ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 148

ตอนที่ไป๋ชิงหลิงกลับมาจากค่ายทหารเข้ามาในเมือง นางได้แวะไปที่ถนนเขตการค้า เพื่อหาร้านขายแมวโดยเฉพาะ

“แม่นาง เลี้ยวแมวไหม แมวของร้านข้าล้วนเป็นสีขนไม่มีสีย้อม บุคลิกอย่างท่าน เหมาะกับแมวขาวเจ้าค่ะ มันจะทำให้บุคลิกของท่านเด่นขึ้น”หญิงชราจับแมวสีขาวที่อยู่ในกรงออกมา

ไป๋ชิงหลิงชอบแมวที่อยู่ในกรง เป็นแมวสีดำตาสีเขียว“ข้าต้องการสีดำตัวนั้น”

ไม่มีคนรู้ว่าเซิงเอ๋อร์ของนางฟังเสียงนกและสัตว์ป่ารู้เรื่องโดยกำเนิด ก่อนที่นางจะแต่งเข้าจวนท่านอ๋องฮุ่ย เลยจะต้องเตรียมตัวอย่างละเอียดรอบคอบ

คนฉลาดหลักแหลมอย่างท่านอ๋องฮุ่ย หากนางตรวจสอบจวนอ๋องฮุ่ยของเขาอย่างลับๆ เกรงว่านางอาจจะถูกจับได้ภายในหนึ่งวัน

แบบนั้นอันตรายเกินไปแล้ว

หากหาสัตว์เลี้ยงเป็นหูเป็นตาสอดแนม นี่นับว่าเป็นวิธีที่ดีเลย

หญิงชรารีบยัดแมวสีขาวเข้ากรง และนำตัวสีดำออกมา

ไป๋ชิงหลิงเอื้อมมือมารับ

แมวดำเป็นแมวที่ตัวเล็กและเงียบที่สุดในบรรดาแมวเลย

แต่ดวงตาสีเขียวของมันเฉียบแหลมมีพลังอย่างมาก

ตอนที่ไป๋ชิงหลิงอุ้มแมวดำ หน้าตามันเย็นชา ขดอยู่ในอ้อมกอดของนาง

ไป๋ชิงหลิงเอาเงินให้กับหญิงชรา แล้วรีบออกจากตรงนั้นกลับไปที่เรือนชิงซิน

ไป๋ชงเซิงเห็นนางกลับมา จึงรีบวิ่งออกมาจากใต้ชายคา กล่าวว่า“ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว”

ไป๋ชิงหลิงจัดการกับอารมณ์ที่ไม่ดีของตนเอง แล้วคุกเข่าลง กล่าวว่า “เซิงเอ๋อร์ เจ้าดู แม่เอาอะไรมาให้”

“ว้าว พี่แมว~”ไป๋ชงเซิงเห็นแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของนางแล้วยิ้มออกมาอย่างสดใสในทันที

และแมวดำก็ตอบกลับไป๋ชงเซิงว่า“เมี๊ยว~”

“เมี๊ยวๆๆๆ~”ไปชงเซิงทำเสียงเลียนแบบแมว และใช้มือลูบสัมผัสหัวมันไม่หยุด

แมวดำกับนางเจอกันครั้งแรกเหมือนสนิทสนมอย่างกับเป็นสหายเก่ามานมนาน มันออกจากอ้อมแขนของไป๋ชิงหลิง แล้วกระโดดไปเกาะที่ไหล่ไป๋ชงเซิง จากนั้นใช้หัวของตนเองถูคอไป๋ชงเซิง

ไป๋ชงเซิงหัวเราะ“คิกคัก”กล่าวว่า “ท่านแม่ มันบอกว่ามันชอบข้า แต่กลัวท่านเล็กน้อย มองดูแล้วท่าทางท่านดูดุร้าย เหมือนจะสังหารมันแล้วกินเสีย”

ไป๋ชิงหลิงหรี่ตาสองข้าง ลูบสัมผัสหัวของไป๋ชงเซิง กล่าวว่า “หากว่าเจ้าชอบ ก็เอาให้เจ้าเลี้ยงเลย !”

“ข้าเลี้ยงได้หรือ?”ไป๋ชงเซิงกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ท่านแม่ของนางไม่ชอบสัตว์เลี้ยง

บนตัวสัตว์เลี้ยงมีขน ขนของมันจะเปลี่ยนทุกฤดู จะทำให้เสื้อผ้านางและบริเวณห้องล้วนเต็มไปด้วยขน

ทำให้ไป๋ชิงหลิงคัดค้านไป๋ชงเซิงในการเลี้ยงสัตว์

นางจึงทำได้เพียงวิ่งไปที่จวนท่านอ๋องหรง เพื่อเล่นกับเสวี่ยหลางสุนัขจิ้งจอกของอ๋องหรง

“ได้สิ แต่เจ้าจะต้องรักทะนุถนอมมัน ทำความสะอาดมัน อย่าให้ขนมันลอยไปทั่วนะ ”ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม

แมวดำขดตัวทันที และร้องใส่ไป๋ชิงหลิงว่า “เมี๊ยว”อยู่หลายหน

ไป๋ชงเซิงอุ้มแมวดำอยู่หัวเราะคิกคักกล่าวว่า“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องดุขนาดนั้น ท่านจะทำให้มันตกใจเตลิดได้”

“มันยังไม่มีชื่อ เจ้าตั้งหน่อย แม่จะไปเปลี่ยนชุดแล้ว”

ไป๋ชิงหลิงกวาดมองชุดตนเอง บนชุดมีขนแมวคิดอยู่จริงๆ

นางเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ!

