ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 149

เป่ยโหวสีหน้าดูไม่ดี ใจเกิดความรู้สึกแค้นเคืองขึ้นมา

แต่พอดีกับที่ฝ่าบาทจับสายตาอำมหิตอาฆาตนั่นของติ้งเป่ยโหวได้ พระองค์แสยะริมฝีปากขึ้น แล้วหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะ หลุบตามองไปทางไป๋ชิงหลิง ตรัสขึ้นว่า“เจ้ามีความปรารถนาอะไร?”

ติ้งเป่ยโหวหันกลับไปมองไป๋ชิงหลิง

ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า“เมื่อผ่านเรื่องนี้ไป หากหม่อมฉันมีชีวิตรอดอยู่ ฝ่าบาทจะต้องให้อิสระแก่หม่อมฉันเพคะ และเขียนหนังสือรับรองแก่หม่อมฉัน ประทับตราประทับมังกรด้วย จะต้องรับรองว่าในอนาคตจะไม่มีทางเอาหม่อมฉันให้ท่านอ๋องคนไหน พระราชบุตร หรือคนอื่นด้วยเพคะ”

นี่เป็นแต้มต่อที่นางต้องการ

เพียงแค่การคุ้มครองนี้อยู่ในมือ นางก็ไม่ต้องกังวลใจว่าจะถูกท่านอ๋องหรงบังคับแล้ว

รอนางความแค้นของนางชำระแล้ว นางก็จะพาลูกทั้งสองคนออกไปจากเฉาจิง

จักรพรรดิเหยายิ้มเล็กน้อย แปลกใจกับสิ่งที่นางร้องขอเป็นอย่างมาก “เจ้ารู้ความรู้สึกที่เยี่ยเอ๋อร์มีต่อเจ้า เหตุใดไม่ใช้เพื่อขอเกียรติ”

“ฝ่าบาท คนใจซื่อไม่พูดจาอ้อมค้อม พระองค์ไม่ได้อยากให้หญิงที่เคยมีลูกแล้ว เป็นพระชายาของท่านอ๋องหรงหรอกเพคะ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อน หม่อมฉันมีญาณทัศนะที่รู้ตัวเองดีเพคะ”ไป๋ชิงหลิงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ติ้งเป่ยโหวได้ยินคำนี้ ใจกระตุกอย่างรุนแรงพักหนึ่ง

ที่แท้……คิดไม่ถึงว่านางปฏิบัติคิดกับตัวเองเช่นนี้

หากเขารู้ เอานางกลับมาเฉาจิง จะต้องประสบพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะไม่พานางกลับมาโดยเด็ดขาด

นางอยู่ที่หุบเขาเซียนไหลไม่มีเรื่องกลุ้มใจ จะต้องมาคิดวางแผนอนาคตของตนเองแบบนี้ที่ไหนกัน

ติ้งเป่ยโหวรู้สึกเสียใจภายหลังเหลือเกิน

แต่ทว่าจักรพรรดิเหยากลับยิ้มออกมาอย่างสบายใจ พระองค์ยิ่งรู้สึกพอใจกับเหตุผลความเข้าใจสถานการณ์ของไป๋ชิงหลิงมากขึ้น

หายากนะผู้หญิงที่จะตรงไปตรงมาอย่างนี้ แต่น่าเสียดาย…..

หญิงที่เคยให้กำเนิดลูกคนอื่น ไม่คู่ควรที่จะอภิเษกสมรสเข้ามาในราชวงศ์จริงๆ

หัวคิ้วจักรพรรดิเหยาคลายปมออก ตรัสขึ้นว่า “ข้ายินยอม เจ้ามีเงื่อนไขอะไรก็พยายามเขียน ข้าอ่านเสร็จจะประทับตราให้ วันข้างหน้าหากมีผู้ใดกล้าทำให้เจ้าลำบากใจ พระราชโองการก็สามารถเป็นตัวสนับสนุนเจ้าได้ ฟางกงกง เอาพู่กันและหมึกดำมา”

