ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 154

ทั้งไป๋ชงเซิง เจ้าแมวน้อยและเจ้าเสวี่ยหลาง ต่างพากันตกตะลึงจนตาเบิกโพลง

โดยเฉพาะเจ้าเสวี่ยหลางที่ตกตะลึงจนดวงตาสีฟ้าของมันเปล่งประกายออกมาในบัดดล

และทันทีที่เจ้าเสวี่ยหลางจำเด็กชายร่างเล็กที่กำลังปีนป่ายออกมาจากถ้ำนอนของมันได้ มันจึงรีบวิ่งเข้าไปงับแขนเสื้อของเด็กชายร่างเล็ก เพื่อช่วยกระชากร่างของเขาออกมาอีกแรง

ไป๋ชงเซิงเห็นดังนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปหาหรงจิ่งหลินทันทีด้วยสีหน้าแตกตื่น

หรงจิ่งหลินที่เพิ่งหลุดออกมาจากถ้ำนอนของเสวี่ยหลางจึงรีบก้มหน้าก้มตาด้วยความเคอะเขิน

เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาหลบอยู่ในถ้ำนอนของเจ้าเสวี่ยหลาง แถมเมื่อครู่เขายังส่งเสียงร้องงอแงเสียดังลั่นอีกด้วย

“พี่จิ่ง ท่านมาได้อย่างไร หากมีใครมาเห็นข้าอยู่กับท่าน มันจักทำให้เกิดอันตรายขึ้นกับข้าและท่านแม่ได้เลยนะ”

“ข้าแค่อยากจักแอบดูเจ้าอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น…” หรงจิ่งหลินพูดพลางกำหมัดแน่น ก่อนจะพูดกับไป๋ชงเซิงต่อไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าแค่ทำเหมือนกับว่า ข้ามิได้อยู่ตรงนี้ก็พอ… หากข้าได้เห็นหน้าเจ้ากับท่านแม่จนหายคิดถึงแล้ว ข้าก็จักกลับไปเอง…”

“นี่พี่จิ่ง เหตุใดท่านถึงต้องทำเหมือนกับว่าท่านแม่ของข้าเป็นแม่แท้ ๆ ของท่านด้วย?” ไป๋ชงเซิงถามกลับเสียงใหญ่

หรงจิ่งหลินจึงตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เพราะนาง…คือแม่ผู้ให้กำเนิดข้ามายังไงล่ะ”

“อะไรของพี่จิ่งเนี่ย!” ไป๋ชงเซิงโพล่งขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะย้ำกลับไปอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “บัดนี้ท่านแม่พบตัวพี่ชายแท้ ๆ ของข้าแล้ว ท่านจักเป็นลูกแท้ ๆ ของท่านแม่ได้อย่างไร”

ไป๋ชงเซิงพูดไปด้วยความที่นางเชื่อว่า ที่หรงจิ่งหลินเอาแต่ทำแบบนี้ มันเป็นเพราะเขาอาจจะคิดถึงแม่ของนางมากเกินไป

ในขณะที่หรงจิ่งหลินกำลังรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนเข่าอ่อน

เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามพูดยังไง เขาก็มักจะถูกมองกลับมาด้วยสายตาแบบนั้นทุกที

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดเรื่องนี้กับเสด็จพ่อ กับไป๋ชิงหลิง หรือแม้กระทั่งกับไป๋ชงเซิง มันก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร ๆ ได้อยู่ดี

“แต่นาง... คือแม่แท้ ๆ ของข้าจริง ๆ นะ” หรงจิ่งหลินตอบกลับ ก่อนจะอ้อนวอนไป๋ชงเซิงด้วยน้ำเสียงเล็กจ้อยว่า “เจ้าช่วยไปบอกกับท่านแม่ได้หรือไม่ ว่าข้านี่แหละ คือลูกแท้ ๆ ของนาง”

“นี่ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ ข้ามิช่วยท่านหรอกนะ” พูดจบ ไป๋ชงเซิงก็เตรียมจะเดินหนีทันที... ซึ่งพอหรงจิ่งหลินเห็นดังนั้น เขาก็รีบเข้าไปคว้าข้อมือเรียวเล็กของนางไว้มั่น

เพราะไป๋ชงเซิง คือคนที่เขาอยากจะบอกความลับนี้มากที่สุด

แต่ทุก ๆ ครั้งที่เขาพยายามจะพูดออกไป มันก็มักจะมีอะไรบางอย่างมาขัดจังหวะเขาไปทุกที

ดังนั้นมันจึงเกิดความอัดอั้นตันใจขึ้น

จนเป็นเหตุให้เขากล้าร้องขอกับไป๋ชงเซิงไปแบบนั้น

และมันเป็นเพราะเขาเชื่อใจไป๋ชงเซิง

ในแบบที่ไป๋ชงเซิงเองก็เชื่อใจเขาเหมือนกัน

“เซิงเซิง ข้ามิได้เป็นบ้านะ ข้าพูดจริง ๆ ท่านแม่ของเจ้า… คือแม่แท้ ๆ ของข้าจริง ๆ” หรงจิ่งหลินกล่าว ในขณะที่หัวใจของเขาก็กำลังเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาจากอก

เพราะในที่สุด

เขาก็สามารถสลัดความกลัวเหล่านั้นออกไปจากใจของเขาได้สักที

แต่ถึงอย่างไร ไป๋ชงเซิงก็ยังไม่ยอมเชื่อเขา

เพราะนางยังคงเชื่อว่าหรงจิ่งหลินนั้น แค่รู้สึกผูกพันกับท่านแม่ของนางมากไปเท่านั้น เขาถึงยอมเสี่ยงอันตรายมาเพื่อการนี้

ไป๋ชงเซิงจึงกอดร่างแมวน้อยไว้แน่น ก่อนจะค่อย ๆ ชำเลืองมองหรงจิ่งหลินด้วยหางตา แล้วตอบกลับไปว่า “ถึงอย่างไร ข้ากับท่านก็มิอาจอยู่ร่วมกันได้... ดังนั้นท่านกลับไปเสียเถิด… ถ้าหากท่านยังทำเช่นนี้ มันก็คงจักมิดีต่อเราทั้งสองฝ่าย”

หรงจิ่งหลินเริ่มมือไม้สั่น

เพราะยิ่งเขาได้เห็นไป๋ชงเซิงไม่มีความสุข มันก็ยิ่งทำให้ใจของเขาเจ็บมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า

“เจ้าอยากให้ท่านอ๋องฮุ่ย เป็นพ่อแท้ ๆ ของเจ้ามากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” หรงจิ่งหลินเอ่ยถามด้วยความสิ้นหวัง

ซึ่งพอไป๋ชงเซิงหันไปเห็นดวงตาที่กำลังแดงก่ำของเขา มันก็ยิ่งทำให้ใจของนางเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที “นั่นเป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่ มิเกี่ยวกับเด็กอย่างเรา ๆ เสียหน่อย และท่านอย่าได้คิดที่จักร้องไห้ออกมาเชียวนะ ข้ามิชอบคนขี้แย”

“แต่ข้ากลั้นมันไว้ไม่อยู่นี่นา…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น