ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 162

ศีรษะของไป๋ชิงหลิงรู้สึกมึนงง มือจับเสื้อผ้าของเขาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวและถามด้วยความโกรธว่า"แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร?"

"หน้าต่าง!"

ไป๋ชิงหลิงหันมองกลับไป

รถม้าที่ติ้งเป่ยโหวมอบให้นางนั้นช่างหรูหราและมีพื้นที่กว้างขวาง

ขนาดของหน้าต่างรถม้าใหญ่กำลังพอดีสำหรับคนที่ปีนเข้าไป แต่ว่าปีนหน้าต่างจะไม่ทำให้คนสะดุดตามากกว่าหรือ

"เจ้าจะฆ่าหรงเยี่ยของข้า เจ้าควรรีบหาทางหนีไป"

"ไม่ต้องกังวล"หรงเยี่ยตัดผมให้นางจากนั้นก็ใช้ทั้งห้าของเขาสอดเข้าไปในเส้นผมของนางแล้วจับหลังศีรษะของนางไว้แน่นแล้วพูดว่า"พวกเขาไม่เห็นว่าข้าอยู่ในรถม้าของเจ้าหรอก"

"จริงหรือ!"

"จริง"

"ข้าไม่เชื่อ ข้าลงจากรถม้าก่อนดีกว่า"ถ้าท่านอ๋องฮุ่ยตรวจมาถึงรถม้านางจะได้โยนความรับผิดชอบให้ท่านอ๋องหรงได้

ไม่ว่าท่านอ๋องฮุ่ยจะหยิ่งยโสเพียงใดเขาก็ไม่สามารถโจมตีท่านอ๋องหรงในที่สาธารณะได้

แม้ว่าเขาจะมีพลังที่มากมายมหาศาลแต่เขาก็ไม่สามารถอยู่เหนือกว่าพลังของจักรพรรดิได้

นางลุกขึ้นและกำลังจะจากไปแต่กลับถูกหรงเยี่ยรั้งเธอไว้ในอ้อมแขน

เขาใช้มือโอบเอวบางของนางไว้ กดริมฝีปากบางของเขาที่ข้างหูของนางแล้วพูดว่า"ข้าส่งคนไปล่อไอ้คนชั่วที่ท่านอ๋องฮุ่ยส่งมาแล้ว เจ้าจงอยู่ในรถม้าอย่างสบายใจเถิดแล้วอีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปที่รถม้าคันอื่น"

"ท่านจะพาข้าไปที่ไหน อย่ามายุ่งกับข้า"การแต่งงานกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ถึงแม้ว่าแผนการของนางจะยังไม่ประสบผลสำเร็จ แต่นางเชื่อว่าตราบใดที่ท่านอ๋องฮุ่ยยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเขาจะปล่อยให้นางเข้าไปในค่ายทหารได้

นางไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้

หรงเยี่ยมองนางด้วยสายตาแน่วแน่"เจ้าจะไม่เชื่อใจคนอื่นก็ได้ แต่เจ้าต้องเชื่อใจข้า หลอกล่อคนของท่านอ๋องฮุ่ยแล้วพาเจ้าออกไปจากรถม้าคันนี้ข้าก็ทำได้อย่างไม่ยาก"

นางตกใจมองตาเขาด้วยสายตาที่ลุกโชนแล้วก็เงียบลงอย่างมีเลศนัย

รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไป๋ชิงหลิงถูกเขาจับไว้ในอ้อมแขนแล้วเขาก็จูบลงไปที่ริมฝีปากของนาง

บรรยากาศในรถม้าเริ่มคลุมเครือ

นางใช้มือจับเสื้อของหรงเยี่ยเอาไว้แน่น หายใจอย่างไม่เป็นจังหวะในอ้อมแขนของหรงเยี่ย"หรงเยี่ย พอแล้ว อย่าทำแบบนี้... อื้อ..."

เขาพลิกตัวไปมาอย่างดุเดือดพร้อมกับจูบหนักๆไปที่นางเพื่อชดเชยความคับข้องใจและความเศร้าโศกทั้งหมดที่เขาได้รับในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

เขาไม่เคยปฏิบัติต่อตนเองในทางที่ไม่ดี ในเรื่องกามารมณ์เขามีหรือไม่มีก็ได้แต่เมื่อใดที่เขาพบสิ่งที่ต้องการเขาก็จะไม่พยายามหักห้ามใจตนเอง

เมื่อพบผู้หญิงที่ชอบโดยธรรมชาติก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายให้ต้องพิจารณา

ชอบก็คือชอบ

เขาชอบที่จะจูบนาง เขาไม่อยากปฏิเสธสิ่งที่ตนเองต้องการ

ไป๋ชิงหลิงเวียนหัวจากการถูกเขาจูบ อาการวิงเวียนศีรษะนี้ไม่ได้เกิดจากการเสียเลือดมากไปแต่เป็นอาการที่คล้ายกับว่ามีความสุขเหมือนได้ลอยขึ้นไปบนก้อนเมฆมากกว่า

เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ พวกเขาก้มหน้าลงปล่อยให้ลมหายใจของพวกเขาประสานกัน

นางซบศีรษะไปที่แขนของเขาพร้อมกับถามเบาๆว่า"ท่านจะพาข้าไปไหนหรือ?"