ฟางกงกงรีบเดินมา จากนั้นได้นำผ้ามาวางบนโต๊ะ

ไป๋ชิงหลิงก็ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ นางรับพู่กันและหมึกดำมาจากฟางกงกง และนางได้เขียนตัวอักษรลงบนแผ่นผ้าอย่างคล่องแคล่ว

นางไม่ต้องการอะไรเลย นางแค่ต้องการให้การแต่งงานของนางเป็นอิสระ

เมื่อเขียนเสร็จ ไป๋ชิงหลิงได้วางพู่กันลง กล่าวว่า”ฝ่าบาทโปรดอ่านพิจารณาเพคะ”

ฟางกงกงหยิบขึ้นมาโดยใช้มือทั้งสองข้างประคองถือไว้ แล้วนำไปวางด้านหน้าจักรพรรดิเหยาด้วยความระมัดระวัง

จักรพรรดิเหยาตั้งใจอ่าน พบเห็นกฏเกณฑ์เงื่อนไขของไป๋ชิงหลิงอย่างชัดเจนแล้ว

นางเขียนเพียงสิ่งที่นางร้องขอมาเมื่อครู่นี้ ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเข้ามา

ยกตัวอย่างเช่น ต้องการสมญานาม อาณาเขตหรืออื่นๆ

จนทำให้พระองค์รู้สึกแทนไป๋ชิงหลิงว่า นางช่างทรมานตนเองเหลือเกิน

จักรพรรดิเหยาหยิบหลงอวิ๋นหลิงออกมาหนึ่งอัน และยังมีตราอาญาสิทธิ์อำนาจสั่งการทางทหารวางบนโต๊ะ พระองค์ดันมันไปข้างหน้า “เมื่อเห็นหลงอวิ๋นหลิงเท่ากับเห็นข้า วันข้างหน้ามีภัยอันตราย เอามันออกมา มันสามารถปกป้องชีวิตเจ้าได้ อยู่ตรงที่ข้าก็สามารถใช้ได้ แค่ใช้ได้เพียงสามครั้ง”

ฟางกงกงหยิบหลงอวิ๋นหลิงกับตราอาญาสิทธิ์ขึ้นมา กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “หมอหญิงไป๋ หลงอวิ๋นหลิงนี้เป็นแผ่นป้ายยกเว้นความตาย มีเพียงสามชิ้น ท่านจะต้องรักษาเก็บไว้ดีๆนะ”

ไป๋ชิงหลิงคุกเข่าลง กล่าวขอบพระทัยว่า“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท ที่กรุณาพระราชทานหลงอวิ๋นหลิงแก่หม่อมฉัน”

ฟางกงกงเป็นคนมอบหลงอวิ๋นหลิงบนมือของนาง

จักรพรรดิเหยาตรัสอย่างต่อเนื่องว่า“ตราอาญาสิทธิ์กองกำลังทหารห้าหมื่นนาย กองกำลังทหารตงอิ๋งเจ้าสามารถหมุนเวียนมาใช้ได้”

ไป๋ชิงหลิงเก็บหลงอวิ๋นหลิงเรียบร้อยแล้ว จึงลุกขึ้นกล่าวว่า“หม่อมฉันไม่ต้องการตราอาญาสิทธิ์เพคะ”

“ไม่ต้องการตราอาญาสิทธิ์?”จักรพรรดิเหยาขมวดคิ้วเป็นปม“เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับผู้ใด?”

