ไป๋ชิงหลิงบิดร่างไปมาอย่างไม่เต็มใจ นางคิดว่าจะหนีจากเขาได้ แต่กลับถูกกอดแน่นยิ่งขึ้น
นางจ้องมองอย่างโกรธเคือง “เป็นคนพิการช่างสะดวกสบาย”
“ข้าพิการเจ้ายังคิดให้อยู่เพียงลำพังอีกหรือ”
“ท่าน...” นางกลั้นหายใจมองเขาอย่างตั้งใจ “อย่ากังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านพิการ ข้าจะเอาขาที่ดีคืนมาให้ท่าน”
อย่าแม้แต่จะคิดให้นางสัญญาด้วยร่างกายไปชั่วชีวิต!
ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลานุ่มนวลขึ้น ซึ่งไม่อาจทำลายความคิดของนางได้
เสิ่นหรูเหลียนและปรมาจารย์หลูออกมาจากป่า
กองทัพทหารม้าเกราะเงินและองครักษ์อินทรีดำตามหลังพวกเขามา เมื่อเสิ่นหรูเหลียนเดินเข้าหาอ๋องหรง ทักทายด้วยใบหน้ามืดมน “ข้าน้อยคารวะอ๋องหรง”
“เตรียมรถม้า” อ๋องหรงยังมีใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงยังเยือกเย็นยิ่งกว่า
ไป๋ชิงหลิงมองกลับไปกลับมาระหว่างทั้งสอง รู้สึกว่าอ๋องหรงกับเสิ่นหรูเหลียนไม่ได้ขัดแย้งกัน
ในเวลานี้เสิ่นหรูเหลียนเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงในอ้อมแขนของอ๋องหรงแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องหรงมอบพระชายาฮุ่ยให้ข้าน้อยเถิด ข้าจะส่งนางไปยังศาลต้าหลี่”
"เจ้าพูดอะไร?" เสียงอ๋องหรงดังขึ้นอีกครั้ง
เสิ่นหรูเหลียนพูดต่อว่า “นางเป็นพระชายาของอ๋องฮุ่ย ควรได้รับการจัดการตามกฎหมายของแคว้นหรง นางควรถูกตัดศีรษะต่อหน้าสาธารณชน อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้พวกกบฏที่เหลืออยู่หนีรอดไปได้...”
“ไปให้พ้น!” อ๋องหรงกัดฟันพ่นคำออกมาขัดจังหวะคำพูดของเสิ่นหรูเหลียน
จากนั้นเดินตรงไปหยุดตรงหน้าเสิ่นหรูเหลียน เขาก็พูดอย่างเย็นชา “นางคือไป๋เจาเสวี่ยเป็นหมอหญิงประจำราชสำนัก พระชายาฮุ่ยกระโดดหน้าผาลงไปพร้อมอ๋องฮุ่ยและเสียชีวิตแล้ว”
“อ๋องหรง…” เสิ่นหรูเหลียนหันกลับมาเพื่อหยุดการกระทำของอ๋องหรง ปรมาจารย์หลูรีบไปขวางหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา “แม่ทัพเสิ่น เมื่อครู่ข้าน้อยเห็นกับตาตัวเองว่าพระชายาฮุ่ยเสียชีวิตด้วยความรักไปพร้อมกับอ๋องฮุ่ยที่อยู่ในอ้อมแขนนาง พระชายาฮุ่ยรักมั่นยิ่งนัก ซึ่งเป็นสิ่งหาได้ยากในโลกนี้ หากไม่เชื่อ แม่ทัพเสิ่นสามารถลงไปด้านล่างหุบเขาเพื่อค้นหาได้”
“ท่าน...” เสิ่นหรูเหลียนกลั้นลมหายใจ เผชิญกับวิธีการอันมืดมนของราชวงศ์ เขารู้สึกขยะแขยงจริงๆ!
พระชายาฮุ่ยอยู่ต่อหน้าเขาอย่างเห็นชัดเจน แต่พวกเขายังพูดเรื่องไร้สาระด้วยตาที่เปิดกว้าง [1] แล้วทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลัง
เพราะคำพูดของปรมาจารย์หลู มุมปากไป๋ชิงหลิงจึงกระตุกอย่างแรงสองสามครั้ง
หรงเยี่ยคร้านจะยุ่งกับเสิ่นหรูเหลียน เขาอุ้มไป๋ชิงหลิงพานางขึ้นรถม้าไปด้วยกันเพื่อกลับเมืองหลวง
ไป๋ชิงหลิงอยากกลับวัง แต่อ๋องหรงกลับพานางกลับไปยังจวนอ๋องหรง พาเธอกลับมาอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อไป๋ชิงหลิงเห็นว่าเขาอุ้มตนเข้าไปในจวน นางก็พยายามดิ้นรนอีกครู่หนึ่งแล้วอธิบาย “อ๋องหรง ท่านกลับจวนอ๋อง ข้าจะกลับวังหลวง ข้าอยากตรวจอาการเต๋อเฟย”
“ข้าจะส่งคนเข้าวัง ส่วนเจ้าพักฟื้นในจวนนี้” เขาพูดอย่างหนักแน่น
“ท่านบอกว่าจะไม่บังคับให้ข้า แล้วยามนี้ท่านกำลังทำสิ่งใด...”