พอเห็นขนแมวเหล่านี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย

“ได้สิ ดวงตาของมันเท่ห์มาก ยังเป็นสีเขียวอีก เช่นนั้นข้าให้มันชื่อเป่าลี่ว์ดีไหม”

“เมี๊ยว~”

“เป่าลี่ว์ๆ ข้าจะหาคอกให้เจ้า ท่านแม่ไม่ชอบที่มีขนแมวอยู่ทุกที่ เจ้าอย่าเข้าห้องของท่านแม่นะ ไม่อย่างนั้น ท่านแม่โยนเจ้าทิ้งแน่ !”

“เมี๊ยว!”ขนของเป่าลี่ว์สั่นไปทั้งตัว ทันใดนั้นหนังของตนเองก็หดขึ้น

วันต่อมา ข่าวคราวเรื่องแต่งงานของอ๋องฮุ่ยกับไป๋ชิงหลิงเผยแพร่ออกไป

หลังจากที่ติ้งเป่ยโหวออกมาจากวัง ได้ยินคนพูดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันเขาถึงได้รู้

พอรู้เรื่องเขาเลยมุ่งหน้าไปหาไป๋ชิงหลิงที่เรือนชิงซิน

หลังจากนั้นดึงแขนของไป๋ชิงหลิง กล่าวขึ้นด้วยอารมณ์วู่วามว่า “เจาเสวี่ย เจ้าไปวังกับข้า ข้าจะขอฝ่าบาทยกเลิกงานแต่งนี้เสีย!”

ไป๋ชิงหลิงหลุบตาลง กวาดมองมือที่จับอยู่บริเวณแขนนาง พยักหน้ากล่าวว่า “ได้ พอดีกับข้าก็มีเรื่องที่จะคุยกับฝ่าบาท”

ตอนไป๋ชิงหลิงไปตำหนักเฉียนชิงกับติ้งเป่ยโหว ฟางกงกงก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูตำหนักเฉียนชิงแล้ว

เมื่อเห็นทั้งสองเดินมา ฟางกงกงเลยยิ้มกล่าวว่า“บ่าวทำความเคารพติ้งเป่ยโหว”

“ฟางกงกง ฝ่าบาทอยู่ไหนหรือ?”ติ้งเป่ยโหวกล่าวถามด้วยความร้อนใจ

ฟางกงกงเหลือบมองไป๋ชิงหลิง จากนั้นกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าบาทให้บ่าวรอปรนนิบัติอยู่ตรงนี้ ตรัสว่าอีกครู่หนึ่งผู้สูงศักดิ์จะมา หากมาแล้ว ก็ให้พาทั้งสองท่านเข้าไปเลย”

ติ้งเป่ยโหวชะงักงัน

ไป๋ชิงหลิงเองก็ชะงักงันเล็กน้อย

นี่จักรพรรดิเหยาเตรียมเอานางมาทำให้ติ้งเป่ยโหวไปควบคุมท่านอ๋องฮุ่ยหรือ?

หากเป็นอย่างนี้ นางไม่ยินยอมเด็ดขาด

ไป๋ชิงหลิงสีหน้าเย็นชาลง และนางเดินตามติ้งเป่ยโหวเข้าไปในพระตำหนักทันที

จักรพรรดิเหยายืนอยู่หน้าระเบียงหน้าต่าง ในมือถืออาหารนกอยู่ พระองค์กำลังป้อนอาหารนกแก้วอยู่นั่นเอง

ติ้งเป่ยโหวทำความเคารพแล้วกล่าวว่า “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท…..”

จักรพรรดิเหยากำลังหยอกล้อนก และปากของพระองค์ก็ส่งเสียง “จิ๊กจั๊ก" อย่างปีติยินดี และนกแก้วในกรงนกก็กระโดดขึ้นลง กางกระพือปีก

ติ้งเป่ยโหวกลั้นหายใจ พยายามรักษาท่าทางเคารพไว้ เขารอจังหวะโอกาสที่ดีค่อยเอ่ยขอร้องฝ่าบาทเรื่องการแต่งงานของอ๋องฮุ่ยกับไป๋ชิงหลิง

เมื่อเปรียบเทียบจิตใจว้าวุ่นร้อนใจของติ้งเป่ยโหว ทว่าไป๋ชิงหลิงถือว่านิ่งกว่ามาก

รอได้ชั่วประเดี๋ยวเดียวไม่เห็นฝ่าบาทสนใจ ไป๋ชิงหลิงเลยเงยหน้าขึ้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า“ฝ่าบาท หม่อมฉันตกลงจะแต่งเข้าจวนท่านอ๋องฮุ่ยเพคะ!”

