ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 190

ไป๋ชิงหลิงบิดร่างไปมาอย่างไม่เต็มใจ นางคิดว่าจะหนีจากเขาได้ แต่กลับถูกกอดแน่นยิ่งขึ้น

นางจ้องมองอย่างโกรธเคือง “เป็นคนพิการช่างสะดวกสบาย”

“ข้าพิการเจ้ายังคิดให้อยู่เพียงลำพังอีกหรือ”

“ท่าน...” นางกลั้นหายใจมองเขาอย่างตั้งใจ “อย่ากังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านพิการ ข้าจะเอาขาที่ดีคืนมาให้ท่าน”

อย่าแม้แต่จะคิดให้นางสัญญาด้วยร่างกายไปชั่วชีวิต!

ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลานุ่มนวลขึ้น ซึ่งไม่อาจทำลายความคิดของนางได้

เสิ่นหรูเหลียนและปรมาจารย์หลูออกมาจากป่า

กองทัพทหารม้าเกราะเงินและองครักษ์อินทรีดำตามหลังพวกเขามา เมื่อเสิ่นหรูเหลียนเดินเข้าหาอ๋องหรง ทักทายด้วยใบหน้ามืดมน “ข้าน้อยคารวะอ๋องหรง”

“เตรียมรถม้า” อ๋องหรงยังมีใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงยังเยือกเย็นยิ่งกว่า

ไป๋ชิงหลิงมองกลับไปกลับมาระหว่างทั้งสอง รู้สึกว่าอ๋องหรงกับเสิ่นหรูเหลียนไม่ได้ขัดแย้งกัน

ในเวลานี้เสิ่นหรูเหลียนเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงในอ้อมแขนของอ๋องหรงแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องหรงมอบพระชายาฮุ่ยให้ข้าน้อยเถิด ข้าจะส่งนางไปยังศาลต้าหลี่”

"เจ้าพูดอะไร?" เสียงอ๋องหรงดังขึ้นอีกครั้ง

เสิ่นหรูเหลียนพูดต่อว่า “นางเป็นพระชายาของอ๋องฮุ่ย ควรได้รับการจัดการตามกฎหมายของแคว้นหรง นางควรถูกตัดศีรษะต่อหน้าสาธารณชน อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้พวกกบฏที่เหลืออยู่หนีรอดไปได้...”

“ไปให้พ้น!” อ๋องหรงกัดฟันพ่นคำออกมาขัดจังหวะคำพูดของเสิ่นหรูเหลียน

จากนั้นเดินตรงไปหยุดตรงหน้าเสิ่นหรูเหลียน เขาก็พูดอย่างเย็นชา “นางคือไป๋เจาเสวี่ยเป็นหมอหญิงประจำราชสำนัก พระชายาฮุ่ยกระโดดหน้าผาลงไปพร้อมอ๋องฮุ่ยและเสียชีวิตแล้ว”

“อ๋องหรง…” เสิ่นหรูเหลียนหันกลับมาเพื่อหยุดการกระทำของอ๋องหรง ปรมาจารย์หลูรีบไปขวางหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา “แม่ทัพเสิ่น เมื่อครู่ข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองว่าพระชายาฮุ่ยเสียชีวิตด้วยความรักไปพร้อมกับอ๋องฮุ่ยที่อยู่ในอ้อมแขนนาง พระชายาฮุ่ยรักมั่นยิ่งนัก ซึ่งเป็นสิ่งหาได้ยากในโลกนี้ หากไม่เชื่อ แม่ทัพเสิ่นสามารถลงไปด้านล่างหุบเขาเพื่อค้นหาได้”

“ท่าน...” เสิ่นหรูเหลียนกลั้นลมหายใจ เผชิญกับวิธีการอันมืดมนของราชวงศ์ เขารู้สึกขยะแขยงจริงๆ!

