคะ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแม้บาดแผลจะลึก แต่บริเวณบาดแผลทั้งหมดไม่ได้ร้ายแรง เพียงแค่รักษาทันเวลา ก็สามารถช่วยชีวิตได้เพคะ”

“เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดพวกเขาถึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ บาดเจ็บเพื่อใครกัน?” จักรพรรดิเหยาหรี่ตา สีหน้าอึมครึมลง

ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

เหตุใดฝ่าบาทถึงได้ถามคำถามสองข้อนี้กับนาง?

ไม่ว่าจะเป็นหมอเสนารักษ์หรือว่าหมอประจำราชสำนัก ล้วนไม่มีสิทธิที่จะถามเรื่องภารกิจทางทหาร

นางรีบลุกขึ้น คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่สามารถยุ่งเกี่ยวงานทางการทหารได้เพคะ และไม่สามารถคาดเดาด้วยเพคะ !”

“ข้าอนุญาตให้เจ้าคาดเดาได้ !”

เอ่อ…….

ไป๋ชิงหลิงเงยหน้ามองหรงเยี่ย แต่ทว่าหรงเยี่ยมองไปทางอื่น

นางกัดเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจว่า “เมื่อครู่ตอนที่หม่อมฉันเดินเข้ามาในค่ายทหาร ก็ได้เห็นฝ่าบาทขมวดคิ้ว ฝ่าบาทจะต้องพบเจอเรื่องที่แก้ไขยากแน่นอนเพคะ”

“แล้วยังไงต่อ?”

ไป๋ชิงหลิงหายใจเข้าลึกๆ ก้มศีรษะกล่าวว่า“ฝ่าบาท พระองค์ทำหม่อมฉันลำบากใจเกินไปแล้วเพคะ เพิ่งจะออกมาจากจวนอ๋อง ก็ได้ถูกท่านอ๋องหรงพามารักษาบาดแผลของผู้บาดเจ็บที่นี่ ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดวิเคราะห์จิตใจฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันโง่เขลา ฝ่าบาทโปรดลงโทษเพคะ”

จักรพรรดิแต่ละยุค ไม่มีพระองค์ไหนที่ยอมให้คนอื่นอ่านความคิดของตนเองออกหรอกนะ

สำหรับจักรพรรดิแล้ว มันเป็นเรื่องที่อันตราย

หากนางแสดงออกมาได้ฉลาดเฉียบแหลมเกินไป ตอนนี้จักรพรรดิเหยาไม่ตำหนินาง รอตอนไหนที่พระองค์ว่าง คิดอย่างละเอียดรอบคอบ ก็จะรู้สึกว่านางไป๋ชิงหลิงผู้นี้อันตราย

มิสู้กับนางยอมรับความโง่เขลาของตนเองออกมาโดยตรงเลย

จักรพรรดิเหยาเงยหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ”เสียงดังลั่น ตรัสขึ้นว่า “เพราะว่าความโง่เขลาของเจ้า ข้าก็เลยลงโทษเจ้า นั่นเหมือนกับว่าข้าไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ลุกขึ้นพูดเถิด”

“เพคะ!”นางกล่าวแล้วลุกขึ้น

“นั่งลง”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”ไป๋ชิงหลิงกลับมานั่งตำแหน่งเดิม

นางรู้ว่าตนเองมีศัตรูมากมาย หากทำให้ฝ่าบาทไม่พอใจอีก เกรงว่าคนเหล่านั้นจะต้องพากันบีบนางตาย

เพื่อลูก นางจึงอดทนกับอำนาจจักรพรรดิที่สมควรตายนี้ได้

จักรพรรดิเหยาหุบยิ้ม นัยน์ตาเย็นชาลง กล่าวว่า“วันนี้มีคนมาแสดงจุดประสงค์ ให้มอบพระราชทานเจ้าแก่เขาด้วย”

ไป๋ชิงหลิงตัวสั่นระริก มองไปทางหรงเยี่ยอีกครั้ง และในสมองที่นึกได้ทั้งหมด คนคนนั้นก็คือท่านอ๋องฮุ่ย

“เจ้าเดาได้ว่าคือผู้ใดแล้วใช่หรือไม่ !”จักรพรรดิเหยาตรัสขึ้น

ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้น จักรพรรดิเหยาตะคอกขึ้นว่า “นั่งลง !”

