ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 199

ทันใดนั้น เสียงร้องไห้ก็หยุดลง สายตาทุกคนมองไปยังโลงน้ำแข็ง ภายในสุสานจักรพรรดิก็เงียบเป็นเป่าสาก บรรยากาศเงียบไปไม่กี่อึดใจ เสียงไอจากโลงน้ำแข็งก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

เหล่าองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างโลงน้ำแข็งเบิกตาโพล่งขึ้นมาทันที แล้วตะโกนเสียงดัง:“ท่านอ๋องหรงฟื้นแล้ว!”

ท่านอ๋องหรงฟื้นแล้ว——ห้าคำนี้ ราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างรุนแรง

เดิมทีทุกคนที่กลั้นหายใจ กลับสูดหายใจหนักขึ้นกว่าเดิม และคนที่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาคนแรกก็คือ ไป๋ชิงหลิง!

เธอปล่อยหรงจิ่งหลิน แล้วรีบเดินมาทางโลงน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว

ในตอนที่เธอเดินมาตรงหน้าโลงน้ำแข็ง ก็เห็นว่าหรงเยี่ยลืมตาขึ้น ยิ้มมาให้เธอ

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกคัดที่จมูกขึ้นมา น้ำตารื้น ยื่นมือไปพยุงเขาออกมาจากโลงน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็กอดเขาเอาไว้ แล้วร้องเรียก:“หรงเยี่ย......”

หรงเยี่ยไออยู่ในอ้อมกอดเธออยู่หลายครั้ง ไป๋ชิงหลิงรีบปล่อยเขา แล้วก้มหน้ามองดู

ร่างเธอเต็มไปด้วยเลือด มีแต่รอยเลือดที่เป็นของเธอเอง แล้วก็ยังมีเลือดที่เขาพึ่งจะไอใส่บนตัวเธอเมื่อครู่

เธอดึงผ้าเช็ดหน้าในมือของหรงเยี่ย แล้วเช็ดให้เขา

ในที่สุดไทเฮาฮุ่ยกับจักรพรรดิเหยาก็รู้สึกตัว ว่าท่านอ๋องหรงที่บรรดาหมอหลวงต่างก็ตัดสินว่าสิ้นพระชนม์แล้ว ถูกไป๋ชิงหลิงช่วยชีวิตให้ฟื้นแล้ว

“เร็วเข้า มัวอึ้งอะไรกัน รีบไปพยุงท่านอ๋องหรงขึ้นมา”

“อย่านะ!” ไป๋ชิงหลิงห้ามไว้:“ท่านอ๋องหรงยังอยู่ในช่วงที่เชื้อสามารถแพร่กระจายได้อยู่ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าใกล้เขา......”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ร่างกายก็ถูกคนผลักออก

ข้างหูมีเสียงที่อ่อนแรงของหรงเยี่ยดังขึ้น:“เจ้าก็…...ออกไป อย่าเข้าใกล้ข้า”

“ข้าไปไหนไม่ได้ ข้าต้องอยู่รักษาท่าน” ไป๋ชิงหลิงเกาะโลงน้ำแข็ง มือประคองไว้ที่ใบหน้าของหรงเยี่ย:“อีกอย่าง มันก็ไม่ทันแล้ว เมื่อครู่ที่ข้าป้อนยาท่าน ข้าใช้ตรงนี้!”

นิ้วเธอชี้ไปที่ริมฝีปากของเขา

หรงเยี่ยจับไปที่ข้อมือของเธอ มองเธอแล้วพูด:“ทำไมโง่เช่นนี้!”