“แล้วถ้านี่เป็นพระราชโองการล่ะ?”
“พระราชโองการ ข้าไม่เชื่อ” จักรพรรดิเหยาไม่มีทางออกพระราชโองการเช่นนั้น นางคิดว่าตนเข้าใจความคิดของจักรพรรดิดี
อ๋องหรงมองกลับไปทางอิงซาที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าบอกนาง”
อิงซาตอบทันที “องค์จักรพรรดิต้องการให้ท่านอ๋องพาแม่นางไป๋เข้าเฝ้าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ...”
หลังจากอิงซาพูดจบเขาก็หยุดลง
ไป๋ชิงหลิงรอฟังประโยคต่อไป “ยังมีอะไรอีก?”
“หมดแล้ว”
“หมดแล้ว?” ไป๋ชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ “นี่เป็นพระราชโองการอะไรกัน เลิกหลอกข้าได้แล้ว ปล่อยข้านะ ข้ากลับวังแล้วจะกลับมาดูอาการท่านที่จวนอ๋องหรง”
อิงซาพูดย้ำสิ่งที่เพิ่งพูดไปอีกครั้ง “องค์จักรพรรดิต้องการให้ท่านอ๋องพาแม่นางไป๋เข้าเฝ้าโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”
“ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ราชโองการแต่อย่างใด” ไป๋ชิงหลิงให้เหตุผลอย่างขุ่นเคือง
อ๋องหรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาจับจ้องมือของนาง แล้วพูดเบาๆ “มือเจ้าบาดเจ็บ ข้าไม่กล้าพาเจ้าเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ สิ่งที่เสด็จพ่อต้องการคือเจ้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ!”
ไป๋ชิงหลิง “...…”
ไป๋ชิงหลิงถูกเขาพาตัวไปที่หอเป่าซิน อ๋องหรงมองหมอเทวดาซูรักษาอาการบาดเจ็บที่มือของนางเป็นการส่วนตัว หลังการรักษาแล้ว ไป๋ชิงหลิงก็เริ่มเร่งเร้า “อ๋องหรง อาการบาดเจ็บที่ขาสาหัสมาก ให้ข้าจะดูแลได้ไหม?”
“ให้หมอเทวดาซูรักษา” อ๋องหรงนอนอยู่บนเบาะนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลามีร่องรอยความเหนื่อยล้า ขอบตาสีม่วงจางปรากฏใต้เปลือกตาเขาแล้ว
ไป๋ชิงหลิงเหลือบมองเขา รู้สึกเจ็บปวดในใจ
อ๋องหรงกดหลังมือนางไม่ให้ขยับ
หมอซูเข้าข้างกายหรงเยี่ยแล้วเริ่มเกลี้ยกล่อม “แม่นางไป๋ ให้ข้าดูขาท่านอ๋องหน่อยเถิด”
“ได้ ให้หมอซูดูก่อน” ไป๋ชิงหลิงกล่าว
ในตอนท้ายหมอซูตัดขากางเกงอ๋องหรงออก ส่วนไป๋ชิงหลิงก็เริ่มหยิบเครื่องมือแพทย์ออกมาจากกล่องเครื่องมือแล้วส่งต่อให้หมอซู
หมอซูชำเลืองมองด้วยความประหลาดใจ “นี่คืออะไร?”
เขาหยิบเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำ
ไป๋ชิงหลิงไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นางจึงหยิบยาชาอีกชุดหนึ่งออกมาจากหีบทางการแพทย์ “หมอซูนี่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ เมื่อครั้งไทเฮาทรงประชวรด้วยโรคในช่องท้อง ข้าใช้สิ่งนี้เพื่อตรวจหารอยโรคในช่องท้องให้พระนาง มีสิ่งนี้จะช่วยให้การจ่ายยาของเราสะดวกและถูกต้องยิ่งขึ้น ส่วนนี่คือยาชา ก่อนตรวจท่านอ๋อง ควรฉีดยาให้พระองค์ก่อน”
อ๋องหรงเหลือบมอง “กลัวข้าเจ็บหรือ?”
