“แม่นางต้องการใช้กับท่านอ๋องฮุ่ย” ฮุ่ยหลานถาม
ไป๋ชิงหลิงเงยหน้ามองไปที่นาง ส่ายหัวและกล่าวว่า:“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้แผนการของข้า เจ้าเพียงแค่ตั้งใจปรุงยาพิษที่ข้าต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่”
นางอยู่ในยุคนี้มาห้าปีแล้ว และมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิษ นางรู้ว่ามีพิษในโลกนี้ที่สามารถฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอย
และพิษชนิดนี้ไม่ใช่เครื่องหอมหรือยารักษาโรค
ฮุ่ยหลานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษ และนางมีความรู้เกี่ยวกับพิษอย่างครอบคลุมมากกว่านาง เมื่อไป๋ชิงหลิงบอกความต้องการของตนเอง ฮุ่ยหลานก็นึกถึงพิษชนิดหนึ่ง
“แม่นาง ท่านเคยได้เรื่องกู่โลหิตหรือไม่?” ฮุ่ยหลานถาม
“กู่โลหิต?” ไป๋ชิงหลิงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆ แต่ฮุ่ยหลานก็แค่เกริ่นนำเท่านั้น
นำมาใช้กับคนอย่างไป๋จินและอ๋องต้วนก็พอ หากใช้กับคนฉลาดอย่างอ๋องฮุ่ยคงจะเป็นไปไม่ได้
ฮุ่ยหลานอธิบายให้นางฟังว่าอย่างจริงจัง:“กู่โลหิตเป็นกู่ที่ร้ายแรงที่สุดของชนเผ่าม้ง ผู้ที่ถูกกู่ชนิดนี้มักจะไม่มีความผิดปกติใด ๆ และไม่ทำให้ถึงตาย”
ไป๋ชิงหลิงกะพริบตาเล็กน้อย และในหัวของนางก็กำลังคิดคำนวณ
“เมื่อเป่าขลุ่ยกู่แล้ว จะสามารถควบคุมผู้ที่ถูกกู่ได้ตามต้องการ เพียงแต่……” ฮุ่ยหลานหลับตาลง:“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสกัดกู่โลหิต และหากต้องการสกัดกู่โลหิตจำนวนมาก ผู้ที่ควบคุมก็ต้องปล่อยเลือดจำนวนมากเช่นกัน จำนวนมากที่ผู้น้อยกล่าวถึงคือเยอะมาก ๆ แม่นาง หากต้องการมากเกินไป เกรงว่าจะไม่สำเร็จภายในวันสองวัน อีกอย่างผู้ที่ใช้กู่จะต้องถูกแว้งกัดอย่างแน่นอน แม่นางต้องการใช้หรือไม่?”
“แว้งกัดอย่างไร?” ไป๋ชิงหลิงใจสั่น
นางคิดว่ากู่โลหิตจะสามารถปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ลำบากในตอนนี้ของนางได้
นางจึงต้องการกู่โลหิต
“หากท่านเสียเลือดมากเกินไป ท่านอาจจะตายได้ และจะต้องปล่อยเลือดทุกวัน เพื่อสกัดทีละเล็กละน้อย แต่ข้าน้อยคิดว่าข้าน้อยสามารถควบคุมมันได้ แม่นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ข้าน้อยจะให้ซังจวี๋ ชิงจู๋ และซวงเหมยช่วย และเมื่อถึงตอนนั้นข้าน้อยจะสอนพวกนางเป่าขลุ่ยด้วยตนเอง” ฮุ่ยหลานกล่าว
“ไม่ได้!” ไป๋ชิงหลิงระงับความคิดขอฮุ่ยหลาน:“เช่นนั้นจะดึงดูดความสนใจของผู้คน”
เนื่องจากนางถูกอ๋องฮุ่ยจ้องตามอง เขาจะต้องส่งคนมาคอยจ้องตามองนาง
เมื่อไม่ว่าผู้อารักขาทั้งสี่ของเรือนชิงซินหัดเป่าขลุ่ย พวกเขาจะต้องไปรายงานอ๋องฮุ่ยอย่างแน่นอน
เธอกำลังจะฆ่าเขา!
“ข้าจะทำเอง!” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
ฮุ่ยหลานขมวดคิ้ว:“แต่นายท่านเพียงคนเดียวจะไหวได้อย่างไร”
“ไหวไม่ไหวก็ค่อยว่ากัน” ไป๋ชิงหลิงลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้อง
ฮุ่ยหลานรีบตามไปอย่างรวดเร็ว และทั้งสองก็ไปที่ห้องปรุงยาด้วยกัน
นี่เป็นคลังยาของไป๋ชิงหลิง ในนี้เต็มไปด้วยสมุนไพร
ฮุ่ยหลานไปหยิบภาชนะและกริช
ไป๋ชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วพับแขนเสื้อขึ้น
ฮุ่ยหลานมองไปที่แขนเรียว ๆ ของนาง ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงและกล่าวว่า:“แม่นาง ใช้เลือดของข้าน้อยจะดีกว่า”
“เจ้าคุกเข้าทำไม รีบลุกขึ้นเถิด” ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงทรุดลงและกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ดวงตาของฮุ่ยหลานแดงเล็กน้อย ไป๋ชิงหลิงปฏิบัติต่อพวกนางเป็นอย่างดี จึงไม่อยากให้นางเสี่ยงอันตรายเช่นนี้
แต่เพราะนางรู้ว่ามันอันตราย จึงต้องการจะทำด้วยตนเอง ฮุ่ยหลานไม่เคยเห็นเจ้านายเช่นไป๋ชิงหลิงมาก่อน
นางค่อย ๆ ลุกขึ้นและวางภาชนะลงบนโต๊ะ
ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองกริชในมือของนางและกล่าวว่า:“กริชนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ ใช้นี่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...