ไป๋ชิงหลิงถูกเขาขัดจังหวะ จากนั้นนางจึงจ้องมองไปที่เขา"ใช่ เขามีดวงตาที่กลมโต ข้าก็เช่นกัน ดังนั้นการที่ดวงตาของข้ากับจิ่งหลินคล้ายกันมากก็เป็นเรื่องที่ปกติ ดวงตาของเซิงเอ๋อร์ก็เหมือนข้า ถ้าเช่นนั้นจิ่งหลินก็สามารถเป็นลูกชายของข้าได้งั้นหรือ"
ขอบดวงตาที่คมกริบของหรงเยี่ยร้อนผ่าว เขากอดแขนนางแน่นขึ้น
การกระทำของเขาทำให้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกหายใจไม่ออก
นางใช้มือผลักไปที่อกของเขา"ท่านกอดข้าแน่นเกินไป ข้าหายใจแทบไม่ออก"
พูดจบนางก็ผลักเขาอีกครั้ง
จู่ๆหรงเยี่ยก็จับไปที่ข้อมือของนาง"เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเอ๋อร์ซือคือลูกชายของเจ้า"
สีหน้าของไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่อยากคุยเรื่องลูกกับหรงเยี่ยอีกแล้ว
ภูมิหลังของซือเอ๋อร์กับไป๋ชงเซิงเป็นความลับของนาง
นางแก้ตัวว่า"บนร่างกายของเอ๋อร์ซีมีปานอยู่และอยู่ในจุดที่ไม่ได้เห็นง่ายๆ เพียงแค่ข้าเห็นปานนั้นข้าก็รู้ทันทีว่าเอ๋อร์ซือเป็นลูกชายของข้า หากท่านอ๋องสงสัยถึงการมีอยู่ของเอ๋อร์ซือเช่นนั้นท่านก็คงต้องอยู่ห่างข้า"
สัมผัสที่หกของไป๋ชิงหลิงบอกนางว่าหรงเยี่ยไม่ชอบการปรากฏตัวของซือเอ๋อร์เป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นซือเอ๋อร์หรือเซิงเอ๋อร์ไป๋ชิงหลิงก็จะไม่ยอมทิ้งใครไปทั้งสองคนต่างเป็นเลือดเนื้อของนาง
จริงๆรื่องของความรู้สึกไม่ต้องฝืนกันหรอก ไม่เช่นนั้นชีวิตอีกยาวไกลของเรานั้นจะทำอย่างไร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางไม่เคยคิดที่จะแต่งเข้ามาในจวนอ๋องหรงเลย
ตอนนี้นางถูกขังอยู่ในอ้อมแขนของเขานางทำตัวไม่ถูก
หากนางไม่ตอบตกลงหรงเยี่ยจะกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของนาง เขาอาจจะให้ทหารองครักษ์เหยี่ยวดำขุดคุ้ยถึงบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของนาง
แค่ท่านอ่องฮุ่ยคนเดียวก็พอแล้ว นี่ยังจะมีท่านอ๋องหรงอีก นางกลัวว่าชีวิตนี้จะถูกฝังอยู่ที่เมืองเฉาจิง
เขาเห็นนางโกรธแต่ไม่อาละวาด เขาปล่อยนิ้วเรียวยาวจากคางของนางแล้วพูดว่า"เจ้ากังวลอะไร ข้าไม่ได้ให้เจ้าไม่รู้จักลูกชายของเจ้าสักหน่อย แต่เจ้าต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับจิ่งหลิน อย่าทำให้เขาผิดหวัง"
"ข้า..."เสียงของไป๋ชิงหลิงค่อยๆหายไป นางเงยหน้ามองหรงเยี่ยแล้วพูดว่า"ข้าควรกลับได้แล้ว เซิงเอ๋อร์หาแมวไม่เจอเลยร้องไห้มาหลายวันแล้ว หากนางไม่เห็นข้าอีกนางจะยิ่งเศร้า"
"ได้"
เขาพานางเดินไปที่ประตูหลัง รถม้าของจวนท่านอ๋องจอดไว้ที่หน้าประตูหลังพอดี หรงเยี่ยจึงอุ้มนางขึ้นรถม้า
ไป๋ชิงหลิงไม่กล้ายืนอยู่ข้างนอกนาน ทันทีที่ขึ้นไปบนรถม้านางก็เข้าไปข้างในทันทีโดยไม่แม้แต่จะบอกลาหรงเยี่ยและสั่งให้คนขับขับออกไป
หลังจากไปชิงหลิงออกจากจวนหรงเยี่ยก็หันกลับมาทันทีเขาหรี่ตาลงและสิ่งที่ไป๋ชิงหลิงพูดก็กลับเข้ามาในความคิดของเขา
"ท่านไม่กลัวว่าข้าจะเป็นนักข้าจากประเทศศัตรูหรือ หรือบรรพบุรุษอาจมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์"
