“ไป๋เจาเสวี่ยกับอ๋องหรงหมดหวังกันหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” แม่นางหลี่จ้องมองบุตรสาวอย่างเยือกเย็น
ไป๋หมิงจูตกใจกับท่าทีของนางและจู่ๆก็กล่าวอย่างไม่เป็นธรรมว่า: “ท่านแม่ ข้า......ข้าก็แค่พูดไปเช่นนั้นเอง”
แม่นางหลี่กำมือของไป๋หมิงจูเอาไว้แน่นและเตือนด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า: “เจ้าอย่าเพ้อฝันไปเสีย ท่านอ๋องหรงเป็นโอรสของฮองเฮา การอภิเษกของพระองค์มีฮองเฮาอู่และฝ่าบาทเป็นผู้ที่ทงตัดสินพระทัย เจ้าไม่สามารถจะเป็นพระชายาหรงได้หรอกนะ”
คำพูดแม่นางหลี่เสมือนค้อนขนาดใหญ่ทุบความเพ้อฝันทั้งหมดในใจของไป๋หมิงจูเสียจนแหลกลาน
ดวงตาของนางน้ำตานองและกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า: “ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าได้หรือไม่”
“เจ้าโง่!” แม่นางหลี่ตบหน้านางอย่างแรง
ไป๋หมิงจูตะลึงจังงังในทันใดโดยที่นางกุมหน้าของตนเอาไว้แล้วถอยหลังไป และกล่าวด้วยน้ำตาว่า: “ท่านแม่ ท่านลำเอียง ขณะที่ท่านพี่ยังมีชีวิตอยู่ท่านวางแผนต่อจวิ้นอ๋องน้อยเพื่อนาง พระชายาอันชินผู้นั้นไม่สนใจท่านพี่สามเลยแต่ท่านก็มิใช่คิดเพ้อฝันหรอกหรือ แล้วอาศัยอะไรถึงข้านี่ถึงไม่ได้หล่ะ”
“เจ้า......” แม่นางหลี่จ้องมองอย่างโกรธเคืองด้วยดวงตาทั้งคู่แล้วยกนิ้วชี้ไปยังไป๋หมิงจูพร้อมตะโกนร้องว่า: “ท่านพี่ของเจ้าเป็นผู้ที่ฉลาดเฉลียวเช่นนั้นก็ยังถูกคิดการณ์ไปและตายอยู่ในหมิงหู แล้วเจ้าผู้ที่สมองโง่เง่าเช่นนี้ยังคิดที่จะแต่งเข้าจวนท่านอ๋องหรง เจ้าสู้ฮองเฮาได้แล้วสู้กับเหล่าภรรยาและนางสนมเหล่านั้นได้หรือเปล่า เด็กๆ!"
แม่นางหลี่รู้จักบุตรสาวทั้งสามคนของนางเป็นอย่างดีที่สุด
บุตรสาวคนโตไป๋หมิงอวี้ฉลาดหลักแหลมสุขุมล่ำลึกก็ยังถูกฆ่าตายเลย
บุตรสาวคนที่สองไป๋หมิงจูไม่เพียงแต่หน้าตาธรรมดาๆแม้แต่สมองก็ไม่คล่องแคล่ว
บุตรสาวคนที่สามไป๋หมิงฮุ่ยที่ในสายตามีแต่การกินเท่านั้น!
ความหวังเดียวของนางวนตอนนี้อยู่ในตัวไป๋หมิงจู แล้วนางจะกล้าให้ไพ่ใบสุดท้ายจองนางมาสร้างความยุ่งเหยิงได้อีกได้อย่างไร
“พานางกลับห้องไป ไม่ได้รับอนุญาตจากข้าห้ามออกจากลานบ้าน” แม่นางหลี่ออกคำสั่ง
ไป๋หมิงอวี้ปิดหน้าร้องห่มร้องไห้เสียงดังและวิ่งออกไป
แม่นางหลี่มองดูร่างที่จากไปของบุตรสาวก็ยิ่งเกลียดชังไป๋ชิงหลิงมากยิ่งขึ้น
เป็นเจ้าตัวซวยนั่นที่ทำให้นางผู้เป็นอนุถูกขับไล่ออกมา
ไป๋เจาเสวี่ย ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถเป็นแน่!