“ข้าไปเก็บเหมันต์พิสุทธิ์ที่สันเขาอินทรีหิมะมาอย่างยากลำบาก ทำไมท่านถึงใช้จังหวะที่ข้าไม่อยู่ แอบหนีไปแบบนี้ล่ะ ท่านดูสิ จิ่งหลินร้องไห้สภาพเป็นยังไง ท่านทำให้ไทเฮาต้องเป็นห่วง ท่านนี่เป็นลูกที่อกตัญญูจริงๆ” แม้ว่าปากเธอจะตำหนิไม่หยุด ทว่าใบหน้านั้นกำลังร้องไห้ เธอจับมือของหรงเยี่ยเบาๆ ในใจยังคงสั่นไหว

ไทเฮามองฉากตรงหน้า ไม่กล้าจะรบกวนอีก:“จักรพรรดิ เจ้ากลับเมืองหลวงไปก่อนเถอะ ไม่เช่นนั้นคนในตำหนักจะคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น พวกขุนนางจะเป็นกังวลเอา ส่วนหมอหลวงรออยู่ที่นี่ ข้าก็จะอยู่ที่นี่คอยสอดส่องดูแลแทนเจ้าเอง”

“แต่ว่า ร่างกายของท่านแม่......”

“ถ้าจะแย่ คงไม่แย่ไปกว่าเมื่อครู่หรอก ใช่ไหม?” ไทเฮามองหรงเยี่ยที่ฟื้นขึ้นมา:“แม่วางใจไม่ลงจริงๆ แต่พอมองเยี่ยเออร์ที่ยังมีชีวิตเช่นนี้ จิตใจแม่ก็สงบลงบ้างเล็กน้อย เจ้าไปเถอะ เจาเสวี่ยคงดูแลเขาสุดความสามารถอย่างแน่นอน เจ้าก็เห็นแล้ว”

จักรพรรดิเหยามองไปทางไป๋ชิงหลิง ถึงแม้ว่า......เขาจะไม่อยากให้ลูกชายของตนเองแต่งกับสตรีที่เคยมีลูกมาก่อนอย่างมาก แต่ว่า ไป๋เจาเสวี่ยทำถึงขั้นนี้แล้ว แล้วเขายังต้องการอะไรอีก?

ตอนนี้ดูเหมือนว่า คงมีแค่ความสามารถของไป๋ชิงหลิง ที่คู่ควรกับลูกดื้อรั้นหัวแข็งคนนี้ของเขา

“เช่นนั้นก็ได้ แล้วข้าจะกลับมาเยี่ยมเขาในภายหลัง”

“ไม่ต้องหรอก เจ้าไปๆมาๆก็เหนื่อยมากแล้ว โรคระบาดก็ยังไม่ทันได้แก้ปัญหา เจ้าวางใจแล้วไปจัดการงานบ้านเมืองเถอะ ที่นี่มีฮองเฮากับแม่อยู่ ทุกวันพวกเราจะส่งจดหมายไปให้เจ้า” ไทเฮาพูด

จักรพรรดิเหยาพยักหน้า แล้วหันไปดูหรงเยี่ยกับไป๋ชิงหลิงที่กอดกันอยู่ ไม่นานก็หมุนตัวแล้วเดินจากไป

หลังจากที่จักรพรรดิไปแล้วนั้น ก็เรียกคนให้ไปเอาผ้าห่มกับที่นอนมา

ถ้าหรงเยี่ยออกไปด้านนอกตอนนี้ คงจะแพร่ใส่คนอื่นอย่างแน่นอน

เขาเลยต้องพักอยู่ที่สุสานจักรพรรดิจนร่างกายของเขานั้นหายดี

ฮองเฮาฟื้นขึ้นมาก็รู้ว่าหรงเยี่ยฟื้นแล้ว ท่าทีที่มีต่อไป๋ชิงหลิงนั้นคือความสุภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน……

ความลับของทางราชวงศ์ถูกรวมอยู่ที่โรงเตี๊ยม ฮองเฮาและไทเฮากำลังรอคนอยู่ในโรงเตี๊ยม

ส่วนเด็กสองคนนั้นยังยืนหยัดอยู่ที่สุสานจักรพรรดิต่อ ทว่า พวกเขานั้นไม่สามารถเข้าใกล้หรงเยี่ยได้

