สรุปตอน บทที่ 161 สอบสวนจุดเกิดเหตุ – จากเรื่อง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดย พระจันทร์ขี้เมา
ตอน บทที่ 161 สอบสวนจุดเกิดเหตุ ของนิยายการเกิดใหม่เรื่องดัง ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น โดยนักเขียน พระจันทร์ขี้เมา เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ไป๋ชิงหลิงพูดจบ ทุกคนถึงกับตกใจอ้าปากค้าง
แม้ว่าขุนนางชันสูตรศพทั้งสองเคยชันสูตรสาเหตุการตายของเด็กแล้วว่าเป็นการอดตาย แต่ทว่าเมื่อฝ่ายของไป๋ชิงหลิงยืนยันสาเหตุการตายของเด็ก ๆ แล้ว
ผู้คนในศาลต่างก็รู้สึกว่าเป็นกลอุบายที่เหี้ยมโหดของฆาตกร
สีหน้าของใต้เท้าเว่ยเริ่มอยู่ไม่สุข
เขาลูบคลำที่เคราพร้อมขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก “ทำไมพวกนั้นถึงกล้าที่จะทำได้โหดเหี้ยมเยี่ยงนี้ มิสู้ฆ่าเด็กไปเลยมิดีกว่ารึ หลับทำให้พวกเด็กที่น่าสงสารเหล่านั้นต้องอดตาย น่ารังเกียจยิ่งนัก!”
ในคราวนี้ หรงเย่ยกผลชันสูตร พร้อมพูดอย่างเสียงต่ำว่า “ต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะตรวจสอบพิษนี้ได้”
“ข้าขอเวลาอีก 3 วัน”
“ให้เร็วที่สุด” เขาจ้องไปที่ผลชันสูตรนั้น และคิดว่าเป้าหมายสูงสุดของฆาตกรคือการที่จะใช้ยาพิษกับเด็กเป็นอย่างแน่
ไป๋ชิงหลิงมองไปที่หรงเย่และถามว่า “นายท่านก็คิดเหมือนกันใช่ไหม ว่ามีในร่างกายของเด็กมียาพิษอยู่”
"อืม!" หรงเย่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งของเขาก็ดูอ่อนโยนขึ้น น้ำเสียงการพูดก็ไม่เผด็จการเหมือนก่อน "พวกมันฆ่าและอำพรางศพ ในตอนที่ใต้เท้าเว่ยพบศพเด็กเหล่านั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ที่ก่อเหตุ พวกมันจงใจที่ต้องการจะบอกทุกคนว่ามันได้ฆ่าพวกเด็ก ๆ ไปแล้วกี่ศพ และจงใจบอกจุดที่เอาศพไปซ่อน"
ใต้เท้าเว่ยพยักหน้า "สิ่งที่ท่านอ๋องพูด ข้าน้อยยังพบอีกเบาะแสคือเด็ก ๆ ที่ถูกจับตัวมาล้วนแต่เป็นเด็ก ๆ จากในหมู่บ้านที่ครอบครัวฐานะที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ทว่าพวกมันนำศพเด็กไปไว้ทั่วทุกสารทิศทั้งภาคเหนือ ใต้ ตะวันตก และในตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสในภาคตะวันออก"
ไป๋ชิงหลิงตั้งใจฟังใต้เท้าเว่ยอย่างละเอียด และได้เจออีกข้อสงสัย "ใต้เท้าเว่ย ทั้งสามที่นั่นรวมทั้งหมดมีกี่ศพแล้ว"
ในขณะที่ไป๋ชิงหลิงเอ่ยคำถามนี้ ทั้งหรงเย่และใต้เท้าเว่ยก็หันไปมองที่หน้าของเขา
แม้แต่ขุนนางชันสูตรศพทั้งสองยังถึงกับขมวดคิ้ว
ใต้เท้าเว่ยก็รีบยกนิ้วนับจำนวนศพเด็ก ๆ
หรงเย่พูดออกมาก่อน "ภาคเหนือ 6 ศพ ภาคใต้ 6 ศพ และภาคตะวันตก..."
ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปมองไป๋ชิงหลิง ราวกับว่าเจอตรรกะอะไรบางอย่าง
ใต้เท้าเว่ยที่อยู่ข้างหลังพูดออกมาอย่างตกใจว่า "ศพที่เกิดขึ้นในวันนั้น คือศพที่หก!"