นางถูกเสียงตะคอกคำรามใส่ จนทำให้สั่นระริกนั่งลง และมันช่างยากนักที่นางจะนั่งได้อย่างสงบ

“ท่านอ๋องฮุ่ยต้องการให้หม่อมฉันรักษาโรคขององค์หญิงผิงหยางใช่หรือไม่?”

“ตอนนี้เจ้าโง่เขลาเสียจริงๆ เจ้าเป็นหมอหญิงประจำราชสำนักของไทเฮา นางต้องการหมอหญิงนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย!”

จักรพรรดิเหยาตรัสจบ ไป๋ชิงหลิงตัวสั่นระริกพักหนึ่ง

ท่านอ๋องฮุ่ยต้องการ“พระราชทาน” หรือต้องการ….

“เดาถูกแล้วสินะ !” จักรพรรดิเหยาตรัสถาม

แต่ทว่าครั้งนี้ไป๋ชิงหลิงกลับใจเย็นผิดปกติ

จักรพรรดิเหยาตรัสไม่ผิด เขาอยากได้หมอหญิงคนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ท่านอ๋องฮุ่ยอยากจะเชยชมนาง

“เขาต้องการให้ฝ่าบาท พระราชทานหม่อมฉันให้เป็นเมียน้อยเขา !” ไป๋ชิงหลิงหลุบตาลง นัยน์ตามีความเยือกเย็นแฉลบผ่าน

จักรพรรดิเหยาอยากจะพนันดู บีบบังคับขู่เข็ญผู้หญิงคนนี้แล้ว นางจะทำอย่างไร

อ๋องฮุ่ยเคยช่วยชีวิตพระองค์ พระองค์ให้เกียรติยศอันสูงสุดกับความมั่งคั่งแก่เขา แต่ช่วงปีที่ผ่านมา อ๋องฮุ่ยไม่พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันค่อยๆแสดงความทะเยอทะยานออกมา

“ข้า ยินยอมแล้ว “จักรพรรดิเหยาจ้องนางตาไม่กระพริบ:“แต่ข้าต้องการให้เขาแต่งเจ้าเป็นพระชายา การแต่งงานจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งเดือน เจ้าเตรียมตัวไว้นะ”

ตรัสเสร็จแล้ว จักรพรรดิเหยาได้เหลือบมองหรงเยี่ย “จับตาดูป้อมปราการทางน้ำเอาไว้ พยายามลดคนตายและบาดเจ็บด้วย ข้าจะกลับวังแล้ว เจ้าไม่ต้องส่ง”

“ลูกมีสิ่งที่ต้องการจะพูดพ่ะย่ะค่ะ”เวลานี้สีหน้าของหรงเยี่ยดูไม่ดีมาก

จักรพรรดิเหยารู้ความคิดของลูกชาย

ช่วงนี้เรื่องข่าวลือของเขากับไป๋ชิงหลิงโด่งดังหนาหู

แต่พระองค์ไม่ยินยอมให้หรงเยี่ยทำลายเรื่องภารกิจของพระองค์ได้หรอก

“มีเรื่องอะไร เอาไว้ค่อยคุยวันหลัง สิ่งที่ข้าตัดสินใจไม่มีวันเปลี่ยน ข้าเคยตรัสแล้ว อยากจะได้สิ่งของอะไรเช่นนั้นก็ต้องเอาชนะทุกคนให้ได้ รวมถึงข้าด้วย ทำให้ข้ากับไทเฮารู้สึกว่าของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการครอบครองมาก ไม่อย่างนั้นอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง”จักรพรรดิเหยาตัดบทความคิดของหรงเยี่ยทันที

จากนั้นหมุนตัวเดินออกกระโจมทันที

ไป๋ชิงหลิงหลุบตาขึ้นมองเขา ยิ้มเจื่อนๆกล่าวว่า “ข้าออกไปดูผู้บาดเจ็บเหล่านั้นก่อนนะ”

เมื่อครู่จักรพรรดิเหยาตรัสออกมาอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาเป็นไปไม่ได้

นางลุกขึ้น ตอนที่เตรียมจะออกไป หรงเยี่ยได้ลุกขึ้นจากโต๊ะ สาวเท้ามาหานางอย่างรวดเร็ว พร้อมกับจับที่ข้อมือนาง ลากเข้าหาทันที

ไป๋ชิงหลิงเกร็งตัว ออกแรงผลักเขา “หรงเยี่ย ปล่อยนะ เมื่อครู่ท่านฟังไม่ชัดเจนหรือ ข้าจะกลายเป็นของท่านอ๋องฮุ่ย….อือ…..”