บรรพบุรุษเกี่ยวข้องกับราชวงศ์
เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องต้วน
นางมีความแค้นต่อพระชายาต้วน
หลังจากที่นางถูกคนในจวนอ๋องต้วนจับตัวไปก็พบเด็กอีกคนหนึ่ง
"ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกว่าซื่อจื่อน้อยกับแม่นางเจาเสวี่ยมีดวงตาที่คล้ายกันมาก"
"การที่ดวงตาของข้ากับจิ่งหลินคล้ายกันมากก็เป็นเรื่องที่ปกติ ดวงตาของเซิงเอ๋อร์ก็เหมือนข้า ถ้าเช่นนั้นจิ่งหลินก็สามารถเป็นลูกชายของข้าได้งั้นหรือ"
คำพูดของแม่นมซั่งกับคำพูดของไป๋ชิงหลิงยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด
เมื่อนึกถึงทุกการเคลื่นไหวของไป่ชิงหลิงในเมืองเฉาจิง ดูเหมือนว่า....มีปัญหาใหญ่จริงๆ
อิงอู่คุกเข่าข้างหนึ่งรอให้หรงเยี่ยออกคำ สั่ง
ในเวลานี้หรงเยี่ยพูดว่า"ผู้หญิงที่เจ้าพาออกมาจากจวนอ๋องต้วนในตอนนั้น"
อิงอู๋ตกใจ ดวงตาเขาสั่นเล็กน้อยแล้วพูดว่า"ข้าเป็นคนพาออกมาเองขอรับ"
"มีคนรับใช้กี่คนที่ถูกฆ่า"
"เท่าที่เห็นมีทั้งหมดแปดคนขอรับ"อิงอู๋กล่าว
"ข้าต้องการรายชื่อของแปดคนนี้"
เรื่อนชิงซิน
ในขณะที่ไป๋ชิงหลิงเดินทางนางก็ได้เปลี่นกลับไปใช้รถม้าของเรือนชิงซินเพื่อกลับจวน
ทันทีที่เดินเข้าไปในจวนก็เห็นผู้คนกลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ตรงสวนหน้าจวน
ในสวนมีกล่องของขวัญขนาดใหญ่และมีผ้าไหมสีแดงผูกอยู่บนกล่อง ด้านข้างของกล่องของขวัญทั้งสองด้างมีตัวอักษร"ซังฮี้"สีแดงติดอยู่
ไป๋ชิงหลิงเดินเข้าไปในสวนและถามว่า"ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้น?"
ติ้งเป่ยโหวเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเหมือนถูกล็อคไว้เขามองนางด้วยสาตตาที่กังวลและไม่มีทางเลือก
จื่ออีเดืนมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า"แม่นาง ท่านอ๋องฮุ่ยได้ส่งของกำนัลมาแล้ว เขายังขอให้ฝ่าบาทอนุญาตให้จัดงานแต่งก่อนกำหนดและบอกให้พวกเราเตรียมตัวไว้เขาจะมารับตัวเจ้าสาวในวันพรุ่งนี้"
"พรุ่งนี้! ! !"สีหน้าของไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เหตุใดท่านอ๋องฮุ่ยถึงเร่งกำหนดการที่เหลืออีกเป็นครึ่งเดือนให้มาเป็นวันพรุ่งนี้
ตอนที่นางไปหาเขาที่ค่ายทหารเมื่อเช้านี้ก็ไม่เห็นเขาพูดอะไรสักคำ
ในเวลาเพียงครึ่งวัน ท่านอ๋องฮุ่ยกำลังคิดอะไรอยู่?
"ใช่ งานแต่งจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ พระราชฎีกาของฝ่าบาทก็ลงมาแล้วท่านโหวเป็นคนรับฎีกาแทนท่านเอง"ชิงอีกล่าว
ติ้งเป่ยโหวเดินมา หยิบพระราชฎีกาออกมาแล้วมอบให้ไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงกลางพระราชฎีกาออกแล้วดูจึงพบว่าเป็นความจริง
ฝ่าบาทเปลี่ยนวันแต่งงานให้ท่านอ๋องฮุ่ยแต่งงานกับนางในวันพรุ่งนี้
ในขณะนี้ไป๋ชิงหลิงรู้สึกเย็นที่คอและในวินาทีต่อมาก็มีแขนหนาโอบรอบเอวของนางไว้ทันใดนั้นก็เขาก็กอดนางไว้
นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ในเวลาเดียวกันมีร่างคนหลายร่างออกมาจากสวน"ท่านอ๋องฮุ่ย!"