“เพราะเป็นคนผู้นี้ ในมือของหม่อมฉันเลยไม่สามารถกุมตราอาญาสิทธิ์ได้เพคะ มันจะยิ่งทำให้หม่อมฉันเป็นอันตรายมากขึ้น ”พูดถึงตรงนี้ ไป๋ชิงหลิงเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา“หม่อมฉันอยากจะยืมมาใช้เพคะ ——”

“ยืมทหาร?”จักรพรรดิเหยาตรัสขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พระองค์ให้ตราอาญาสิทธิ์กับนางแต่นางไม่ต้องการ กลับต้องการยืมทหาร

ไป๋ชิงหลิงกล่าวว่า “เพคะ หม่อมฉันไม่ได้ต้องการเยอะ ต้องการเพียงหนึ่งถึงสองคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดปราดเปรียวและมีความสามารถเพคะ”

เมื่อนางกล่าวจบ จักรพรรดิเหยาเลยมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา

นางต้องการกองกำลังทหารเกรียงไกร

“ได้ ข้าจะเอาองครักษ์ลับของข้าส่วนหนึ่งให้เจ้า ทั้งหมดมีแปดคน แต่หากเจ้าเจออันตรายอะไร องครักษ์ลับจักรพรรดิจะไม่ปรากฎตัว”พอปรากฎตัว เช่นนั้นไป๋ชิงหลิงก็เปิดเผยความแตกแล้ว

ไป๋ชิงหลิงรู้จุดยืนของตัวเองดี “พวกเขาไม่จำเป็นต้องปรากฎตัวเพคะ เรื่องที่หม่อมฉันจะทำ อันตรายกว่าปกป้องหม่อมฉัน หากไม่ฉลาดหลักแหลมปราดเปรียวมีความสามารถเพียงพอ เกรงว่าจะง่ายต่อการถูกฝ่ายตรงข้ามพบเจอไหวตัวทัน แบบนี้เพียงพอแล้วเพคะ”

“ยังมีข้า !” ติ้งเป่ยโหวกล่าว

ไป๋ชิงหลิงหันไปมองติ้งเป่ยโหว ในแผนการนี้ นางไม่ได้รับติ้งเป่ยโหวเข้าไปด้วย

ติ้งเป่ยโหวยังห่างไกลเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอ๋องฮุ่ย

นางไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป

ไป๋ชิงหลิงเก็บพระราชโองการและหลงอวิ๋นหลิงที่องค์จักรพรรดิเหยามอบให้แล้ว ก็ออกไปจากพระตำหนักเฉียนชิงพร้อมกับติ้งเป่ยโหว

ภายในพระตำหนัก มีเงาหนึ่งยืนอยู่ด้านในห้อง

เมื่อไป๋ชิงหลิงออกไปแล้ว เงานั้นก็เดินออกมาจากด้านในห้อง

นัยน์ตาดุดันของเขาจ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของไป๋ชิงหลิง มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำจนแน่นขนัด

จักรพรรดิเหยาหยิบหนังสือรับรองที่ไป๋ชิงหลิงเขียนขึ้นมา อ่านอีกหนึ่งรอบ จึงตรัสขึ้นว่า“เยี่ยเอ๋อร์ ได้ยินแล้วใช่ไหม หญิงผู้นั้นไม่ได้มีความสนใจอำนาจจักรพรรดิ ตระกูลหลานมีเจตนาตั้งใจจะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับจวนอ๋องหรง ตระกูลอู๋ดูแลปฏิบัติกับเจ้าไม่ค่อยใส่ใจ นางมีลูกชายของตนเอง เจ้าจะต้องหาทางหนีทีไล่ให้ตนเอง”

“เหตุใดเสด็จพ่อถึงหลอกใช้นาง?”หรงเยี่ยหันกลับมา สายตาเย็นชาจ้องมองผ้าที่อยู่บนโต๊ะ

ลายมือของไป๋ชิงหลิงละเอียดอ่อนและชัดเจน คนที่ฝึกวรยุทธ์ศิลปะการต่อสู้จะมีความสามารถในการได้ยินและสายตาดีกว่าคนทั่วไป ต่อให้เขาจะยืนอยู่ไกล หรงเยี่ยก็สามารถเห็นเนื้อหาบนนั้นได้

บรรยากาศรอบตัวเขาอึมครึมเย็นชา มันคล้ายกับความร่าเริงเร่าร้อนของตนเอง ได้ถูกคนสาดน้ำเย็นเฉียบลงมาใส่

จักรพรรดิเหยาตรัสกับเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พระองค์ขมวดคิ้วตรัสอย่างดุดันว่า “นางยินยอมที่จะทำเช่นนี้ !”

