เมื่อไป๋ชิงหลิงออกมาจากค่ายทหารของอ๋องฮุ่ยแล้วหยุดรถม้าไว้ที่ด้านนอกประตูเมืองหนานเฉิง
“รอเป่าลี่ว์อยู่ที่นี่แหละ”
“เป่าลี่ว์มันจะกลับมาได้หรือ?”
“เมื่อคืนเซิงเอ๋อร์คุยกับเป่าลี่ว์แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
จื่ออียังคงเป็นกังวล ได้เปิดม่านรถม้ามองไปทางด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง
หลังจากที่เป่าลี่ว์เข้ามาอยู่ในเรือนชิงซิน ก็มีนางเป็นคนดูแล ได้ใกล้ชิดกันมา เลยมีความรู้สึกที่ผูกพันธ์กันบ้าง
อีกอย่างในสายตาของจื่ออี เป่าลี่ว์ไม่เหมือนแมวเลย มันเหมือนเด็กคนหนึ่ง
มันเหมือนกับไป๋ชงเซิงกับเอ๋อร์ซือ นางเลยดูแลเป่าลี่ว์เหมือนเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
จื่ออีเปิดม่านอยู่บ่อยครั้ง ไม่เห็นเป่าลี่ว์มา แต่เห็นใต้เท้าเว่ยกับอ๋องหรงแทน
ตอนจื่ออีเห็นอ๋องหรง สีหน้าเปลี่ยนไปมาก พอดีกับท่านอ๋องหรงมองมาทางนาง จื่ออีจึงตกใจเตลิดจนต้องรีบปล่อยม่านลง
ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้ว กล่าวถามว่า“เป็นอะไรหรือ?”
ไม่รอให้จื่ออีตอบ ไป๋ชิงหลิงก็เปิดม่านขึ้นดูแล้ว
แวบแรกก็เห็นใต้เท้าเว่ยกับท่านอ๋องหรงเดินออกมาจากประตูทางทิศใต้
ด้านหลังพวกเขามีทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกับเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่ง
และสายตาสุกสกาวของหรงเยี่ยมองมาที่นาง นัยน์ตานั้นมันเย็นชาผิดปกติเหลือเกิน
ไป๋ชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบปล่อยผ้าม่านลง “ท่านอ๋องหรงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“หมอหญิงไป๋ หมอหญิงไป๋ !”ด้านนอกรถม้ามีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
ไป๋ชิงหลิงสงบสติอารมณ์ แล้วเปิดม่านขึ้นอีกครั้ง ด้านนอกรถม้าพอดีกับเป็นเจ้าหน้าที่สวมใส่ชุดทหารคนหนึ่งยืนอยู่
มองดูแล้วเป็นคนอายุน้อยอยู่
เขากล่าวอย่างมีมารยาทว่า“หมอหญิงไป๋ ใต้เท้าเว่ยมีธุระจะเสวนากับท่าน”
พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็ชี้ที่ต้นไม้ใหญ่ทางซ้ายมือของประตูทิศใต้ ซึ่งเป็นใต้เท้าเว่ยกับหรงเยี่ยยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น
ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วกล่าวถามว่า“ใต้เท้าเว่ยมีธุระอะไรกับข้าหรือ?”
“อย่างนี้นะขอรับ ช่วงนี้ใต้เท้าของพวกข้าพบเจอปัญหาที่แก้ยาก นักชันสูตรศพเองก็ไม่สามารถตรวจสอบออกมาได้อย่างชัดเจน ท่านอ๋องหรงบอกว่าสามารถเข้าไปในวังแล้วเชิญหมอประจำราชสำนักดูให้ บางทีอาจจะสามารถตรวจออกมาได้ เมื่อครู่ใต้เท้าเว่ยเห็นท่าน ก็เลยอยาก….จะเชิญให้ท่านไปดูให้หน่อยขอรับ”เจ้าหน้าที่กล่าว
ไป๋ชิงหลิงมองไปทางหรงเยี่ยกับใต้เท้าเว่ย พร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
“ใต้เท้าของพวกเจ้าต้องการให้ข้าพิสูจน์พลิกศพหรือ?”ในเมื่อเกี่ยวข้องกับนักชันสูตรศพ เช่นนั้นต้องเกี่ยวข้องกับคนตายแน่นอน
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “ไม่ต้องพิสูจน์ขอรับ เพียงแค่ดูก็พอแล้ว”
“ในเมื่อใต้เท้าเว่ยเอ่ยปาก เช่นนั้นข้าจะไปดู “ไป๋ชิงหลิงหันไปมองจื่ออี กล่าวขึ้นว่า”เจ้าอยู่รอเป่าลี่ว์นะ ข้าจะไปหาใต้เท้าเว่ยทางด้านนั้น”
เจ้าหน้าที่ได้ยินไป๋ชิงหลิงตอบรับ ก็แอบทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง
ใต้เท้าต้องการเจอหมอหญิงไป๋ที่ไหนกัน ชัดเจนว่าเป็นท่านอ๋องหรงต่างหากที่ต้องการเจอนาง
ไป๋ชิงหลิงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
หรงเยี่ยได้พาทหารองครักษ์เหยี่ยวดำของตนเองออกไปก่อน ใต้เท้าเว่ยกล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจว่า“หมอหญิงไป๋ รบกวนแล้ว”
“ใต้เท้าเว่ยพบเจอกับปัญหาที่แก้ไขยากอะไรหรือ ต้องการให้ข้าทำอย่างไร ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีคำพูดพิธีรีตองอะไรเลย แต่ทว่าท่าทางอ่อนโยนอย่างมาก
จุดนี้ทำให้ใต้เท้าเว่ยค่อนข้างแปลกใจ
พูดตามหลัก ได้รับความชื่นชมจากฝ่าบาทกับไทเฮา ตอนนี้ต้องเป็นพระชายาฮุ่ยอีก ฐานะไม่เหมือนก่อน อุปนิสัยก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างสิ
คิดไม่ถึง นางยังอ่อนโยนและมีเมตตาจิตเช่นนี้
เพียงแต่พูดอย่างราบเรียบ…..
เหมือนท่านอ๋องหรงมาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...