ตอน บทที่ 157 บังเอิญเจอหรงเยี่ยที่หนานเซี่ยว จาก ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 157 บังเอิญเจอหรงเยี่ยที่หนานเซี่ยว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการเกิดใหม่ ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น ที่เขียนโดย พระจันทร์ขี้เมา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เมื่อไป๋ชิงหลิงออกมาจากค่ายทหารของอ๋องฮุ่ยแล้วหยุดรถม้าไว้ที่ด้านนอกประตูเมืองหนานเฉิง
“รอเป่าลี่ว์อยู่ที่นี่แหละ”
“เป่าลี่ว์มันจะกลับมาได้หรือ?”
“เมื่อคืนเซิงเอ๋อร์คุยกับเป่าลี่ว์แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
จื่ออียังคงเป็นกังวล ได้เปิดม่านรถม้ามองไปทางด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง
หลังจากที่เป่าลี่ว์เข้ามาอยู่ในเรือนชิงซิน ก็มีนางเป็นคนดูแล ได้ใกล้ชิดกันมา เลยมีความรู้สึกที่ผูกพันธ์กันบ้าง
อีกอย่างในสายตาของจื่ออี เป่าลี่ว์ไม่เหมือนแมวเลย มันเหมือนเด็กคนหนึ่ง
มันเหมือนกับไป๋ชงเซิงกับเอ๋อร์ซือ นางเลยดูแลเป่าลี่ว์เหมือนเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง
จื่ออีเปิดม่านอยู่บ่อยครั้ง ไม่เห็นเป่าลี่ว์มา แต่เห็นใต้เท้าเว่ยกับอ๋องหรงแทน
ตอนจื่ออีเห็นอ๋องหรง สีหน้าเปลี่ยนไปมาก พอดีกับท่านอ๋องหรงมองมาทางนาง จื่ออีจึงตกใจเตลิดจนต้องรีบปล่อยม่านลง
ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้ว กล่าวถามว่า“เป็นอะไรหรือ?”
ไม่รอให้จื่ออีตอบ ไป๋ชิงหลิงก็เปิดม่านขึ้นดูแล้ว
แวบแรกก็เห็นใต้เท้าเว่ยกับท่านอ๋องหรงเดินออกมาจากประตูทางทิศใต้
ด้านหลังพวกเขามีทหารองครักษ์เหยี่ยวดำกับเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่ง
และสายตาสุกสกาวของหรงเยี่ยมองมาที่นาง นัยน์ตานั้นมันเย็นชาผิดปกติเหลือเกิน
ไป๋ชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบปล่อยผ้าม่านลง “ท่านอ๋องหรงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“หมอหญิงไป๋ หมอหญิงไป๋ !”ด้านนอกรถม้ามีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
ไป๋ชิงหลิงสงบสติอารมณ์ แล้วเปิดม่านขึ้นอีกครั้ง ด้านนอกรถม้าพอดีกับเป็นเจ้าหน้าที่สวมใส่ชุดทหารคนหนึ่งยืนอยู่
มองดูแล้วเป็นคนอายุน้อยอยู่
เขากล่าวอย่างมีมารยาทว่า“หมอหญิงไป๋ ใต้เท้าเว่ยมีธุระจะเสวนากับท่าน”
พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็ชี้ที่ต้นไม้ใหญ่ทางซ้ายมือของประตูทิศใต้ ซึ่งเป็นใต้เท้าเว่ยกับหรงเยี่ยยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น
ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วกล่าวถามว่า“ใต้เท้าเว่ยมีธุระอะไรกับข้าหรือ?”