"จวนอ๋องหรง"

"ข้าไปนานนักไม่ได้"

"กินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนข้ากับจิ่งหลินสักมื้อเถิด ช่วงนี้เขาอารมณ์เสียและกินเยอะ"

เอ่อ...

หรงจิ่งหลินมักจะไม่กินอะไรเมื่อเขาอารมณ์เสียไม่ใช่หรือ

"เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าออกจากรถม้า เจ้าต้องหลับตา"

"ท่านจะทำอะไร จะพาข้าออกไปได้อย่างไรคนของท่านอ๋องฮุ่ยมองมาที่ข้าอย่างไม่วางตา แบบนี้อันตรายมาก"หัวใจของไป๋ชิงหลิงเริ่มเต้นเร็วขึ้นจากการที่หรงเยี่ยทำให้นางรู้สึกกังวล

หรงเยี่ยพูดให้นางหายกังวล"หลับตาซะ เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น"

นางจ้องไปที่เขาแต่ก็ไม่ได้ทำตามที่เขาบอก ในใจของนางรู้สึกกังวลมาก นางใช้มือทั้งสองข้างจับเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

เขาเกลี้ยกล่อมนางเบาๆ วางมือบนใบหน้าและปิดที่ตาของนาง"หลับตาซะ คนของข้ามาแล้ว"

ทันทีที่เขาเอาฝ่ามือออกไป๋ชิงหลิงก็หลับตาลงวินาทีต่อมานางก็รู้สึกเหมือนตนเองถูกเหวี่ยงออกไป

ความกังวลนั้นถึงแม้ว่าจะทำให้นางอยากตะโกนออกมาแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อนางลืมตาขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่บนรถม้าอีกคันหนึ่งแล้ว

หรงเยี่ยเข้ามาทางประตูด้านข้างของรถม้าและปิดประตูรถม้าด้วยความรวดเร็ว

เขาเอื้อมมือลงไปดึงไป๋ชิงหลิงขึ้นจากพื้นแล้วกอดนางไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง

ไป๋ชิงหลิงคว้าแขาของเขาเอาไว้ ในใจรู้สึกหวาดกลัวมาก"ข้าจะไม่มีวันออกไปไหนกับท่านอีก ท่านไม่ควรขึ้นมาบนรถม้าของข้าอีกแบบนี้มันเสี่ยงเกินไป"

"งั้นก็เปิดเผยความบริสุทธิ์ใจไปเลย"

"ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับท่านนะ" ไป๋ชิงหลิงขมวดคิ้วลุกออกจากตัวเขาแล้วนั่งลงบนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

หรงเยี่ยเอนตัวลงพิงที่นั่ง มองผู้หญิงตรงข้ามแล้วหัวเราะเบาๆ

ไป๋ชิงหลิงจ้องมาที่เขา

รถม้าหยุดอยู่ที่ประตูหลังของจวนอ๋องหรง ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเหมือนตนเองเป็นขโมยเมื่อเดินเข้าไปในจวน

หรงเยี่ยจูงมือนางเดินตรงไปยังหอเป่าซิน

เมื่อคนรับใช้ในจวนเห็นหรงเยี่ยเดินจูงมือไป๋ชิงหลิงเข้ามาพวกเขาทั้งหมดก็ตกใจ

จากนั้นก็คุกเข่าลงอย่างรวดเร็วเพื่อทำความเคารพหรงเยี่ย

หรงเยี่ยเหลือบมองไปที่สาวใช้อย่างไม่แยแสแล้วถามว่า"ซื่อจื่อล่ะ?"