ไป๋ชิงหลิงถามด้วยสายตาอันหนักแน่น "จุดทิ้งศพทั้งสามอยู่แห่งใด"
ใต้เท้าเว่ยกวักมือสั่งให้นายทหารข้างหลังรีบนำสมุดบันทึกมาให้
และเปิดข้อมูลของผู้ตายทีละคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
"ล้วนแต่อยู่ที่หมู่บ้านชานเมือง และต่างก็งมศพขึ้นมาจากทะเลสาบหมิง"
หรงเย่ส่งสายตาให้ใต้เท้าเว่ยส่งสมุดบันทึกไปให้ไป๋ชิงหลิง
เขายื่นมือออกไปรับและเปิดดูอย่างระมัดระวัง ความคิดในใจที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เริ่ม ๆ ที่จะชัดเจนมากขึ้น
ไป๋ชิงหลิงเปิดสมุดบันทึกดูพร้อมพูดขึ้นมาว่า "บ่อน้ำในเมืองหลวงส่วนใหญ่ล้วนแต่ไหลมาจากทะเลสาบหมิง ฉันต้องรีบกลับไปตรวจหายาพิษในเลือดของเด็กพวกนั้น"
"เจอเบาะแสอะไรเพิ่มอีกแล้วใช่หรือไม่?" ใต้เท้าเว่ยเห็นหน้าตาที่ไร้ความรู้สึกและความหวาดกลัวภายในใจของเธอ
ไป๋ชิงหลิงปิดหนังสือลง "ใต้เท้าเว่ย ท่านช่วยจับตาดูภาคตะวันตกเป็นพิเศษ เพราะนั่นอาจจะเป็นพื้นที่ถัดไปในการก่อเหตุ ฆาตกรจะต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน"
"รับทราบ" ใต้เท้าเว่ยไม่อยากจะรอแม้สักวินาทีเดียว เขารีบหันกลับไปสั่งให้ทหารทุกนายออกเดินทางไปที่ภาคตะวันตกทันที
หรงเย่ที่หน้านิ่วคิ้วขมวด "ใต้เท้าเว่ย ท่านไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นหรอก เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ท่านจัดการเรื่องในเมืองหลวงนี้รอข้าดีกว่า"
"จะให้ข้าน้อยรออยู่ในเมืองหรือ?" ใต้เท้าเว่ยรู้สึกเป็นกังวลใจ
ถ้าหากมีพบศพเพิ่มอีก 6 ศพ ไม่รู้ว่าในเมืองจะตื่นตระหนกมากขนาดไหน แถมตอนนี้มีผู้คนที่ทราบเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาพวกชาวบ้านหวาดกลัวกัน
เพราะเหตุนี้ทำให้เขานั่งรอเฉย ๆ ไม่ได้
"ถ้าเกิดใต้เท้าเว่ยรู้สึกว่างเกินไปละก็ งั้นก็ไปเดินสำรวจรอบนอกหมู่บ้าน ไปเยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียเหล่านั้น" หรงเย่พูดจบ ก็หยิบสมุดบันทึกในมือของไป๋ชิงหลิงส่งคืนให้ใต้เท้าเว่ย
ใต้เท้าเว่ยตระหนักได้ถึงเจตนารมณ์ของเขาได้ในทันที "ในเมื่อมาขนาดนี้แล้ว ข้าจะเข้าไปในเมืองเพื่อสั่งการปิดบ่อน้ำ"
ไป๋ชิงหลิงกล่าวขอบคุณ และเดินออกไปจากศาลาว่าการ
ในตอนที่เดินออกจากศาลาว่าการ หรงเย่ก็ไปเดินจากไปแล้ว ไป๋ชิงหลิงถอนหายใจอย่างเบา ๆ กลัวว่าจะมาแอบดักรออยู่ด้านนอก
คนของฮุ่ยอ๋องคอยจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของแม่นางไป๋ ถ้าเกิดเห็นความสัมพันธ์ของหรงเย่และแม่นางไป๋พัวพันกัน เกรงว่าเขาคงไม่ต้องรอถึงชีวิตหลังแต่งงานหรอก
เมื่อแม่นางเดินไปถึงรถม้า คนรับใช้ก็นำเก้าอี้เล็กมาให้นางเหยียบขึ้นไปนั่งในรถม้า
แต่เมื่อพอนางเปิดม่านออกก็พบกับเงาของใครบางคนที่นั่งตัวตรงอยู่ในรถม้าของนาง
ไป๋ชิงหลิงตกใจ รีบเดินเข้าไปนั่งในรถม้าและปิดประตูอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน หรงเย่ยื่นมือไปโอบเอวของนางแล้วกอดนางไว้ในอ้อมอกของเขา
นางนั่งอยู่บนตักของเขา มือทั้งสองข้างพาดไว้บนไหล่ของหรงเย่ นางดุหรงเย่ด้วยเสียงต่ำด้วยความรำคาญ "ท่านขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าเกิดฮุ่ยอ๋องจับได้ ชีวิตของข้าไม่เหลือแน่"
เมื่อถึงเวลานั้นฮุ่ยอ๋องก็บีบให้นางตาย จักรพรรดิเหยาก็ไม่กล้าพูดอะไร
ข่าวการแต่งงานของนางกับฮุ่ยอ๋องทั้งใต้หล้าต่างก็รับรู้ แต่หรงเย่กับมีบาดหมางกับฮุ่ยอ๋อง ถูกว่าที่เจ้าบ่าวกระทำเยี่ยงท่อนเหล็ก ชีวิตนางถึงตายก็ไม่เสียดาย
ผู้ชายคนนี้เก่งมากในการหาเรื่องใส่หัวให้นาง
นางในตอนนี้ไม่แน่ใจว่าถ้าหรงเย่ยืนอยู่ข้างนาง หรือว่าแอบเข้าไปในห้องของนาง เกรงว่าพอไม่ทันระวังจะล้มและกระดูกหักตาย
นางออกแรงผลักร่างของเขาพลางพูดว่า "ท่านรีบลงไปเสียเถิด"
"ตอนนี้ลงไม่ได้ ฮุ่ยอ๋องส่งทหารยี่สิบกว่านายติดตามเจ้ามา"
"ยี่สิบกว่านาย!" ไป๋ชิงหลิงดูท่าทีเป็นกังวลอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...