ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 158

ไป๋ชิงหลิงใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกลับไปถึงยังหน้าประตูเมืองหนานเซี่ยว

จื่ออีรอนางอยู่นอกรถม้า

ไป๋ชิงหลิงถามว่า: “เป่าลี่ว์กลับมาแล้วหรือยัง?”

"แม่นาง ยังเจ้าค่ะ"

“มีหนึ่งชั่วยามแล้วกระมัง!” ไป๋ชิงหลิงวิตกกังวลแล้วมองไปทางค่ายทหาร

จื่ออีประคองนางกลับไปยังรถม้าอีกด้านหนึ่งกล่าวว่า: “เกือบชั่วยามครึ่งแล้วเจ้าค่ะ แม่นางจากใต้เท้าเว่ยมาเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนเจ้าค่ะ ไม่งั้น ข้าน้อยจะกลับไปหาเป่าลี่ว์เจ้าค่ะ”

“ไม่ได้!” ไป๋ชิงหลิงรีบหยุดอย่างไว

เพื่อแมวตัวเดียวให้จื่ออีกลับไปที่ค่ายทหารโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสี่ยงอันตราย

อย่างไรก็ตามนิสัยช่างสงสัยของอ๋องฮุ่ย เกรงว่าจะคิดว่านางมีเจตนาไม่ดีและใช้แมวเป็นข้ออ้างไปเยี่ยมค่ายของเขา

จื่ออีกล่าวอย่างร้อนใจว่า: "เป่าลี่ว์ได้ติดตามคุณหนูน้อยอยู่ตลอดในหลายวันนี้ ข้าน้อยเกรงว่าคุณหนูน้อยไม่เห็นเป่าลี่ว์ก็จะร้องห่มร้องไห้โวยวาย"

“รอก่อน แมวตัวนั้นหลักแหลม” ในใจไป๋ชิงหลิงเกิดความคิดแปลกประหลาดมากมายโผล่ขึ้นมา

อ๋องฮุ่ยจะระแวดระวังถึงขนาดฆ่าแมวตัวหนึ่งด้วยหรือเปล่านะ หรือว่านักบวชข้างกายอ๋องฮุ่ย ผู้นั้นจะมองจุดประสงค์ของเป่าลี่ว์ซะกระจ่างจากนั้นก็บอกอ๋องฮุ่ยให้ฆ่ามันซะ

ไม่เช่นนั้นก็คงจะถูกอ๋องฮุ่ยจับตัวไว้แล้วตุ๋นกินซะ!

ไป๋ชิงหลิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านได้อีก

นายหนึ่งคนและคนรับใช้หนึ่งคนรออยู่ที่หนานเซี่ยวไปอีกหนึ่งชั่วยามเต็ม

หรงเยี่ยซึ่งทำภารกิจอยู่นอกเมืองมาโดยตลอดได้กลับมาถึงที่ประตูเมืองพร้อมกับทหารองครักษ์เหยี่ยวดำของตน

เมื่อเห็นว่ารถม้าของไป๋ชิงหลิงยังคงจอดอยู่ด้านนอก หรงเยี่ยก็ได้ทรงรัดสายบังเหียนให้แน่นพร้อมกับหยิบดาบขึ้นมาและยกม่านรถม้าขึ้น

ไป๋ชิงหลิงนั่งอยู่ในรถม้าด้วยความตกตะลึงไปชั่วขณะ

ทั้งสองคนคนหนึ่งอยู่ในรถม้า อีกคนอยู่บนหลังม้าโดยที่สี่ตาประสานกัน

จื่ออีรีบทำความเคารพอย่างเร็ว: "หม่อมฉันขอคารวะอ๋องหรงเพคะ"

ไป๋ชิงหลิงคืนสติมากะทันหันแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “อ๋องหรงนี่กำลังทรงทำสิ่งใด?”

ดาบในมือของหรงเยี่ยยังคงอยู่ในท่ายกม่านแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “แม้ว่าจะชื่นชอบอ๋องฮุ่ยและจะกลายเป็นพระชายาฮุ่ยของเขาในไม่ช้า ก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้ารออยู่ที่นี่ทนรอเขาทั้งวันทั้งคืน เฝ้าหวังรอคอยที่จะแต่งงานเข้าจวนอ๋องฮุ่ยสักเพียงใดกันนะ"

น้ำเสียงอันดูถูกดูแคลนและคำพูดประชดประชันทำให้ใบหน้าของไป๋ชิงหลิงปนเปื้อนไปด้วยความโมโหในทันใด

เขาจำเป็นต้องเยาะเย้ยตนเช่นนี้เลยหรือ!

“นี่เป็นเรื่องของข้าเกี่ยวอะไรกับอ๋องหรงกัน” ไป๋ชิงหลิงกล่าวอย่างโกรธเคือง

หรงเยี่ยหัวเราะเยาะ แล้วดาบในมือก็ได้ถอนออกและผ้าม่านก็ได้ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว

เสียงของเขาทะลุผ้าม่านผ่านแก้วหูของไป๋ชิงหลิง: “ฝนจะตกแล้วกลับจวนอ๋องให้ไวหน่อย”

เสียงกล่าวจบลงเสียงกีบม้าด้านนอกก็ยิ่งอยู่ยิ่งเคลื่อนไกลออกไปเรื่อยๆ

ไป๋ชิงหลิงเม้มริมฝีปากและคำพูดสุดท้ายที่เขาได้กล่าวเมื่อครู่นี้ได้ดังก้องอยู่ข้างหู

โดยไร้ซึ่งร่องรอยของอารมณ์แม้เพียงเล็กน้อย

จื่ออีเห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยดีจึงยื่นมือออกไปจับมือทั้งคู่ของไป๋ชิงหลิงแล้วกล่าวว่า: "แม่นาง ดึกแล้วและยามค่ำคืนอากาศหนาวเย็นหมอกหนา เดิมทีร่างกายของแม่นางก็ไม่ค่อยดีจึงไม่สะดวกที่จะรอต่อไป ข้าน้อยจะอยู่รอเป่าลี่ว์กลับมา ท่านให้คนขับส่งท่านกลับจวนนะเจ้าคะ”

“กลับด้วนกันเถอะนะ” ไป๋ชิงหลิงหลับตาทั้งคู่ลงและขมวดคิ้ว: “บางทีเป่าลี่ว์อาจจะกลับเรือนชิงซินไปหาเซิงเอ๋อร์โดยตรงแล้ว มีเพียงเซิงเอ๋อร์เท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับมันได้”

"ได้เจ้าค่ะ"

จื่ออีให้คนขับกลับเมืองไป

เมื่อรถม้ากลับถึงเรือนชิงซินฝนก็เกิดฝนตกหนักและก็มีลูกเห็บอีกด้วย

หลังจากที่จื่ออีประคองไป๋ชิงหลิงเข้าจวนแล้วก็ได้ตะโกนว่า: "โชคดีที่อ๋องหรงเตือน ไม่เช่นนั้นพวกเราอยู่ด้านนอกต้องน่าอนาถเสียแล้ว"

เมื่อกล่าวถึงอ๋องหรงไป๋ชิงหลิงก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นเงียบๆไม่ได้พร้อมกับจิตใจฟุ้งซ่าน

“เจ้ารีบไปหาเป่าลี่ว์ ดูว่ามันกลับไปที่จวนแล้วหรือเปล่า”

ไป๋ชิงหลิงกล่าวจบฮุ่ยหลานก็ได้เดินออกมาจากคุ้มทางเดินและตะโกนร้องด้วยอารมณ์ว่า: “แม่นาง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น