ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 156

“จับตามองต่อไป ซ่อนตัวให้มิดชิดยิ่งขึ้น และอย่าแสดงพิรุธใด ๆ ”

“ข้าน้อยพบว่ามีองครักษ์ลับกลุ่มหนึ่งกำลังจับตามองเรือนชิงซินอยู่เช่นกัน”

“เป็นองครักษ์ลับจักรพรรดิ ไม่ต้องสนใจ”

หลังจากพูดจบ หรงเยี่ยก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงสูงของเรือนชิงซิน และเดินเข้าไปในห้องของไป๋ชิงหลิง

เขาปิดหน้าต่าง และเมื่อเดินไปที่เตียง เขาก็เห็นไป๋ชิงหลิงนอนกอดหมอนและหลับสนิท

หรงเยี่ยนั่งลงที่ขอบเตียง เขายื่นมือออกไปแตะคอของนาง

แต่ทันทีที่นิ้วแตะผมของนาง เขาก็หยุดชะงัก

ไป๋ชิงหลิงนอนหลับสนิทและไม่พบหรงเยี่ยอยู่ข้าง ๆ นางกอดหมอนแล้วพลิกตัว

ไป๋ซงเซิงนอนคดตัวและกอดผ้าห่มอยู่ที่มุมเตียง

มือของหรงเยี่ยค้างอยู่กลางอากาศ และจ้องไปที่ไป๋ชิงหลิงอยู่นาน……

จนกระทั่งฟ้าสว่าง หรงเยี่ยก็ออกจากเรือนชิงซิน

เมื่อไป๋ชิงหลิงตื่นขึ้นมา นางรู้สึกว่าในห้องมีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้

ลี่ว์อีมาส่งอาหารเช้าให้ไป๋ชิงหลิง

ไป๋ชิงหลิงมองไปที่ขนมที่ลี่ว์อีคิดค้นขึ้นมาใหม่ของและถามว่า:“ลี่ว์อี นี่เป็นสิ่งที่เจ้าทำขึ้นมาใหม่หรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ แม่นางคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“หอม หวาน ไม่เลี่ยน นี่เรียกว่าอะไร?”

“บ่าวทำขึ้นมาใหม่และยังไม่ได้ตั้งชื่อ บ่าวเอากลีบดอกซิ่งฮวามาทำ แม่นางคิดว่าจะเรียกว่าอะไรดีเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็เรียกว่าขนมดอกซิ่งฮวา!” ไป๋ชิงหลิงหยิบขนมดอกซิ่งฮวาขึ้นมา และการคิดคำนวณก็ปรากฏขึ้นในแววตาของนาง

ซังจวี๋เดินเข้ามาจากประตู นางถือม้วนกระดาษอยู่ในมือและกล่าวว่า:“แม่นาง มีคนโยนม้วนกระดาษเข้ามา"

“เอามาให้ข้าดูหน่อย” คนที่ซังจวี๋พูดถึง ต้องเป็นองครักษ์ลับจักรพรรดิอย่างแน่นอน

ในมือของนางไม่มีองครักษ์ลับที่เหมือนกับทหารองครักษ์เหยี่ยวดำ และองครักษ์ลับจักรพรรดิได้กลายเป็นผู้นำในการรวบรวมข้อมูลอย่างไม่ต้องสงสัย

ซังจวี๋ยื่นม้วนกระดาษให้นาง

นางเปิดดูและเป็นข้อมูลที่นางต้องการพอดี

องครักษ์ลับจักรพรรดิกล่าวว่า:ค่ายของอ๋องฮุ่ยอยู่ที่หนานเซี่ยว

หลังจากอ่านแล้ว ไป๋ชิงหลิงก็ให้ซังจวี๋เผากระดาษทิ้ง:“ซังจวี๋ ช่วงนี้เจ้าต้องระวังให้มากขึ้น ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด”

“เจ้าค่ะ”

ซังจวี๋ถอยออกไป

ไป๋ชิงหลิงวางขนมดอกซิ่งฮวาและกล่าวว่า “ลี่ว์อี เจ้าสอนข้าทำอันนี่หน่อย”

“หากแม่นางอยากกิน บ่าวจะทำให้กิน” ลี่ว์อีกล่าว

ไป๋ชิงหลิงส่ายหัว:“ข้าไม่ได้กินเอง”

“หากคุณหนูน้อยอยากกิน บ่าวก็ทำให้คุณหนูน้อยกินได้เจ้าค่ะ” ลี่ว์อีกล่าว

ไป๋ชิงหลิงหัวเราะเบา ๆ :“ข้าไม่ได้ทำกินเอง และไม่ได้ทำให้เซิงเอ๋อร์กิน เจ้าสอนข้าทำก็พอ”

ลี่ว์อีติดตานางเพื่อเรียนรู้วิชาแพทย์ และเป็นนักชิมคนหนึ่ง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร

