ตรงกันข้ามกับการที่นางได้มีเอ๋อร์ซือ
เพราะไป๋จิ่นเองก็ไม่อยากเห็นนางได้ดิบได้ดีไปกว่าตนอยู่แล้ว
และถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั้งปวงก็จะพากันสืบหาความจริงจนถึงที่สุด
แล้วพอถึงตอนนั้น ไป๋จิ่นก็จะต้องรับมือกับความวุ่นวายและไม่สามารถปกปิดความลับใด ๆ ได้อีก
แต่อย่างน้อย ๆ นางก็ยังมีเฉียนจิ่วเป็นสุนัขรับใช้
เพราะแค่นางโยนเศษเงินให้กับคนอย่างเฉียนจิ่ว เขาก็จะสามารถเก็บกวาดปัญหาทุกอย่างให้กับนางได้อย่างหมดจด
และถึงแม้ว่านางจะไม่ยอมรับว่านางได้ให้กำเนิดแฝดชายหญิงกับคนอย่างเฉียนจิ่ว
แต่นางก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี ว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องจริง!
เมื่อฮุ่ยหลานเห็นท่าไม่ค่อยดี นางจึงรีบคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋ชงเซิง เพื่อวิงวอนต่อไป๋ชงเซิงว่า “คุณหนูเจ้าคะ เพลานี้ร่างกายของแม่นางยังคงอ่อนแอนัก และแม่นางก็เพิ่งจักถ่ายเลือดออกมาเมื่อครู่ หากมีสิ่งใดมารบกวนจิตใจของแม่นางอีก มันจักพาลทำให้ร่างกายของแม่นางมิได้พักผ่อนนะเจ้าคะ”
ไป๋ชงเซิงจึงหยุดร้องทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นดวงตากลมโตของนางก็จ้องมองไปที่ริมฝีปากขาวซีดของไป๋ชิงหลิง
ฮุ่ยหลานจึงไม่รอช้า รีบตัดบทกับไป๋ชงเซิงอย่างรู้งานว่า “คุณหนูเจ้าคะ อีกแค่ครึ่งเดือนเท่านั้นเจ้าค่ะ อดทนรออีกแค่ครึ่งเดือน แม่นางก็จักไขข้อสงสัยทุกอย่างให้กับคุณหนูเอง ตอนนี้คุณหนูอย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะเจ้าคะ ได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“นี่พวกท่านกำลังทำสิ่งใดกันอยู่ เหตุใดถึงได้ดูมีลับลมคมในกันนัก” ไป๋ชงเซิงเมียงมองไป๋ชิงหลิงด้วยความสงสัย ก่อนจะถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นกังวลว่า “เช่นนั้นเจ้าจงบอกข้ามา ว่าการที่ท่านแม่ต้องถ่ายเลือดออกมาเช่นนี้ มันจักเป็นอันตรายกับชีวิตของท่านแม่หรือไม่”
“ไม่หรอกจ๊ะ” ไป๋ชิงหลิงกล่าว ก่อนจะบอกกับไป๋ชงเซิงอย่างแผ่วเบาว่า “แม่ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ดังนั้นเจ้าต้องอยู่เล่นเป็นเพื่อนเอ๋อร์ซือแทนแม่นะ”
“แต่ข้า…” ไป๋ชงเซิงแย้งขึ้น ก่อนจะหันมองไปทางเอ๋อร์ซืออย่างไม่พอใจ
เอ๋อร์ซือจึงพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเล็กจ้อยว่า “เจ้าอย่าไล่ข้าไปเลยหนา หากข้าออกไปจากที่นี่ ท่านพ่อจักต้องตีข้าตายเป็นแน่ ข้าสัญญาว่าข้าจักอยู่เงียบ ๆ ในมุมของข้า และข้าจักมิกวนใจเจ้ากับท่านแม่เลย”
ไป๋ชงเซิงจึงตอบกลับเอ๋อร์ซือไปอย่างใจเย็นว่า “เช่นนั้นเจ้าจักต้องหัดแต่งตัวและหัดกินข้าวเอง อย่าให้ท่านแม่ต้องมาคอยประคบประหงมเจ้าทั้งวัน”
“ได้ ข้าจักกินข้าวกินยาด้วยตัวข้าเอง” พูดจบเอ๋อร์ซือก็หันไปหยิบถ้วยยาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นซดทันที
