หรงเยี่ยหลุบตาลงจ้องมองที่มือของนาง รอยช้ำสีม่วงแถบหนึ่งชัดเจนในดวงตาของเขา
เขาหรี่ตาลง จับมือนางแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ยังจะอวดดีอยู่อีก”
ร่างกายของไป๋ชิงหลิงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง นางปวดร้าวไปทั้งร่าง อ่อนแอถึงขีดสุด
นางรู้ดีว่าอาการของตนหนักหนาเพียงใด แต่ในใจของนางยังคงเป็นห่วงบุตรีของตน
“ช่วยข้า...ช่วยข้า...ส่งลูกกลับไปหา...สาวใช้ของข้า...” เสียงของนางเบามาก หากไม่ใช่เพราะประสาทการได้ยินของหรงเยี่ยนั้นดีเลิศ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางได้ยินว่าเธอกำลังพูดอะไร
หรงเยี่ยเอาแขนข้างหนึ่งโอบรอบคอของนาง แล้วประคองนางขึ้น “จนกว่าจิ่งหลินจะอาการดีขึ้น ข้าจะดูแลลูกให้เจ้าเอง มีใครอยู่หรือไม่...”
เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของนางกำลังสั่น ริมฝีปากของนางแห้งแตกซีดจนเป็นสีม่วง ดูเหมือนคนป่วยที่กำลังจะตาย
เขาม้วนผ้าห่มผืนบางบนเตียงมาพันรอบตัวนาง
เวลานี้ แม่นมซั่งและพ่อบ้านฉีเข้ามาถึงพอดี
หรงเยี่ยก้มหน้าลงมองไป๋ชงเซิง คิ้วของเขาขมวดแน่น “ข้าจะพามารดาของเจ้าไปรักษา เจ้าอย่าได้ร้องไห้โวยวายอีกเล่า”
พูดจบ ไป๋ชงเซิงเตรียมจะโวยวายขึ้นอีกครั้ง หรงเยี่ยตวาดใส่หน้าตาขึงขัง “ห้ามร้องไห้! ”
จิ่งหลินเมื่อครั้งยังเล็กก็เป็นเด็กขี้แย เขาหน่ายที่จะฟังเสียงร้องไห้ ต่อมาเขาพบว่าคำพูดสามพยางค์นี้ใช้ได้ผลดี
แต่เขามิคาดว่ามันจะใช้ได้ผลกับไป๋ชงเซิง
นางทำแก้มป่อง ดวงตาเบิกกว้าง หยดน้ำตาสองหยดหมุนคว้างในเบ้าตา เสียงน้อย ๆ สะอึกสะอื้น “หากบนร่างกายของท่านแม่ข้าปรากฏบาดแผลเพิ่มขึ้นมาอีก ข้าจะเผาจวนอ๋องของท่านซะ ข้าพูดได้ก็ทำได้”
สีหน้าของแม่นมซั่งแย่ลงหลายส่วนเมื่อได้ยินคำพูดนี้
แต่สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจนั่นคือ หรงเยี่ยไม่ได้โมโหเลยสักนิด กลับตอบนางว่า “อือ! ” ไปคำหนึ่ง
จากนั้นจึงหันมาสั่งการกับพ่อบ้านฉีว่า "แจ้งหอหลิวเหยียน ข้าจะเหมาพื้นที่ทั้งหมด”
“ขอรับ ข้าน้อยจะส่งคนล่วงหน้าไปที่หอหลิวเหยียนก่อนขอรับ” เมื่อพ่อบ้านฉีพูดจบก็รีบออกจากพื้นที่ไป
เพียงแต่เมื่อพ่อบ้านฉีมาถึงหอหลิวเหยียน ก็พบท่านอ๋องต้วนและพระชายาอ๋องต้วนเพิ่งจะก้าวเข้าไปในหอหลิวเหยียนพอดี
ท่านอ๋องต้วนเดือดดาลเมื่อได้รู้ว่าหรงเยี่ยต้องการใช้พื้นที่ทั้งหมด
“พวกเจ้าคนจวนอ๋องหรงอย่าได้โอหังไปนัก หอหลิวเหยียนนี้ไม่ใช่ว่ามีบ่อน้ำร้อนเพียงบ่อเดียว เขาจะเหมาไปมากมายเพื่ออะไรกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น