จื่ออีฉลาดที่สุดในบรรดาพวกนางทั้งสามนี้

ส่วนชิงอีไร้เดียงสา เรียบง่าย และซื่อเล็กน้อย

จื่ออีมองแวบเดียวก็รู้จุดประสงค์ในการหัดทำขนมดอกซิ่งฮวาของไป๋ชิงหลิง

หลังจากหัดทำมาทั้งวัน ในที่สุดไป๋ชิงหลิงก็ทำขนมดอกซิ่งฮวาได้หนึ่งกล่อง และในตอนบ่ายก็ตรงไปที่ค่ายทหารหนานเซี่ยว

อย่างไรก็ตาม นางพาแมวดำมาด้วย!

หลังลงมาจากรถม้า ไป๋ชิงหลิงก็พาจื่ออีไปที่ค่ายทหารภายใต้อำนาจของอ๋องฮุ่ย แต่นางถูกองครักษ์ที่รักษาประตูขวางไว้

จื่ออีแสดงท่าทีไม่พอใจและตะโกนด้วยความโกรธว่า:“บังอาจ อีกไม่กี่วันแม่นางของข้าก็จะแต่งงานเข้าไปในจวนอ๋องฮุ่ยแล้ว พวกเจ้ากล้าที่จะเสียมารยาทกับพระชายาฮุ่ยในอนาคตหรือ”

องครักษ์ที่รักษาประตูค่ายทั้งหก ถือหอกอยู่ในมือ พวกเขามองไป๋ชิงหลิงกับจื่ออี ราวกับพวกผีห่าซาตาน

“หากไม่มีคำสั่งของท่านอ๋องฮุ่ย ไม่ว่าเทวดาหน้าไหนก็เข้าไปไม่ได้”

“เจ้า……” จื่ออีใจร้อน แต่ก็ถูกไป๋ชิงหลิงห้ามไว้:“จื่ออี บ้านเมืองมีขื่อมีแป พวกเขาพูดถูก ค่ายทหารเป็นสถานที่สำคัญ ไม่สามารถเข้าไปได้ตามอำเภิใจ พวกเรารอท่านอ๋องฮุ่ยอยู่ที่นี่เถอะ”

ทันทีที่เสียงพูดจบลง เสียงฝีเท้าม้าและเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น:“พระชายาคงจะคิดถึงข้า!”

ไป๋ชิงหลิงหันกลับไปมอง

กลุ่มคนตรงลงมาจากบนภูเขา

และคนที่นำหน้ามาคืออ๋องฮุ่ย

เขาสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม ถือดาบอยู่ในมือ จับบังเหียนม้าด้วยมือขวา และม้าก็วิ่งมาอย่างรวดเร็ว

เขาอายุเพียงสามสิบต้น ๆ เท่านั้น เขาสูญเสียความเป็นเด็กไปกว่าสิบปี และระบายความบ้าคลั่งออกมา

เมื่อเมาถึงข้างหน้าไป๋ชิงหลิง อ๋องฮุ่ยก็ดึงบังเหียนม้าไว้แน่น กีบม้าก็ยกขึ้นสูงในทันทีและม้าก็ส่งเสียงร้อง

ไป๋ชิงหลิงรีบดึงจื่ออีไปข้างหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บจากกีบม้า

กลุ่มคนที่ตามหลังอ๋องฮุ่ยก็มาถึง และหยุดอยู่ข้างหลังอ๋องฮุ่ย

ในหมู่พวกเขา ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมและมีหนวดเครายาวสีดำ ดูไม่เหมือนทหาร แต่เหมือนพระเจ้า

ไป๋ชิงหลิงกวาดสายตามองชายผู้นั้น และเดินไปข้างหน้า เพื่อคารวะอ๋องฮุ่ย และยิ้มเบา ๆ :“ข้ากับท่านอ๋องฮุ่ยได้กำหนดวันอภิเษกสมรสกันแล้ว ข้าจึงอยากเป็นพระชายาฮุ่ยที่ดี วันนี้สาวใช้ทำขนมดอกซิ่งฮวา รสชาติหอมหวานแต่ไม่เลี่ยน ข้าชอบมาก จึงหัดทำและทำมาให้ท่านอ๋องฮุ่ยลองชิมเจ้าค่ะ”

“ฮ่า ๆ ๆ !” อ๋องฮุ่ยหัวเราะสอง เขาลงมาจากหลังม้าและเดินไปหาไป๋ชิงหลิง จากนั้นก็รับกล่องขนมดอกซิ่งฮวาจากมือของนาง และส่งให้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหลัง:“ท่านปรมาจารย์ ให้เป็นรางวัลขแก่ท่าน”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องฮุ่ยขอรับ” ปรมาจารย์หลูรับขนมดอกซิ่งฮวาจากมือของอ๋องฮุ่ย

