ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 159

นางหมดเรี่ยวแรง และขณะที่หรงเยี่ยจูบนางนั้น ร่างกายของนางก็สั่นสะท้าน

และทำได้เพียงปล่อยให้เขาบรรจงจูบนางอย่างคลุ้มคลั่ง

อากาศโดยรอบล้วนอัดแน่นไปด้วยลมหายใจของเขา

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกจมดิ่งลึกลงไป

นางลืมตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ขณะเดียวกันหรงเยี่ยก็ปล่อยนางออก ทำให้ทั้งสองได้สบตากัน

เขากล่าวว่า "จะฝืนไปเพื่ออะไร"

"ท่านพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ ดึกมากแล้ว ท่านอ๋องหรงกอดข้าอยู่เช่นนี้ หากคนของท่านอ๋องฮุ่ยเห็นเข้า......"

"ไป๋เจาเสวี่ย เจ้าคิดไปเองทั้งนั้น" หรงเยี่ยกล่าวแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุ

เดิมทีเข้าคิดว่าเขารู้สึกดีกับไป๋เจาเสวี่ยเพียงเพราะว่าหรงจิ่งหลินชอบนาง และการจะให้นางเป็นพระชายาหรงนั้นก็เป็นเรื่องที่ทำได้

ทว่าเมื่อท่านอ๋องฮุ่ยปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ เขาจึงคิดว่าไม่ต้องการนางแล้วก็ได้

บนโลกนี้มีผู้หญิงนับพันนับหมื่น ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเท่านั้น

แต่หลังจากที่ห่างหายกันไปหลายวันมานี้ เขาเพิ่งจะค้นพบว่าไป๋ชิงหลิงมีอิทธิพลต่อเขาไม่น้อยเลยทีเดียว

อารมณ์ที่กระวนกระวายใจ ราวกับเส้นด้ายที่ขาดการเชื่อมต่อยังคงดึงดันในใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคอยติดตามความเคลื่อนไหวของนาง และอยากรู้ว่านางกำลังทำอะไร

ฮุ่ยหลานเห็นว่าทั้งสองไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จึงได้กล่าวขึ้นมาด้วยความเป็นกังวล "ท่านอ๋อง แม่นางต้องพักผ่อนแล้วเพคะ"

หรงเยี่ยกวาดสายตาไปมองโถเลือดอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความโกรธ "บ้าไปแล้ว!"

เขากอดนางไว้และเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นนั่งลงบนเตียง

และกอดไป๋ชิงหลิงอยู่เช่นนั้นโดยไม่ขยับไปไหน และไม่ปล่อยนางไป

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกอึดอัดอย่างมาก "ท่านอย่าเอาแต่กอดข้าอยู่เช่นนี้ ข้ารู้สึกอึดอัด"

"อึดอัดตรงไหน?"

"ศีรษะ!"

"รู้สึกแย่แต่เจ้ายังฝึกฝนวิชากู่ เจ้าอยากตายหรืออย่างไร" คืนนี้หรงเยี่ยรู้สึกโกรธอยู่หลายครั้ง และด่าทอนางออกไป

ไป๋ชิงหลิงหลับตาลงโดยไม่สนใจเขา

จากนั้นหรงเยี่ยลุกขึ้นยืนและวางนางลงที่เตียง และห่มผ้าให้กับนาง

ฮุ่ยหลานยกน้ำแกงบำรุงโลหิตเข้ามาและเตรียมจะป้อน ทว่าหรงเยี่ยกลับแย่งชิงไปจากมือของนาง "ออกไปข้างนอกได้แล้ว"

"เพคะ!" ฮุ่ยหลานรีบออกไปทันที

ไป๋ชิงหลิงมองไปยังประตูที่ถูกปิดและกล่าวว่า "ท่านก็กลับไปเสียเถอะ"

เขาไม่สนใจนางและหยิบป้อนขึ้นมาเป่าน้ำแกงป้อนนาง

นางตกใจเล็กน้อยและพยายามเบนหน้าหนี "ท่านอย่าทำเช่นนี้ เรา......"

"เจ้ากำลังจะบอกว่า ต่อให้ข้าฆ่าท่านอ๋องฮุ่ย และแม้ว่าเจ้าจะเป็นอิสระ เจ้าก็ไม่มีทางแต่งงานกับข้า"

ฮึ......

นางจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย

"เจ้ากลัวว่าข้าจะบีบบังคับเจ้าถึงเพียงนี้ และถึงขั้นที่ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อสร้างเงื่อนไขกับฝ่าบาท เพื่อหนังสือรับรองแค่แผ่นเดียวอย่างนั้นหรือ"

เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

ดวงตาของนางเบิกกว้างและจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง

หรงเยี่ยโกรธมาก แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของนางในขณะนี้นั้น ทำให้น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาอ่อนโยนลงมาก

"ข้าเคยบอกว่าจะขอความรักจากเจ้าด้วยหัวใจจนกว่าเจ้าจะยอมตกลง แต่เจ้ากลับไม่ยอมเชื่อใจข้า เจ้าเป็นข้าเป็นอะไร เห็นข้าเป็นเหมือนท่านอ๋องฮุ่ยที่บีบบังคับผู้หญิงให้แต่งงานด้วย หลังจากแต่งงานเข้ามาแล้วก็พยายามคิดฆ่าสังหารภรรยาของตัวเองอย่างนั้นหรือ"

"ข้า......" ไป๋ชิงหลิงกลับพูดไม่ออกเพราะคำพูดของเขา

ถึงขั้น......รู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย

นางบ้าไปแล้วจริงๆ บ้าไปแล้ว!

นางจะต้องถูกเขาสะกดจิตอย่างแน่นอน

ไม่ได้ พวกเขาสองคนไม่สามารถรักกันได้ นางคือไป๋ชิงหลิง คืออดีตภรรยาของหรงฉี่

ในสายตาของจักรพรรดิเหยา นางเป็นคนที่ไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์และเป็นผู้หญิงที่สมควรตายที่ตั้งครรภ์เด็กป่าเถื่อน

ในสายตาของหรงเยี่ย นางคือไป๋เจาเสวี่ย!

ในวันที่ความจริงถูกเปิดเผย เกรงว่าเขาจะเป็นเหมือนกับท่านอ๋องต้วนเช่นนั้น......ที่อดไม่ได้อยากจะฆ่านางให้ตาย

นางหันหน้าไปทางอื่นอย่างเจ็บปวดและกล่าวว่า "ท่านหยุดพูดได้แล้ว หากท่านอ๋องฮุ่ยตายไป เช่นนั้นข้าก็ยังเป็นพระชายาฮุ่ย แต่งงานกับภรรยาของคนอื่นแถมยังเคยมีลูกมาก่อน นี่ถือเป็นเรื่องตลกและท่านเองจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่น!"

"ข้าไม่สน!"

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกพูดไม่ออกกับคำว่า "ข้าไม่สน" ของเขา

ใบหน้าที่สง่างามของหรงเยี่ยนิ่งเฉย ป้อนน้ำแกงในมือก็ป้อนเข้าปากนางอีกครั้ง "อุ่นแล้ว กินเข้าไปหน่อยเถอะ เลือดออกมามากมายเช่นนี้ ควรจะบำรุงกลับเข้าไปบ้าง"

ไป๋ชิงหลิงตกอยู่ในสถานะพ่ายแพ้และรู้สึกว่าตัวเองน่าขบขัน

นางกัดฟันกรอด "ท่านไม่ฟังอะไรบ้างเลย ท่านกลับไปคิดไตร่ตรองให้ดี แม่นางหลานก็ดูดีไม่น้อย"

"เจ้าน้อยใจอย่างนั้นหรือ"

"ข้าเปล่า"

"วันนั้นคุณหนูหลานได้รับบาดเจ็บที่เท้า พี่ชายของนางจึงฝากนางไว้กับข้า ข้าเพียงแค่ส่งนางไปยังประตูวัง และในใจของแม่นางหลานก็มีคนอื่นอยู่แล้ว"

"เกี่ยวอะไรกับข้า"

ไป๋ชิงหลิงไม่อยากสนใจเขา และไม่ต้องการดื่มน้ำแกงที่เขาป้อนด้วยเช่นกัน

นางคิดไม่ถึงเลยว่า คนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตที่คนภายนอกต่างพูดถึง จะกลายเป็นคนที่หน้าด้านหน้าทนเช่นนี้

ที่เอาแต่เกาะแกะรบกวนนาง

หรงเยี่ยเห็นว่านางเอาแต่ใจ จึงได้วางช้อนในมือลงและยกถ้วยขึ้นมา จากนั้นดื่มน้ำแกงเข้าไปคำใหญ่

วินาทีต่อมา เขาจับใบหน้าของนางและก้มศีรษะลง จากนั้นป้อนน้ำแกงเข้าปากของนางผ่านริมฝีปากของเขา

นางดิ้นรน

ทว่านางจะมีเรี่ยวแรงได้อย่างไร เมื่อมือและเท้ายกขึ้นมาก็ถูกหรงเยี่ยกดกลับลงไปที่เตียงอีกครั้ง

เมื่อป้อนเสร็จหนึ่งคำ เขาก็เตรียมป้อนคำที่สองอีกครั้ง

น้ำแกงถ้วยนั้นจึงได้หมดลงด้วยการที่เขาใช้วิธีการป้อนเช่นนี้

และทำให้สีหน้าของไป๋ชิงหลิงค่อยๆ กลับมามีเลือดฝาดขึ้นอีกครั้ง ทว่ากลับเป็นเพราะความโกรธหรงเยี่ย

และเมื่อหรงเยี่ยปล่อยนางออก ไป๋ชิงหลิงก็ได้จ้องมองเขาตาเขม็งด้วยความโกรธ

หรงเยี่ยเห็นนางเช่นนี้ ริมฝีปากของเขาจึงเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ "รสชาติไม่เลวเลย"

"ท่าน......"