ส่วนอ๋องหรงที่ไป๋หมิงอวี้คิดคำนึงถึงอยู่ตลอดในขณะนี้อยู่ที่หนานเซี่ยว และเข้าร่วมการค้นหาศพของเด็กทั้งสามคน
ใต้เท้าเว่ยรายงานถึงเรื่องเด็กที่หายตัวไปในช่วงระยะเวลาสามเดือนมานี้ต่ออ๋องหรง: “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นศพขอวเด็กคนที่สิบแปดแล้ว ในช่วงสามเดือนมานี้ผู้ที่มาแจ้งความมีทั้งหมดสามสิบกว่าคดี ซึ่งล้วนเป็นเด็กอายุระหว่างสามถึงหกขวบ ห่างกันช่วงระยะเวลาหนึ่งก็จะมีศพหลายศพของเด็กที่หายตัวไปถูกโยนออกมาโดยไม่รอดเลยแม้แต่คนเดียว ผลการชันสูตรศพปรากฏว่าร่างกายของเด็กที่เสียชีวิตไปไร้ซึ่งบาดแผลภายนอกและไม่มีร่องรอยของการถูกพิษ วิธีการของอีกฝ่ายนั้นช่างเจ้าเลห์ยิ่งนักพะย่ะค่ะ”
หรงเยี่ยมองไปยังป่า ทหารที่ว่าการกำลังสืบสวนอยู่ในที่เกิดเหตุและยังมีผู้ที่กำลังจัดการกับศพด้วย
ผู้ที่มาแจ้งความได้ยินว่าหนานเซี่ยวมีเด็กเสียชีวิตอีกแล้วจึงเร่งมารับตัว
มีหลายคนเป็นคนในตระกูลของเด็กๆซึ่งกำลังอุ้มร่างของเด็กร้องไห้เสียงดัง"ฮือฮือ"อยู่
“ข้าดูซิ” หรงเยี่ยตรัส
“ท่านอ๋องโปรดเสด็จตามผู้น้อยมา ยังมีอีกศพหนึ่งที่ยังไม่มีผู้ใดมาขอรับคืนพะย่ะค่ะ พระองค์ทรงทอดพระเนตรศพนั้นก่อนพะย่ะค่ะ” ใต้เท้าเว่ยรีบนำทาง
หรงเยี่ยทรงก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว ฝ่ายชันสูตรศพที่อยู่ด้านข้างยืนขึ้นถวายคำนับ
หรงเยี่ยทรงโบกมือแล้วนั่งย่อเข่าลงดูใบหน้าของเด็กอย่างละเอียด
ตรงหน้าเป็นเด็กหญิงอายุสามขวบคนหนึ่ง
สีหน้าของนางซีดเผือด ปากแห้งแตก ทว่าหน้าตากลับงดงามยิ่งนัก
หรงเยี่ยทรงยื่นพระหัตถ์ไปแกะผ้าขาวบนร่างของนางออก จากนั้นพับแขนเสื้อของนางขึ้นแล้วตรวจสอบศพของเด็กผู้นี้อีกรอบ
เป็นตามที่ใต้เท้าเว่ยกล่าว เด็กไม่ได้รับบาดเจ็บภายนอกเลย
หรงเยี่ยลุกยืนขึ้นพร้อมกับแววตาอันขึงขังแล้วตรัสว่า: "เปิดกะโหลกดูซิ!"
ฝ่ายชันสูตรกล่าวว่า: "อ๋องหรงพะย่ะค่ะ เกล้ากระหม่อมได้เปิดกะโหลกสมองของศพที่ไร้ชื่อแล้ว ในหัวของเด็กก็ไม่มีความผิดปกติใดๆพ่ะย่ะค่ะ!"
ในเวลานี้ จู่ๆแมวดำตัวหนึ่งก็กระโดดพุ่งออกมาจากป่าและตกลงบนร่างของศพ......
ใตเท้าเว่ยรีบไล่ออกไปแต่แมวดำกลับขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจการขับไล่ของใต้เท้าเว่ย แล้วเดินไปมาบนร่างศพอยู่หลายก้าว
ใต้เท้าเว่ยรีบชักดาบแล้วโบกใส่เจ้าแมวดำ ส่วนเจ้าแมวดำก็กระโดดไปยังกิ่งไม้ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับส่งเสียง"เหมียว"เสียงหนึ่งต่อใต้เท้าเว่ยและอ๋องหรงแล้วกระโดดไปยังบนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามและหายตัวไปในพริบตาเลย
หรงเยี่ยเพียงแค่เหลือบมองแมวดำเบาๆ: "ศพนี้ไม่มีผู้ใดมาขอรับคืนรึ?"
“ผู้น้อยได้แจ้งให้ครอบครัวของผู้ที่มาแจ้งความให้มารับตัวแล้วพะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...