เมื่ออิงซาเห็นหรงเยี่ยก็รุดหน้าไปทำความเคารพโดยไว
แต่พอได้เห็นบาดแผลบนตัวของหรงเยี่ย อิงซาก็ขมวดคิ้วถามอย่างเป็นกังวลว่า “นายท่านได้รับบาดเจ็บหรือ”
หรงเยี่ยลดสายตากวาดมองรอยดาบที่ฟันเป็นรอยลึกสามแผลบนแขนตัวเองอย่างเฉยชา ใบหน้าหล่อเหลาฉายความอ่อนล้าปนอึมครึมเล็กน้อย “ไม่เป็นปัญหา”
ในขณะที่เขากำลังจะเงยหน้าขึ้น ก็รู้สึกได้ถึงความผิดแปลกบางอย่างที่หลังของไป๋ชิงหลิง
เขาพลิกฝ่ามือพลันเห็นว่านิ้วมือถูกอาบไปด้วยเลือด
ทันใดนั้นเขาจึงเปิดเสื้อคลุมขึ้นมา ที่หลังของนางเห็นเป็นบาดแผลน่ากลัวรอยหนึ่ง
เลือดอาบย้อมเสื้อสีฟ้าของนางจนเป็นสีแดงเถือก บริเวณโดยรอบบาดแผลมีลิ่มเลือดแห้งกรังเป็นจำนวนมากและมีน้ำหนองไหลออกมาจากภายใน
อิงซาสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
เขาไม่รู้เลยว่าไป๋ชิงหลิงได้รับบาดเจ็บ
หรงเยี่ยกวาดตามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา อิงซาก้มหน้าหลบสายตาโดยพลันพลางพูดว่า “ซื่อจื่อน้อยพ้นขีดอันตรายและมีอาการทรงตัวดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในช่วงสองสามวันที่ท่านอ๋องไม่อยู่ก็ได้แม่นางไป๋เป็นผู้ดูแลซื่อจื่อน้อยมาโดยตลอด”
ในสายตาของคนภายนอก พวกเขาคือกองทัพทมิฬผู้เย็นชาแต่พวกเขาไม่ใช่คนไร้หัวจิตหัวใจแต่อย่างใด
การอุทิศตนของไป๋ชิงหลิงในหลายวันที่ผ่านมากระจ่างแจ้งในสายตาของอิงซา
หรงเยี่ยโน้มตัวลงแล้วโอบนางให้อยู่ในท่านอน อาจเพราะสะเทือนถูกหลังจนทำให้นางรู้สึกเจ็บ ไป๋ชิงหลิงจึงขมวดคิ้วแน่น
“อวดดี” เขาสบถเบา ๆ อย่างเย็นชา จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ให้หมอซูอยู่ก่อน แล้วส่งคนเข้าวังไปเชิญหมอหญิงมา”
“นายท่าน บาดแผลของนายท่านก็จำเป็นต้องรักษานะพ่ะย่ะค่ะ” อิงซาเห็นหรงเยี่ยกำลังจะเดินไปก็เอ่ยอย่างเป็นกังวลขึ้นมา “ข้าน้อยจะไปเชิญหมอหลวงมาทำแผลให้ท่านอ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม” หรงเยี่ยไม่ได้ปฏิเสธอิงซาจากนั้นก็หมุนตัวจากไป
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงหมดสติไป นางได้ฝันเห็นเด็กคนหนึ่งมาอยู่ข้างตัวนาง
เด็กคนนั้นอายุไล่เลี่ยกับเสี่ยวเซิงเอ๋อร์ ทั้งสองจับจูงมือกันวิ่งไปบนผืนหญ้าของหุบเขาเซียนไหล
นางเดินเข้าไปเพื่อจะเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นชัด ๆ หากทว่า ใบหน้าของเด็กน้อยนั้นเลือนรางเหลือเกิน
แม้มองเห็นรูปร่างของเขาไม่ชัด แต่เด็กคนนั้นเรียกนางว่า: “ท่านแม่! ”
จากนั้นนางถูกความแสบร้อนกลุ่มหนึ่งดึงให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น