พระชายาฮุ่ยอยู่ต่อหน้าเขาอย่างเห็นชัดเจน แต่พวกเขายังพูดเรื่องไร้สาระด้วยตาที่เปิดกว้าง [1] แล้วทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลัง

เพราะคำพูดของปรมาจารย์หลู มุมปากไป๋ชิงหลิงจึงกระตุกอย่างแรงสองสามครั้ง

หรงเยี่ยคร้านจะยุ่งกับเสิ่นหรูเหลียน เขาอุ้มไป๋ชิงหลิงพานางขึ้นรถม้าไปด้วยกันเพื่อกลับเมืองหลวง

ไป๋ชิงหลิงอยากกลับวัง แต่อ๋องหรงกลับพานางกลับไปยังจวนอ๋องหรง พาเธอกลับมาอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นว่าเขาอุ้มตนเข้าไปในจวน นางก็พยายามดิ้นรนอีกครู่หนึ่งแล้วอธิบาย “อ๋องหรง ท่านกลับจวนอ๋อง ข้าจะกลับวังหลวง ข้าอยากตรวจอาการเต๋อเฟย”

“ข้าจะส่งคนเข้าวัง ส่วนเจ้าพักฟื้นในจวนนี้” เขาพูดอย่างหนักแน่น

“ท่านบอกว่าจะไม่บังคับให้ข้า แล้วยามนี้ท่านกำลังทำสิ่งใด...”

“แล้วถ้านี่เป็นพระราชโองการล่ะ?”

“พระราชโองการ ข้าไม่เชื่อ” จักรพรรดิเหยาไม่มีทางออกพระราชโองการเช่นนั้น นางคิดว่าตนเข้าใจความคิดของจักรพรรดิดี

อ๋องหรงมองกลับไปทางอิงซาที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าบอกนาง”

อิงซาตอบทันที “องค์จักรพรรดิต้องการให้ท่านอ๋องพาแม่นางไป๋เข้าเฝ้าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ...”

หลังจากอิงซาพูดจบเขาก็หยุดลง

ไป๋ชิงหลิงรอฟังประโยคต่อไป “ยังมีอะไรอีก?”

“หมดแล้ว”

“หมดแล้ว?” ไป๋ชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ “นี่เป็นพระราชโองการอะไรกัน เลิกหลอกข้าได้แล้ว ปล่อยข้านะ ข้ากลับวังแล้วจะกลับมาดูอาการท่านที่จวนอ๋องหรง”

อิงซาพูดย้ำสิ่งที่เพิ่งพูดไปอีกครั้ง “องค์จักรพรรดิต้องการให้ท่านอ๋องพาแม่นางไป๋เข้าเฝ้าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”

“ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ราชโองการแต่อย่างใด” ไป๋ชิงหลิงให้เหตุผลอย่างขุ่นเคือง

อ๋องหรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาจับจ้องมือของนาง แล้วพูดเบาๆ “มือเจ้าบาดเจ็บ ข้าไม่กล้าพาเจ้าเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ สิ่งที่เสด็จพ่อต้องการคือเจ้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ!”

ไป๋ชิงหลิง “...…”

ไป๋ชิงหลิงถูกเขาพาตัวไปที่หอเป่าซิน อ๋องหรงมองหมอเทวดาซูรักษาอาการบาดเจ็บที่มือของนางเป็นการส่วนตัว หลังการรักษาแล้ว ไป๋ชิงหลิงก็เริ่มเร่งเร้า “อ๋องหรง อาการบาดเจ็บที่ขาสาหัสมาก ให้ข้าจะดูแลได้ไหม?”

“ให้หมอเทวดาซูรักษา” อ๋องหรงนอนอยู่บนเบาะนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลามีร่องรอยความเหนื่อยล้า ขอบตาสีม่วงจางปรากฏใต้เปลือกตาเขาแล้ว

ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองเขา รู้สึกเจ็บปวดในใจ

อ๋องหรงกดหลังมือนางไม่ให้ขยับ

หมอซูเข้าข้างกายหรงเยี่ยแล้วเริ่มเกลี้ยกล่อม “แม่นางไป๋ ให้ข้าดูขาท่านอ๋องหน่อยเถิด”

“ได้ ให้หมอซูดูก่อน” ไป๋ชิงหลิงกล่าว

ในตอนท้ายหมอซูตัดขากางเกงอ๋องหรงออก ส่วนไป๋ชิงหลิงก็เริ่มหยิบเครื่องมือแพทย์ออกมาจากกล่องเครื่องมือแล้วส่งต่อให้หมอซู

หมอซูชำเลืองมองด้วยความประหลาดใจ “นี่คืออะไร?”

เขาหยิบเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำ

ไป๋ชิงหลิงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นางจึงหยิบยาชาอีกชุดหนึ่งออกมาจากหีบทางการแพทย์ “หมอซูนี่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ เมื่อครั้งไทเฮาทรงประชวรด้วยโรคในช่องท้อง ข้าใช้สิ่งนี้เพื่อตรวจหารอยโรคในช่องท้องให้พระนาง มีสิ่งนี้จะช่วยให้การจ่ายยาของเราสะดวกและถูกต้องยิ่งขึ้น ส่วนนี่คือยาชา ก่อนตรวจท่านอ๋อง ควรฉีดยาให้พระองค์ก่อน”

อ๋องหรงเหลือบมอง “กลัวข้าเจ็บหรือ?”

ไป๋ชิงหลิงจ้องเขาเขม็ง “ต้องฉีด จำเป็นต้องตรวจสอบให้ดีก่อน”

หมอซูพยักหน้า เมื่อรู้ว่ายาชาในมือไป๋ชิงหลิงเป็นของดีที่เห็นผลเร็ว เขาจึงใช้ยาชาฉีดให้อ๋องหรงก่อน

หลังจากฉีดแล้ว ขาซ้ายของอ๋องหรงก็ไม่รู้สึกอะไรเลย

ไป๋ชิงหลิงหยิบเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาสอนหมอซูใช้พวกมัน

หมอซูเห็นหน้าจอที่แสดงขึ้นมาในเครื่องมือแพทย์ เขาตกใจมาก “ขาท่านอ๋องหัก กระดูกบางส่วนแตก จำเป็นต้องพักฟื้น มิฉะนั้นจะขาเป๋เป็นง่อยได้พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากพูดจบหมอซูก็หยิบเครื่องมือทางการแพทย์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วรู้สึกไม่วางลง “นี่เป็นของดีจริงๆ ข้ามีชีวิตอยู่มากว่าเจ็ดสิบปียังไม่เคยเห็นของเช่นนี้เลย ถ้ามีมัน...การวินิจฉัยผิดพลาดก็จะน้อยลง”

“หมอซูชอบหรือ?” ไป๋ชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นดวงตาเขาเปล่งประกาย ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย

หมอซูตอบ “ข้าชอบของล้ำค่าเช่นนี้ยิ่งนัก แต่ข้าไม่เคยเอาเปรียบผู้อื่น”

หลังพูดจบ หมอซูก็ส่งเครื่องมือแพทย์คืนไป๋ชิงหลิง

ไป๋ชิงหลิงเม้มปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นสิ่งนี้ข้าให้ท่านหมอซู ข้ายังมีอีกสองสามชิ้นในมือ”

“ให้ข้า!” หมอซูเต็มไปด้วยความสุขอย่างไม่อาจปกปิด “ให้ข้าจริงหรือ?”

“ใช่ หมอซูติดตามซื่อจื่อน้อยมาหลายปี หากเขามีโรคบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็สามารถตรวจพบได้ อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถตรวจได้ทุกอย่างนะ” หลังจากไป๋ชิงหลิงพูดจบ ฝ่ามือก็ถูกบีบมือนางแน่น

นางมองลงมา พบกับดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“แต่ยามนี้เรามารักษาขาท่านอ๋องกันก่อนดีกว่า”

“ใช่ ใช่ ใช่ ข้าจะไปเตรียมตัวให้พร้อม” หมอซูเก็บเครื่องมือแพทย์ลงในหีบทางการแพทย์อย่างระมัดระวัง เขากำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อหาสิ่งที่ต้องใช้ในการรักษาขาอ๋องหรง แต่ไป๋ชิงหลิงกลับหยิบวัสดุสำหรับยึดขาขั้นสูงออกมาจากหีบทางการแพทย์

หมอซูพึมพำงึมงำอีกครั้ง หลังจากหมอซูรักษาขาอ๋องหรงแล้ว อ๋องหรงก็จับมือไป๋ชิงหลิงไวแน่นก่อนหลับไป

หมอซูเหลือบมอง “ท่านอ๋องหลับเช่นนี้ได้แล้ว”

“อืม มีปัญหาอะไรหรือ?” ไป๋ชิงหลิงหันกลับมามองเขา!

หมอซูกล่าวว่า “ท่านอ๋องมีอาการนอนไม่หลับ แม้จะเหนื่อยมากก็ตาม พระองค์ก็ยากที่จะหลับลงได้...”

.............................

เชิงอรรถ

[1] พูดเรื่องไร้สาระด้วยตาที่เปิดกว้าง (睁眼说瞎话) เป็นวลี มีความหมายว่า พูดเรื่องที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง พูดสุ่มสี่สุ่มห้า หรือโกหกอย่างไร้ยางอาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น