“อย่างนี้นะขอรับ ช่วงนี้ใต้เท้าของพวกข้าพบเจอปัญหาที่แก้ยาก นักชันสูตรศพเองก็ไม่สามารถตรวจสอบออกมาได้อย่างชัดเจน ท่านอ๋องหรงบอกว่าสามารถเข้าไปในวังแล้วเชิญหมอประจำราชสำนักดูให้ บางทีอาจจะสามารถตรวจออกมาได้ เมื่อครู่ใต้เท้าเว่ยเห็นท่าน ก็เลยอยาก….จะเชิญให้ท่านไปดูให้หน่อยขอรับ”เจ้าหน้าที่กล่าว
ไป๋ชิงหลิงมองไปทางหรงเยี่ยกับใต้เท้าเว่ย พร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
“ใต้เท้าของพวกเจ้าต้องการให้ข้าพิสูจน์พลิกศพหรือ?”ในเมื่อเกี่ยวข้องกับนักชันสูตรศพ เช่นนั้นต้องเกี่ยวข้องกับคนตายแน่นอน
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “ไม่ต้องพิสูจน์ขอรับ เพียงแค่ดูก็พอแล้ว”
“ในเมื่อใต้เท้าเว่ยเอ่ยปาก เช่นนั้นข้าจะไปดู “ไป๋ชิงหลิงหันไปมองจื่ออี กล่าวขึ้นว่า”เจ้าอยู่รอเป่าลี่ว์นะ ข้าจะไปหาใต้เท้าเว่ยทางด้านนั้น”
เจ้าหน้าที่ได้ยินไป๋ชิงหลิงตอบรับ ก็แอบทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง
ใต้เท้าต้องการเจอหมอหญิงไป๋ที่ไหนกัน ชัดเจนว่าเป็นท่านอ๋องหรงต่างหากที่ต้องการเจอนาง
ไป๋ชิงหลิงเดินตามเจ้าหน้าที่ไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
หรงเยี่ยได้พาทหารองครักษ์เหยี่ยวดำของตนเองออกไปก่อน ใต้เท้าเว่ยกล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจว่า“หมอหญิงไป๋ รบกวนแล้ว”
“ใต้เท้าเว่ยพบเจอกับปัญหาที่แก้ไขยากอะไรหรือ ต้องการให้ข้าทำอย่างไร ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีคำพูดพิธีรีตองอะไรเลย แต่ทว่าท่าทางอ่อนโยนอย่างมาก
จุดนี้ทำให้ใต้เท้าเว่ยค่อนข้างแปลกใจ
พูดตามหลัก ได้รับความชื่นชมจากฝ่าบาทกับไทเฮา ตอนนี้ต้องเป็นพระชายาฮุ่ยอีก ฐานะไม่เหมือนก่อน อุปนิสัยก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างสิ
คิดไม่ถึง นางยังอ่อนโยนและมีเมตตาจิตเช่นนี้
เพียงแต่พูดอย่างราบเรียบ…..
เหมือนท่านอ๋องหรงมาก!
ใต้เท้าเว่ยได้ยินคำนี้ เหมือนตื่นขึ้นมาทันที เขากล่าวด้วยความตะหนกว่า “ใช่ๆๆๆ นี่เป็นจุดที่แปลก หรือว่าเอาเด็กไปก็เพื่อให้เด็กเหล่านี้หิวตาย?”
หรงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไป๋ชิงหลิงหมุนตัวมา กล่าวว่า “ข้าว่า ใต้เท้าเว่ยเปิดโลงศพแล้วค่อยตรวจสอบก็ได้”
“เปิดโลงศพค่อยตรวจสอบ?”ใต้เท้าเว่ยชะงักงัน ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา กล่าวว่า “หมอหญิงไป๋หมายความว่า เอาเด็กที่ตายไปก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน ขุดขึ้นมาแล้วตรวจสอบอีกครั้งนะหรือ?”
“ใช่ ศพที่ฝังลงดินแล้ว มีร่องรอยเน่าเปื่อย ตรวจสอบกระดูกได้ง่าย!”ไป๋ชิงหลิงกล่าว
ใต้เท้าเว่ยตบหัวตนเองแรงๆ แล้วรีบสั่งเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลัง ให้พวกเขาไปขุดเอาศพที่ไม่มีชื่อเมื่อสามเดือนก่อนออกมา จากนั้นให้นักชันสูตรศพตรวจอีกครั้ง
ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าที่นี่พอประมาณแล้ว จึงถอนสายบัวกล่าวว่า“หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ!”
พูดเสร็จนางจึงหมุนตัวเดินไปโดยไม่มองเขาเลย
แต่นางเพิ่งจะเดินออกมาสองก้าว ด้านหลังก็มีน้ำเสียงดุดันดังมาว่า“มาทำอะไรที่หนานเซี่ยว?”
ฝีเท้าไป๋ชิงหลิงค่อยๆชะงักงัน หันกลับไปยิ้ม “มาส่งขนมดอกซิ่งฮวาให้พระสวามีในอนาคตของข้านะสิ !”
หรงเยี่ยกำหมัดแน่น
“ลืมแสดงความยินดีกับท่านอ๋องหรงเลย”ไป๋ชิงหลิงกลับมาอยู่ตรงหน้าเขา ริมฝีปากแดงแสยะยิ้มขึ้น:“ยินดีกับท่านอ๋องหรงที่เจอคู่หมั้นแล้ว”
หมัดที่เขากำแน่น ได้พรวดพราดคลายออกมาทีเดียว
แล้วกล่าวตอบกลับนางมาแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า “ยินดีด้วย!”
“อืม เมื่อผลตรวจเลือดออกมาแล้ว ข้าจะให้คนไปส่งให้ใต้เท้าเว่ย”ไป๋ชิงหลิงทำเป็นไม่ใส่ใจ ตอนที่หมุนตัว รอยยิ้มบนใบหน้าได้หายไป
ทุกการก้าวเดินเหมือนมีอะไรมาพันธนาการนาง มันหนักอึ้งไร้เรี่ยวแรง !
หรงเยี่ยมองตามแผ่นหลังของนาง นัยน์ตาอึมครึมลง จากนั้นเดินจากไปทิศทางตรงกันข้ามกับนาง….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...