เพิ่งจะกล่าวจบ ติ้งเป่ยโหวตัวสั่นระริกทันที

และสายตาของจักรพรรดิเหยา ได้ละออกมาจากนกแก้ว จ้องมองที่ไป๋ชิงหลิง

ติ้งเป่ยโหวได้สติกลับมา คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง“ตุ๊บ”จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ไม่ใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องฮุ่ยไม่สามารถ…..”

“ท่านพ่อ ฝ่าบาทตั้งใจรอข้ากับท่านที่พระตำหนักเฉียนชิง ท่านยังดูไม่ออกหรือ ฝ่าบาท…..ต้องการยืมดาบฆ่าคนโดยไม่เปิดเผยตัวตนของตัวเอง”

ร่างกายติ้งเป่ยโหวถูกทำให้นิ่งงันอีกครั้ง

เพราะนิสัยตรงไปตรงมาของไป๋ชิงหลิง ทำให้จักรพรรดิเหยาหัวเราะ“ฮ่าๆๆๆ”ออกมา “ติ้งเป่ยโหว ลูกสาวเช่นนี้ มิน่าล่ะการสู้รบที่ไป๋เจียวกวนเจ้าถึงมีชีวิตรอดกลับมา ความคิดของนางหลักแหลมช่ำชองกว่าเจ้า ช่างเป็นเสนาธิการกุนซือที่ดีจริงๆ”

สีหน้าติ้งเป่ยโหวเปลี่ยนหนักมาก

ไป๋ชิงหลิงประมาทเลินเล่อ มิน่าล่ะฝ่าบาทถึงได้ให้ความสนใจนาง

ที่แท้พระองค์รู้เรื่องการสู้รบที่ไป๋เจียวกวน ว่าเป็นนางออกความคิด

ตอนนี้พระองค์เลยอยากใช้นางมารับมือกับท่านอ๋องฮุ่ย

พระองค์ต้องเดาได้แล้วว่า หลังจากนางแต่งเข้าจวนท่านอ๋องฮุ่ย ท่านอ๋องฮุ่ยจะต้องการชีวิตนางแน่นอน

ในเมื่อท่านอ๋องฮุ่ยต้องการสู่ขอแต่งนางเป็นพระชายา จักรพรรดิเหยาเลยอยากจะดู ว่านางสามารถปกป้องตนเองได้ขนาดไหน

นางรักเสียดายชีวิตอย่างนี้ แน่นอนจะต้องคิดหาวิธีร้องขอชีวิต

จะร้องขอชีวิตอย่างไร?

จักรพรรดิเหยาก็เลยยื่นข้อเสนอที่มันยากในการตอบให้นาง

“ติ้งเป่ยโหว ลุกขึ้นเถิด”จักรพรรดิเหยาวางอาหารนกที่อยู่ในมือลง นัยน์ตายิ้มแย้มจากหายไปนานแล้ว ตอนนี้สีหน้าแผ่ซ่านไปด้วยอำนาจที่น่าเกรงขาม

ติ้งเป่ยโหวหน้าเจื่อน เมื่อครู่ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างชัดเจนแล้ว การแต่งงานเป็นเพียงหน้าฉาก พระองค์ต้องการยืมดาบสังหารคน เช่นนั้นคุณค่าความหมายก็ไม่เหมือนกันแล้ว

หากเขายังคุกเข่าอย่างต่อเนื่อง เกรงว่าจักรพรรดิเหยาก็ต้องจัดการเขาฐานไม่จงรักภักดี

“ท่านพ่อ รีบลุกขึ้นเถิด”ไป๋ชิงหลิงดึงเขาลุกขึ้น

ติ้งเป่ยโหวจัดการกับอารมณ์อีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นกล่าวว่า “ฝ่าบาทต้องการยืมดาบ กระหม่อมยินดีที่จะเป็นดาบนั่น ขุดรากถอนโคนคนทรยศพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้ว อาหารนกที่อยู่ในมือหล่นกระจายลงพื้นทันที

ฟางกงกงรีบเดินมาเก็บถุงอาหารนกที่ฝ่าบาททิ้งไปอีกด้านขึ้นมา แล้วกล่าวเตือนติ้งเป่ยโหวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า“ท่านโหว ฝ่าบาทได้ประกาศต่อโลกหล้าแล้ว งานแต่งจะเสร็จสิ้นเดือนสามวันที่สิบแปด ท่านจะให้ฝ่าบาทกลับพระประสงค์ได้อย่างไร พระประสงค์หากสามารถกลับหรือยกเลิกได้ตามอำเภอใจ นั่นก็ไม่ใช่การเล่นแบบเด็กๆหรือ”

ยกเลิกไม่ได้ เช่นนั้นจะทำอย่างไร

สิ่งที่จักรพรรดิเหยาต้องการไม่ใช่ความตายของท่านอ๋องฮุ่ย ก็เป็นความตายของไป๋ชิงหลิง !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น