ไป๋ชิงหลิงจ้องเขาเขม็ง “ต้องฉีด จำเป็นต้องตรวจสอบให้ดีก่อน”
หมอซูพยักหน้า เมื่อรู้ว่ายาชาในมือไป๋ชิงหลิงเป็นของดีที่เห็นผลเร็ว เขาจึงใช้ยาชาฉีดให้อ๋องหรงก่อน
หลังจากฉีดแล้ว ขาซ้ายของอ๋องหรงก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
ไป๋ชิงหลิงหยิบเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาสอนหมอซูใช้พวกมัน
หมอซูเห็นหน้าจอที่แสดงขึ้นมาในเครื่องมือแพทย์ เขาตกใจมาก “ขาท่านอ๋องหัก กระดูกบางส่วนแตก จำเป็นต้องพักฟื้น มิฉะนั้นจะขาเป๋เป็นง่อยได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากพูดจบหมอซูก็หยิบเครื่องมือทางการแพทย์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วรู้สึกไม่วางลง “นี่เป็นของดีจริงๆ ข้ามีชีวิตอยู่มากว่าเจ็ดสิบปียังไม่เคยเห็นของเช่นนี้เลย ถ้ามีมัน...การวินิจฉัยผิดพลาดก็จะน้อยลง”
“หมอซูชอบหรือ?” ไป๋ชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นดวงตาเขาเปล่งประกาย ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย
หมอซูตอบ “ข้าชอบของล้ำค่าเช่นนี้ยิ่งนัก แต่ข้าไม่เคยเอาเปรียบผู้อื่น”
หลังพูดจบ หมอซูก็ส่งเครื่องมือแพทย์คืนไป๋ชิงหลิง
ไป๋ชิงหลิงเม้มปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นสิ่งนี้ข้าให้ท่านหมอซู ข้ายังมีอีกสองสามชิ้นในมือ”
“ให้ข้า!” หมอซูเต็มไปด้วยความสุขอย่างไม่อาจปกปิด “ให้ข้าจริงหรือ?”
“ใช่ หมอซูติดตามซื่อจื่อน้อยมาหลายปี หากเขามีโรคบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็สามารถตรวจพบได้ อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถตรวจได้ทุกอย่างนะ” หลังจากไป๋ชิงหลิงพูดจบ ฝ่ามือก็ถูกบีบมือนางแน่น
นางมองลงมา พบกับดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“แต่ยามนี้เรามารักษาขาท่านอ๋องกันก่อนดีกว่า”
“ใช่ ใช่ ใช่ ข้าจะไปเตรียมตัวให้พร้อม” หมอซูเก็บเครื่องมือแพทย์ลงในหีบทางการแพทย์อย่างระมัดระวัง เขากำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อหาสิ่งที่ต้องใช้ในการรักษาขาอ๋องหรง แต่ไป๋ชิงหลิงกลับหยิบวัสดุสำหรับยึดขาขั้นสูงออกมาจากหีบทางการแพทย์
หมอซูพึมพำงึมงำอีกครั้ง หลังจากหมอซูรักษาขาอ๋องหรงแล้ว อ๋องหรงก็จับมือไป๋ชิงหลิงไวแน่นก่อนหลับไป
หมอซูเหลือบมอง “ท่านอ๋องหลับเช่นนี้ได้แล้ว”
“อืม มีปัญหาอะไรหรือ?” ไป๋ชิงหลิงหันกลับมามองเขา!
หมอซูกล่าวว่า “ท่านอ๋องมีอาการนอนไม่หลับ แม้จะเหนื่อยมากก็ตาม พระองค์ก็ยากที่จะหลับลงได้...”
.............................
เชิงอรรถ
[1] พูดเรื่องไร้สาระด้วยตาที่เปิดกว้าง (睁眼说瞎话) เป็นวลี มีความหมายว่า พูดเรื่องที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง พูดสุ่มสี่สุ่มห้า หรือโกหกอย่างไร้ยางอาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...
อ่านถึงตรงนี้แล้วยอมรับเลยว่าเหนื่อยแทนไป่ชิงหลิงจริงๆ...มีเรื่องตลอด...ช่วงดีๆแทบจะไม่มีเลย..แอดขาาาาตามอ่านจนจะทันแล้วนะคะลงต่อเถอะค่ะเข้ามาส่องทุกวันว่าขยับจาก 460ไปบ้างรึยังพรีสสสสส😽😽😽...
เจอแล้ว..เจอแล้ว..เป็นเรื่องที่อยากอ่านมากๆอีกเรื่องนึง..กรี๊ดลั่นรถจนลูกผัวตกอกตกใจ55555....แอดขาาา..อัพต่อไปเรื่อยๆนะคะจะตามอ่านให้ทันแน่นอนค่ะ😄🤗😊...
ตอนนี้ชื่อหรงฉี่กับอ๋องต้วนสลับกันอยู่นะอย่าทำให้สับสนสิคะ...
บท 433 แล้วมีต่อใช่มั้ยคะ...
อ่านแล้ว ยังไม่จบ แต่สถานะทำไมเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะยังอีกหลายตอน ทำไมไม่มีการลงต่อคะ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...