จนลี่ว์อีและชิงอีที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ พากันถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความโล่งอก
เมื่อไป๋ชิงหลิงกลับเข้ามาในห้อง นางก็หยิบยาบำรุงเลือดใส่ปาก ก่อนจะค่อย ๆ นอนลงบนเตียงทันทีด้วยความอ่อนล้า
เนื่องจากนางจะต้องเร่งฟื้นฟูกำลัง เพื่อรอรับมือกับท่านอ๋องฮุ่ยในเร็ว ๆ นี้…
แต่หลังจากที่ถ้ำนอนของเสวี่ยหลางในสวนหลังเรือนชิงซินถูกปิดตาย
หรงจิ่งหลินที่กำลังยืนจ้องมองถ้ำนอนนั้นจากอีกฝั่งจึงเป็นลมล้มตึงไปในทันที
องครักษ์นายหนึ่งที่กำลังซุ่มดูอยู่ในมุมมืดจึงรีบวิ่งเข้าไปอุ้มหรงจิ่งหลินขึ้น ก่อนจะพาเด็กชายร่างเล็กกลับไปส่งที่จวนด้วยความแตกตื่น
เมื่อรถม้าของหรงเยี่ยแล่นมาถึงหน้าประตูจวน พ่อบ้านฉีก็วิ่งหน้าตั้งมาที่หน้าประตูจวนทันที “ท่านอ๋อง ทรงเสด็จกลับมาเสียทีนะพะยะค่ะ!”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
หรงเยี่ยถามกลับ ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อยและเดินหน้าเข้าจวนไปด้วยความร้อนใจ
เมื่อหมอเทวดาซูเห็นหรงเยี่ยสับเท้าเข้ามาแต่ไกล เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปรายงานต่อหรงเยี่ยถึงที่ทันทีว่า “ท่านอ๋องพะยะค่ะ คุณชายน้อยอาจจักมีเรื่องให้คิดมากเกินไป พิษที่ยังตกค้างอยู่ภายในถึงได้แผลงฤทธิ์ขึ้นมาเยี่ยงนี้ ดังนั้นถ้าหากมิเร่งล้างพิษทั้งหมดออกมา มันก็อาจจักก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยพะยะค่ะ”
หรงเยี่ยขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหันมองเข้าไปในเรือนด้วยความสงสัย “มีเรื่องให้คิดมากงั้นรึ”
แม่นมซั่งจึงกล่าวรายงานทั้งน้ำตาว่า “เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉันเข้าครัวไปเอาสำรับของว่างให้คุณชายแค่แวบเดียว กลับมาอีกทีคุณชายก็หายไปเสียแล้ว และองครักษ์ที่อุ้มคุณชายกลับมาได้แจ้งไว้ว่า… คุณชายแอบเข้าไปในเขตของเรือนชิงซิน โดยการมุดผ่านถ้ำนอนของเจ้าเสวี่ยหลางไป แต่ไม่นานนัก คุณชายก็มุดกลับออกมา ก่อนจะยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นนานนับชั่วโมง จนกระทั่งมีคนของเรือนชิงซินปิดตายรูรอดนั่น คุณชายจิ่งถึงได้เป็นลมล้มตึงกลับมาเช่นนี้เพคะ”
พอได้ฟังดังนั้น หรงเยี่ยจึงรีบหันหลังเตรียมจะเดินออกจากจวนด้วยความร้อนใจ หรงจิ่งหลินที่เพิ่งได้สติจึงรีบตะโกนไล่หลังเขาไปว่า “ท่านพ่อ อย่าไปเลยพะยะค่ะ…”
หรงเยี่ยชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหาหรงจิ่งหลินทันทีด้วยความเป็นห่วง
“คุณชาย หิวหรือไม่เพคะ นมทำของโปรดของคุณชายไว้ด้วยนะเพคะ” แม่นมซั่งเอ่ยถาม
หรงจิ่งหลินจึงรีบตอบกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ได้ ข้าจักกิน แต่เสด็จพ่อพะยะค่ะ...วันนี้ที่ลูกไปที่นั่น เพราะลูกแค่อยากเห็นหน้าท่านแม่กับเซิงเซิงเท่านั้น”
แม่นมซั่งที่นั่งกุมมือจิ่งหลินอยู่ข้าง ๆ จึงร่ำไห้ออกมาทันทีด้วยความสงสาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...