สีหน้าของสาวใช้เปลี่ยนไปอีกครั้งพร้อมกับมองไปทางห้องอาหารอย่างเงียบๆแล้วตอบอย่างสุภาพว่า"ซื่อจื่อน้อยยังคงรับประทานอาหารอยู่ในห้องอาหารเพคะท่านอ๋อง"

"รับประทานอาหาร?"หรงเยี่ยขมวดคิ้วทันที"ยังไม่ถึงเวลาอาหารเลยนี่ มื้อเช้าก็กินไปแล้วจะกินอีกทำไม"

สาวใช้ตัวสั่นตอบกลับว่า"ท่านอ๋อง ซื่อจื่อไม่ออกจากห้องอาหารเลยและไม่หยุดกินอาหารเลย"

ใบหน้าของไป๋ชิงหลงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้"กินตลอดมันจะไม่ส่งผลดีกับเขา รีบไปหยุดเขาเดี่ยวนี้"

หรงเยี่ยจูงมือไป๋ชิงหลิงตรงไปที่ห้องอาหาร

เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องอาหารพวกเขาก็เห็นแม่นมซั่งยืนอยู่ข้างๆหรงจิ่งหลินเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา

หรงจิ่งหลินถือขาหมูไว้ในมือทั้งสองข้างและกินมันเข้าไปอย่างเต็มปากเต็มคำ เขาดูทรมานและเจ็บปวดมากตอนกินกินไปด้วยอาเจียนไปด้วย เห็นได้ชัดว่ากินอิ่มแล้วแต่ก็ยังต้องกินอีก

ไป๋ชิงหลินตะโกน"จิ่งหลิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ"

หรงจิ่งหลินตัวแข็งทื่อเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังทางเข้าประตู เมื่อเห็นเงาร่างสีน้ำเงินเย็นยะเยือกยืนอยู่ตรงนั้นหรงจิ่งหลินก็ใช้มือที่เปื้อนเปรอะไปด้วยคราบน้ำมันเช็ดไปที่ดวงตาเพราะคิดว่าตนเองเห็นภาพหลอนแน่ๆ

ท่านแม่จะมาที่จวนอ๋องหรงได้อย่างไร

แต่ในชั่วพริบตา เงาร่างสีนำ้เงินเย็นยะเยือกนั้นก็เดินมาหาเขา

จนกระทั่งไป๋ชิงหลิงมายืนอยู่ตรงหน้าเขา หรงจิ่งหลินถึงจะเชื่อว่าท่านแม่ของเขามาแล้วจริงๆ

เนื้อในมือของเขาตกลงบนพื้นทันทีจากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปหาไป๋ชิงหลิงเอามือทั้งสองโอบขาของไป๋ชิงหลิงไว้ เขาร้องไห้แล้วพูดว่า"ท่านแม่ ท่านมาหาข้าแล้ว"

"แหวะ"

หรงจิ่งหลินตื่นเต้นทำให้อาเจียนสิ่งที่กินออกมาก

ไป๋ชิงหลิงย่อตัวลงด้วยความเจ็บปวดใจ พยุงเขาไว้มือข้างนึงวางลงบนหลังและลูบหลังของเขา

"แหวะ"หรงจิ่งหลินอาเจียนอีกครั้ง

อาเจียนยาและอาหารที่เพิ่งกินไปจนหมด อีกทั้งยังอาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกด้วย

เมื่อเห็นเลือดไป๋ชิงหลิงก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

แม่นมซั่งตะโกนเสียงดัง"เหตุใดจึงอาเจียนเป็นเลือดอีกแล้วหมอซู หมอซู..."

แม่นมซั่งเป็นคนที่รู้จักสภาพร่างกายของหรงจิ่งหลินดีที่สุด เมื่ออาเจียนเป็นเลือดแสดงว่าร่างกายเขาได้รับยาพิษอีกแล้ว แม่นมซั่งไม่มีเวลามาถามไถ่ไป๋ชิงหลิงว่าเหตุใดนางจึงอยู่ที่นี่ แม่นมซั่งจึงรีบวิ่งออกจากห้องอาหารไปเพื่อตามหาหมอซู

ไป๋ชิงหลิงอุ้มหรงจิ่งหลินขึ้นมา หันกลับไปมองหรงเยี่ยแล้วพูดว่า"เขาป่วย!"

"ไม่ใช่ ท่านแม่...ข้าไม่ได้เป็นอะไร"หรงจิ่งหลินเช็ดเลือดออกจากมุมปากของเขาและตอบว่า"ข้าแค่กินเยอะเกินไป ท้องของเลยรู้สึกอึดอัด"

"เหตุใดเจ้าจึงกินอยู่ตลอด กินเยอะเกินไปก็ทำให้ร่างกายไม่ดีนะ"ไป๋ชิงหลิงพูด

หรงจิ่งหลินมองไปที่หรงเยี่ย"ข้าต้องกินเยอะหน่อยร่างกายถึงจะเติบโต ข้าเป็นพี่ชายแท้ๆแต่กลับตัวเตี้ยกว่าเซิงเอ๋อร์นิดหน่อย"

"เจ้า..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น