เขาก้มลงอีกครั้ง และวางข้อศอกทั้งสองไว้ข้างศีรษะของนาง จากนั้นจับใบหน้าเล็กๆ ของนางไว้ในฝ่ามืออันอบอุ่นของเขา

"เจาเสวี่ย ของที่ข้าต้องการ ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน เจ้าหยุดหลอกตัวเองได้แล้ว"

ไป๋ชิงหลิงนิ่งเงียบ

ลมหายใจของเขาแผ่ซ่านมาที่ใบหน้าของนาง ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

"ข้าและแม่นางหลานเป็นพี่น้องร่วมตายด้วยกันในสนามรบ นางไม่มีทางแต่งงานกับข้า และข้าก็ไม่มีทางแต่งงานกับนาง วันนั้นที่พูดกันที่หน้าประตูวัง ข้าไม่ได้พูดให้เจ้าได้ยิน ข้าและนางต่างก็ไม่ต้องการเป็นสิ่งของที่ยอมสละชีวิตตัวเองแต่งงานเพื่อเรื่องราวของผลประโยชน์ หากเป็นดังที่เจ้าพูดมา ข้าอาจจะกำลังรอใครสักคนที่สามารถอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าไปจนแก่เฒ่า เพียงแต่ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นมาก่อนจนข้าได้มาเจอเจ้า"

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกตกตะลึงขึ้นอีกครั้งเพราะคำพูดของเขา

นี่คงเป็นครั้งแรกที่หรงเยี่ยพูดความในใจของตัวเองออกมาต่อหน้านาง

นางคิดมาตลอดว่าหรงเยี่ยเป็นคนไม่มีจิตใจ และในหัวของเขาก็มีแต่เขาเพียงคนเดียว

เขายกมือข้างหนึ่ง ประกบฝ่ามือของเขาไปที่ฝ่ามือของนางและประสานกันไว้เช่นนั้น

ไป๋ชิงหลิงมองไปที่ฝ่ามือที่ถูกประสานไว้ นางกัดฟันกรอดและอดทนเก็บกั้นแนวป้องกันสุดท้ายไว้

นางสูดหายใจลึกและจ้องมองเขาโดยไม่กะพริบตา "ข้าไม่ใช่ไป๋เจาเสวี่ย ท่านไม่กลัวว่าข้าจะเป็นนักลอบสังหารจากแคว้นของศัตรู หรืออดีตของข้าจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์อย่างนั้นหรือ"

"อดีตของเจ้าเกี่ยวอะไรกับข้า" แววตาของหรงเยี่ยแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เขาประสานฝ่ามือของนางไว้แน่น

น้ำตาที่คลอเบ้าของไป๋ชิงหลิง กลิ้งไปมาราวกับคลื่นพลบค่ำแล้วก็ตกลงมาจากดวงตาของนาง

เขาจูบริมฝีปากของนางอีกครั้งอย่างอ่อนโยนและพิถีพิถัน ราวกับว่าเขากำลังจะลิ้มรสผู้หญิงที่มีเสน่ห์ภายใต้ร่างกายเขาอย่างช้าๆ

กำแพงสูงในใจของไป๋ชิงหลิง ได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

นางกอดรัดคอของเขาไว้และตอบสนองต่อการจูบของเขา

ผ่านไปนาน......

หรงเยี่ยโอบกอดร่างกายของนางและนอนอยู่ข้างกายของนาง "ร่วมมือกับข้าจัดการท่านอ๋องฮุ่ย"

"ข้ามีแผนการของตัวเอง" ไป๋ชิงหลิงขดตัวในอ้อมแขนของเขา "ท่านอย่าได้วู่วาม"

"เพียงเพื่อกู่โลหิตอย่างนั้นหรือ อันตรายเกินไป" น้ำเสียงของหรงเยี่ยเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกไม่พอใจและนางได้หันหน้าไปโดยไม่พูดอะไร

หรงเยี่ยหรี่ตาชำเลืองมองนางที่แฝงไปด้วยการประนีประนอม "ปล่อยน้อยลงหน่อย!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น