ในวินาทีถัดมา เสี่ยวเซิงเอ๋อร์โยนเศษชิ้นส่วนขวดที่แตกในมือนางออกไป พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ในนี้มีทั้งปูนขาวและผงพริกอีกเล็กน้อย"
เสิ่นโหรวเม่ยสั่นสะท้านและเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับนัยน์ตาคู่นั้นของหรงเยี่ยโดยที่นางยังไม่ทันได้เตรียมใจ
นางรีบร้อนแก้ตัว “เป็นไปไม่ได้"
ไป๋ชิงหลิงฉีกยิ้มเย็นชา “หมอหญิงเสิ่น อย่าบอกข้านะว่า แม้กระทั่งสิ่งใดคือปูนขาวและสิ่งใดคือพริกป่นก็ยังแยกไม่ออก เจ้าอย่าได้มองว่าลูกของข้าเป็นเพียงเด็กอายุสี่ห้าขวบ แล้วจะคิดว่าคำพูดของเด็กไร้เดียงสามิอาจเชื่อได้ เซิงเอ๋อร์ของข้าติดตามข้าแยกแยะสมุนไพรมาตั้งแต่เล็ก ประสาทรับรู้กลิ่นของนางดีกว่าคนปกติทั่วไป ท่านอ๋องหรงสามารถเชิญหมอซูมาพิสูจน์ได้”
สีเลือดฝาดจางหายไปจากใบหน้าของเสิ่นโหรวเม่ย
ในเวลานี้ได้มีเสียงกรีดร้องของลี่ว์เผาดังขึ้น
เสิ่นโหรวเม่ยรีบหันไปมองลี่ว์เผา
นางเห็นอิงอู๋ที่อยู่ด้านหลังของหรงเยี่ย มิอาจรู้ได้ว่าเข้ามาประชิดตัวลี่ว์เผาตั้งแต่เมื่อใด
ดาบโค้งในมือของเขาฟันลงมายังมือทั้งสองข้างของลี่ว์เผา
คมดาบถูกฉาบไปด้วยเลือดสีแดงสด ไหลไปตามสันดาบและหยดลงมา
ลี่ว์เผากอดแขนทั้งสองข้างของตนและกลิ้งไปมากับพื้นด้วยความเจ็บปวด นางกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เสิ่นโหรวเม่ยไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยเลือดเช่นนี้มาก่อน และทันทีที่เห็นมือสองข้างที่ถูกตัดออกตกลงตรงหน้านาง
นางก็กรีดร้องและเป็นลมหมดสติไป
ไป๋ชิงหลิงรีบกอดไป๋ชงเซิงแน่น ในขณะเดียวกันก็ตกใจกับเหตุการณ์นองเลือดนี้เช่นกัน
มีนายเช่นนี้ บ่าวไพร่ในจวนอ๋องจะต้องมีชีวิตที่กดดันแน่ ๆ เมื่อพวกเขาทำผิดก็คงจะต้องตายหรือไม่ก็พิการ โอกาสจะได้ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ปกติก็คงไม่มี
สิ่งนี้ทำให้ความคิดของไป๋ชิงหลิงยิ่งแน่ชัดขึ้น
หากหวงแหนชีวิตควรอยู่ให้ห่างอ๋องหรงเข้าไว้
นางกอดศีรษะของไป๋ชงเซิงไว้แน่นพลางก้มหน้า ไม่กล้าสบตาหรงเยี่ย “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเชิญหมอหญิงมารักษาข้าอีกแล้ว อาการบาดเจ็บของข้า ข้าจัดการเองได้ รบกวนท่านอ๋องให้คนมาทำความสะอาดกองเลือดนี้เถิด”
หรงเยี่ยชายตามองเสิ่นโหรวเม่ย “อิงอู๋ นี่เป็นหมอหญิงที่เจ้าหามาหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น