ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 17

ฝีเท้าของหรงเยี่ยหยุดลง

พ่อบ้านฉีกับแม่นมซั่งต่างก็หันมองหน้ากัน

ใบหน้าของท่านอ๋องของพวกเขา ไม่แสดงสีหน้าอะไรมานาน ตอนนี้ก็เช่นกัน

มันเรียบนิ่งราวกับถูกแช่แข็งมาพันปี ทำให้คนมองรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

แม่นมซั่งแอบก่นด่าอยู่ในใจ: "แม่นางไป๋ทำไมถึงได้ใช้คำว่าก้นมาเปรียบเทียบท่านอ๋อง ช่างต่ำช้าเสียสิ้นดี"

พ่อบ้านฉีเองก็แอบทอดถอนใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนอื่นใช้คำศัพท์แบบนี้

ณ เวลานี้ เสี่ยวเซิงเอ๋อร์ปล่อยมือของหรงเยี่ยออก แล้วพูดออกมาอย่างโมโห: "คนในจวนของท่านอ๋องกล้ามากลั่นแกล้งท่านแม่ของข้า แม่ข้าช่วยชีวิตซื่อจื่อจิ่งเอาไว้ก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว ท่านยังปล่อยให้คนพวกนั้นไปก่อกวนท่านแม่ของข้าอีก ตอนที่ท่านแม่ป่วย ท่านแม่ชอบหลับในที่เงียบ ๆ ท่านนี่ช่างเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องเสียจริง ทำไมถึงไม่อบรมคนรับใช้พวกนั้นบ้าง คอยรังแกท่านแม่ของข้าอยู่ได้"

หลายวันมานี้นางได้ยินคนใช้ในจวนพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับแม่ของนางไม่หยุด

คนใช้ในจวนอ๋องหรงพูดว่า

แม่ของนางนั้นมารักษาซื่อจื่อจิ่งเพราะอยากจะเอาใจท่านอ๋อง ถ้าเกิดรักษาซื่อจื่อจิ่งหายแล้ว แม่ของนางก็จะอยู่ที่จวนต่อเรื่อย ๆ ไม่ยอมไป

แม่ของนางนั้นไม่สามารถเป็นนายหญิงใหญ่ในจวนอ๋องหรงได้ นางนั้นเป็นได้แค่อนุ สตรีที่มาหาบุรุษเองนั้น เป็นได้แค่เพียงอนุชั้นต่ำสุดเท่านั้น

ความจริงแล้วนางก็ไม่ใช่คนที่จะโมโหอะไรง่าย ๆ แต่พอได้ยินคนในจวนพูดถึงและแต่งเรื่องของมารดา นางก็ร้องไห้โวยวายอยากจะเจอไป๋ชิงหลิง

แต่ว่าพวกคนรับใช้ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ นางจึงร้องไห้โวยวายอยู่ทั้งบ่าย

จนกระทั่งหรงเยี่ยกลับมา......

วันนี้พอได้เห็นฉากที่ไป๋ชิงหลิงต้อง 'ต่อสู้' อีกครั้ง ในใจของเสี่ยวเซิงเอ๋อร์เปลี่ยนจากน้อยใจเป็นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แม้แต่หนังแกะชิ้นสุดท้าย นางยังฉีกจนขาด และระบายความรู้สึกไม่พอใจต่อหรงเยี่ยในหลายวันนี้ออกมาทั้งหมด

แม่นมซั่งได้ยินนางพูดจาไร้มารยาทเช่นนั้น ก็ตกใจจนหน้าถอดสี รีบย่อตัวลงมาพูดกับนาง: "เจ้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับท่านอ๋องได้อย่างไร รีบคุกเข่าลง"

"ข้าไม่คุกเข่า แม่ของข้าสอนว่าบนโลกใบนี้ทุกคนเท่าเทียมกัน" เสี่ยวเซิ่งเอ๋อร์สะบัดมือของแม่นมซั่งออก หันหน้าไป และวิ่งเข้าไปภายในเรือน

แม่นมซั่งโมโหและร้อนใจมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น