"5555555"เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังขึ้น เสียงมาจากด้านหลังของไป๋ชิงหลิง
จู่ๆหัวของไป๋ชิงหลิงก็รู้สึกมึนงง นางกำฎีกาในมือทั้งสองข้างไว้แน่นและพยายามที่จะดิ้นโดยไม่รู้ตัว
เมื่อผู้คนรับใช้ในจวนเห็นสิ่งนี้ก็แสดงท่าทีที่โกรธ
ติ้งเป่ยโหวพูดด้วนความโกรธ"ท่านอ๋องฮุ่ย หยุดเถอะ ท่านกับแม่นางยังไม่ได้แต่งงานกัน ท่านจะทำตัวไม่มีมารยาทและกอดนางได้อย่างไร"
แทนที่จะโกรธแต่ท่านอ๋องฮุ่ยกลับยิ้มแล้วพูดว่า"อีกไม่นานนางก็จะเป็นชายาของข้า ข้าจะโอบจะกอดนางไม่ได้เลยหรือ"
"แต่นางยังไม่ได้เป็นชายาของเจ้า!"
"ติ้งเป่ยโหว เจ้าอย่าทำตัวไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กอดนาง ข้าไม่เพียงแต่กอดนางแต่ยังจูบนางได้ด้วย เจ้าจะไปทำอะไรได้"ท่านอ๋องฮุ่ยก้มหน้าลงและกำลังจะจูบไปที่หน้าของไป๋ชิงหลิง
ในขณะที่เขาก้มตัวลงไป๋ชิงหลิงก็แทงแท่งเงินเข้าไปที่หลังของเขาอย่างรุนแรง
มือที่อยู่บนเอวของนางสั่นเล็กน้อยและคลายลง
ไป๋ชิงหลิงผลักมือของเขาออก หมุนตัวออกไปและหนีจากอ้อมแขนของเขา จากนั้นจึงถอยหลังสองสามก้าวเพื่อออกจากท่านอ๋องฮุ่ย
ท่านอ๋องฮุ่ยมอลลงไปที่รูเข็มบนหลังมือของเขา หัวเราะแล้วพูดว่า"พระชายาเจ้านี่ช่างน่าสนใจจริงๆ"
ไป๋ชิงหลิงทักทายเขาอย่างช้าๆแล้วพูดว่า"ท่านอ๋องฮุ่ย ท่านอยากแต่งงานกับข้าด้วยความจริงใจเพียงแค่อีกวันเดียว วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันวิวาห์และเมื่อท่านกับข้าแต่งงานกันแล้วทุกอย่างจะไม่มีปัญหา แต่ดูสิ่งที่ท่านทำวันนี้สิต่อหน้าทุกคน ข้าหน้าบาง ตอนนี้ข้าไม่อาจเก็บซ่อนใบหน้าไว้ได้ ข้าหวังว่าท่านอ๋องฮุ่ยจะยกโทษให้ข้า"
การต่อต้านและการยอมจำนนของไป๋ชิงหลิงนั้นถูกต้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องฮุ่ยได้เจอผู้หญิงอย่างไป๋ชิงหลิง ปรมาจารย์หลูบอกว่านางเป็นดาวหงส์จากอีกโลกหนึ่ง หากใครได้ผู้หญิงนี้ไปก็จะได้ใต้หล้า
ความคิดของเขาที่มีต่อนางค่อยๆดีขึ้นจากตอนแรกที่เขาเคยคิดร้ายกับนาง
นอกจากนนี้เขายังมีความอดทนต่อไป๋ชิงหลิงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากอีกต่อไป ข้าเพียงแค่มาดูเฉยๆว่าที่นี่ขาดเหลืออะไรบ้าง"
"สินสอดทองหมั้น"ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างห้วนๆ
นางไม่ได้รับอนุญาตให้นำสินสอดครึ่งหนึ่งเข้าไปในจวนอ๋องฮุ่ย
แต่ท่านอ๋องฮุ่ยกลับรู้สึกขบขันต่อคำพูดของนาง"ตราบใดที่เจ้าเข้ามายังจวนของข้า ข้าไม่สนใจเรื่องสินสอดทองหมั้นอันน้อยนิดจากจวนของติ้งเป่ยโหวหรอก"
ข้าขอบคุณสำหรับความเอื้ออาทรและความเข้าใจของท่านอ๋องฮุ่ย เช่นนั้นข้าขอกลับห้องเพื่อเตรียมก่อน กัวจ้าว ส่งแขก!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...