เขาจูบปิดริมฝีปากนาง ดูดด่ำอย่างรุนแรง

ไป๋ชิงหลิงพยายามออกแรงผลักเขา แต่ทว่ากลับถูกเขารัดไว้อยู่ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา

จูบของเขา มันรุนแรงอีกทั้งยุ่งเหยิง กังขฬะไร้ซึ่งกฏเกณฑ์

ลมหายใจอุ่นร้อนรดใบหน้าของนาง

นางรู้สึกได้ว่า ตอนที่จักรพรรดิเหยาตรัสออกมาว่าท่านอ๋องต้องการแต่งกับนาง ภายในใจของหรงเยี่ยร้อนระอุอย่างมาก

เขาบ้าไปแล้ว !

“อืม !” เจ็บจะตายแล้ว

เขาหยาบโลนเสียเหลือเกิน

ไป๋ชิงหลิงเจ็บจนครางเสียงต่ำออกมา แต่ชายหนุ่มไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลย

เขาผลักนางไปที่โต๊ะ

หมึกดำและที่ฝนหมึก จดหมายเทียบเชิญ กระจัดกระจายหล่นลงบนพื้นทันที

ไป๋ชิงหลิงเบิกตาโพลง หายใจเข้าลึกๆ ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกเขากดลงบนโต๊ะขนาดใหญ่

ริมฝีปากของเขา สัมผัสมาที่คอของนาง

ไป๋ชิงหลิงตื่นตะลึงกล่าวว่า“ท่านใจเย็นๆ หรงเยี่ย”

หรงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมา กดมือทั้งสองข้างของนางไว้บนโต๊ะ จ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ

“เจ้าไม่มีทางกลายเป็นพระชายาฮุ่ย!”เขากล่าวเตือนอย่างดุดัน

ไป๋ชิงหลิงยิ้มเจื่อนๆ กล่าวว่า“ท่านอ๋อง ฝ่าบาทไม่ปรารถนาให้ท่านกับอ๋องฮุ่ยทะเลาะวิวาทกัน พระองค์สามารถช่วงชิงตำแหน่งพระชายาเพื่อข้าได้ ก็แสดงให้เห็นว่า พระองค์หวังว่าจะสามารถใช้วิธีที่ดีที่สุดแก้ไขสถานการณ์ที่ตึงเครียดหยุดเงียบนี้ ท่านปล่อยนะ”

“ผู้ที่รังแกเมียข้า สมควรตาย”หรงเยี่ยโอบเอวคอดของนาง และกอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่น

เขายอมรับ เขากำลังเสียสติกับการตัดสินใจของเสด็จพ่อเขามาก

จนกระทั่งวู่วามอยากชูกระบี่บุกไปที่จวนอ๋องฮุ่ย สังหารตัดหัวของอ๋องฮุ่ยนั้นเสีย

และไป๋ชิงหลิงได้ยินเขาพูดว่า“ผู้ที่รังแกเมียข้า”ประโยคนี้ทำให้นางถึงกับชะงักงัน

ร่างกายของนางที่ถูกเฉียนจิ่วทำให้ด่างพร้อย นางสกปรก เหตุใดถึงจมจ่อมอยู่อย่างนี้ จะเอานางอยู่อย่างนี้ !

“ข้ามีลูกกับคนอื่นแล้วถึงสองคน ข้ามีอะไรคู่ควรแก่การที่ท่านมาทำเพื่อข้า !” เขาไม่จำเป็นต้องเอาข้ออ้างว่าหรงจิ่งหลินต้องการแม่มาอ้างแล้ว

บนโลกนี้มีผู้หญิงต้องมากมาย หากบอกว่าใครไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของหรงจิ่งหลินที่สุด

ไป๋ชิงหลิงมีลูกของนางเองแล้ว เป็นคนที่ไม่คู่ควรที่สุด !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น