เมื่อมองไปที่ไป๋ชิงหลิงอีกครั้ง ปรมาจารย์หลูจ้องมองไปที่ไป๋ชิงหลิงด้วยสายคาที่เฉียบแหลม

และสายตาที่พินิจพิเคราะห์ของปรมาจารย์หลู ทำให้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเป็นกังวลมาก ราวกับมีคนมองทะลุความรู้สึกของนาง

ปรมาจารย์หลูขมวดคิ้ว เขาลูบเคราและกล่าวว่า:“พระชายาคนใหม่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา”

อ๋องฮุ่ยตกตะลึงและหันไปมองเขา:“ปรมาจารย์หลู หมายความว่าอย่างไร?”

ดวงตาของปรมาจารย์หลูทรุดลงเล็กน้อยและกล่าวเบา ๆ ว่า:“ท่านอ๋องฮุ่ย ลองสนทนากับพระชายาฮุ่ยก่อน”

เมื่อเห็นว่าเขาพูดเพียงครึ่งเดียว อ๋องฮุ่ยก็ไม่ถามต่อ

ในเมื่อปรมาจารย์หลูไม่พูดออกมาต่อหน้าหญิงผู้นี้ แสดงว่าเขาต้องเห็นความผิดปกติของหญิงผู้นี้อย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่ออ๋องฮุ่ยมองไปที่ไป๋ชิงหลิง เขาจึงมีเจตนาฆ่ามากยิ่งขึ้น

รอให้แต่งงานกับหญิงผู้นี้เสียก่อน เมื่อเบื่อแล้ว เขาก็จะโยนนางไปเป็นโสเภณีในค่ายทหาร

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ” คำพูดของปรมาจารย์หลู ทำให้อ๋องฮุ่ยหมดความอดทนกับไป๋ชิงหลิง

ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างรู้จักสถานการณ์:“เจ้าค่ะ วันหลังข้าค่อยมาใหม่”

หลังจากพูดจบ นางก็เดินผ่านเขาและขึ้นไปบนรถม้าในทันที

เป่าลี่ว์ที่นางพาติดตัวมาด้วย ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงเรื่องลับ ๆ บางอย่างในค่ายทหาร

อ๋องฮุ่ยจ้องมองไปที่รถม้าของไป๋ชิงหลิง จนกระทั่งรถม้าของไป๋ชิงหลิงหายไป เขาจึงกล่าว่า:“ท่านปรมาจารย์ เมื่อครู่ที่ท่านกล่าวว่านางมีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา หมายความว่าอย่างไร?”

ปรมาจารย์หลูก้มหน้าลง เขาเหลือบมองขนมดอกซิ่งฮวาที่อยู่ในมือและกล่าวว่า:“นางสองวิญญาณในร่างเดียว นางเป็นคนเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ ดาวร้ายได้หายไปแล้ว และแสงที่ส่องเหนือหัวของนางคือดาวหงส์ ใครก็ตามที่ได้ครอบครองหญิงผู้นี้……ก็จะได้ครอบครองใต้หล้า!”

อ๋องฮุ่ยใจสั่นสะท้าน:“ท่านปรมาจารย์เข้าใจผิดหรือไม่!”

นางเป็นหญิงสำส่อนชั่วช้ามิใช่หรือ

เขากับฝ่าบาทต้องการไป๋ชิงหลิง ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพราะเขาไม่เคยเห็นหญิงที่มีบุตรแล้ว แต่ยังงดงามและหยิ่งผยองได้เช่นนี้

และต้องการพาไป๋ชิงหลิงกลับไปที่จวนอ๋อง วางนางลงบนเก้าอี้ และมองดูนางร้องขอความเมตตา!

นางกลายเป็นดาวหงส์ได้อย่างไร!

“ข้าติดตามท่านอ๋องฮุ่ยมาสิบปี ข้าไม่เคยพลาด” ปรมาจารย์หลูกล่าว

อ๋องฮุ่ยขมวดคิ้ว:“เมื่อครู่ท่านบอกว่านางมีสองวิญญาณในร่างเดียว หมายความว่ามีสองวิญญาณอยู่ในร่างของนาง?”

“เจ้าของร่างเดิมเสียชีวิตแล้ว และผู้มาที่หลังก็มาอาศัยอยู่ในร่าง หากท่านอ๋องฮุ่ยสามารถเอาชนะใจหญิงผู้นี้ได้ จะสามารถรวมเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน!”

เมื่ออ๋องฮุ่ยได้ยินเช่นนี้ เขาก็มองไปยังทิศทางที่ไป๋ชิงหลิงจากไปอีกครั้ง เจตนาร้ายที่มีต่อไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนไปในทันที และมีรอยยิ้มในส่วนลึกของดวงตา:“เช่นนั้นข้าต้องการหัวใจของนาง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น