“นางไม่ยินยอม ลูกสามารถสังหารอ๋องฮุ่ยแทนเสด็จพ่อได้ !”

“หุบปาก !”จักรพรรดิเหยาตบลงที่โต๊ะ เดิมที่พระองค์ปิติความตรงไปตรงมาของไป๋ชิงหลิง ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าแผ่ซ่านไปด้วยความเดือดดาล ตรัสว่า“ระวังภัยพิบัติออกมาทางปาก”

“หรือว่าลูกพูดไม่ใช่สิ่งที่ในใจเสด็จพ่อต้องการหรือ ลูกพูดผิดหรือ”

“หรงเยี่ย !” จักรพรรดิเหยากำผ้าที่อยู่ในมือแน่น ตรัสตะคอกด้วยความเดือดดาลว่า“ข้าสามารถส่งทหารองครักษ์เหยี่ยวดำของเจ้าไปได้ แต่เมื่อทำอย่างนั้นแล้ว เจ้าเคยคิดทางหนีทีไล่ของเจ้าไหม? ห้าปีนี้อ๋องฮุ่ยออกรบกับข้าศึกแทนเจ้า ได้ใจอาณาประชาราษฎร์ ภายในราชสำนักมีกี่คนที่ใจหันเหไปทางอ๋องฮุ่ย แม้เขาจะโหดเหี้ยมทารุณกับภรรยาภายในจวน แต่อยู่ข้างนอกเขาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในสายตาอาณาประชาราษฎร์ ก็คือเป็นอ๋องที่มีเกียรติมีคุณธรรม แต่เจ้าดูตัวเจ้าสิ อคติที่คนด้านนอกเหล่านั้นมีต่อเจ้า เพียงพอที่จะใช้น้ำลายทำให้เจ้าจมตายได้ เจ้าสังหารเขาแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะช่วยคว้าเจ้าขึ้นมาได้อย่างไร เจ้าอย่าเลอะเทอะ”

“แต่เสด็จพ่อไม่ควรหลอกใช้ผู้หญิงคนหนึ่ง!”หรงเยี่ยกล่าวด้วยความโมโห

จักรพรรดิเหยาโมโหจนโยนที่ฝนหมึกทิ้ง ตรัสตะคอกว่า“หากข้าใช้หญิงคนอื่น เจ้าจะโมโหเยี่ยงนี้หรือไม่ เจ้ายืนอยู่ที่สูงแล้วมาบอกข้าให้มันน้อยลงหน่อย ข้าไม่ควรหลอกใช้ผู้หญิงคนหนึ่ง ข้ารอเวลานี้มานานเท่าไหร่แล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนหรือ!”

พระองค์เดือดดาลจนลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร มือทั้งสองข้างกำอยู่ที่บนโต๊ะ โต้แย้งจนหูแดงหน้าแดง

รอการโต้แย้งเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหยาก็ตรัสด้วยความเดือดดาลอีกว่า “ช่วงนี้เมืองหนานเฉิงมีคดีเด็กหายอยู่บ่อย ใต้เท้าเว่ยยุ่งมาก ข้าคืนตำแหน่งเจ้าสู่สภาพเดิม เจ้าเดินทางไปช่วยใต้เท้าเว่ยที่เมืองหนานเฉิงเสีย ถือโอกาสนี้เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ข่าวลือที่ถูกวิจารณ์ของเจ้า นี่เป็นพระราชโองการของข้า !”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น