หลังจากที่หรงเยี่ยฟื้นขึ้นมา ไป๋ชิงหลิงก็ป้อนยาป้องกันเชื้อให้เขาอีกครั้ง แถมยังบดผสมให้เขาด้วย

เขาจ้องไปที่ไป๋ชิงหลิงไม่วางตา มือจับไปที่มืองของเธอ

ไป๋ชิงหลิงเตือนเขา:“ท่านต้องพักผ่อนแล้วนะเพคะ”

“ข้าได้ยินว่าเจ้าร้องไห้ เพราะข้า?” หรงเยี่ยมองเธอที่ร้องจนตาแดงก่ำ

บาดแผลที่ใบหน้าของเธอได้รับการรักษาแล้ว แต่รอยช้ำที่ถูกกระแทกยังคงชัดเจนอยู่ เป็นครั้งแรกที่หรงเยี่ยเห็นเธอลำบากขนาดนี้

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในจวน ทั้งๆที่เธอถูกเขาใช้แส้ตีอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ยังดื้อรั้น ทำใจกล้า ราวกับเป็นลาตัวหนึ่ง

ไป๋ชิงหลิงหันหน้าไปทางอื่นแล้วพูด:“ก็ใช่น่ะสิเพคะ ท่านสิ้นแล้ว ถ้าข้าไม่ร้องไห้สักหน่อยคงจะรู้สึกผิดกับของมีค่าที่ก่อนหน้านี้ท่านมอบให้ข้ามากมายขนาดนั้น”

ริมฝีปากหรงเยี่ยกระตุกยิ้มเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือลูบไปที่หลังมือเธอเบาๆ

“เรื่องที่รับปากข้าไว้ อย่าลืมล่ะ”

“เรื่องอะไรเพคะ?” ไป๋ชิงหลิงกระพริบตา

หรงเยี่ยหรี่ตามอง แล้วหลับตาลง ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ

ไป๋ชิงหลิงผลักเขาออก:“หรงเยี่ย”

เขาก็ยังคงไม่ขยับ

ไป๋ชิงหลิงผลักเขาอีกครั้ง

ผลักอยู่หลายครั้งแต่เขาก็ยังไม่ขยับแต่อย่างใด ไป๋ชิงหลิงเริ่มใจคอไม่ดี เธอรีบหยิบเครื่องตรวจฟังเสียงออกมา แล้วสอดเข้าไปเสื้อเขา กลับถูกเขากดมือเอาไว้

เธอชักมือกลับอย่างรวดเร็ว:“เมื่อครู่ทำไมท่านไม่ตอบ?”

เขาลืมตาขึ้นมา แล้วจ้องเธอไม่วางตา

มองจนไป๋ชิงหลิงประหม่า

เธอยอมรับ ความรู้สึกที่เธอมีต่อหรงเยี่ย มันถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมได้แล้ว

เธอคิดดีแล้ว ถ้าอยู่มาวันหนึ่งเขารู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ แล้วไม่อยากจะอยู่ดูแลกันและกันกับเธอต่อแล้ว เธอก็จะพาลูกออกจากเมืองหลวงโดยไม่เหลือความเสียดายอะไรไว้

ให้เหตุผลในการตัดใจทั้งเขา ทั้งตัวเธอเอง

เกิดเป็นคนก็ควรจะมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ควรกังวลคิดถึงอยู่แต่กับอดีต ไม่เช่นนั้น เธอก็จะเหนื่อยกับการใช้ชีวิต

ไป๋ชิงหลิงมองเขา แล้วก้มตัวลง กอดอยู่ในอ้อมกอดของเขา

หรงเยี่ยค่อนข้างแปลกใจ แต่ความรู้สึกหลังจากที่แปลกใจนั้นคือมีความสุขเป็นอย่างมาก นี่ก็คือยาที่ดีที่สุดในโลก

ยาของเขา ชีวิตของเขา!

เขากอดเธอแน่น หลับตาทั้งสองข้างด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ

สิบวันผ่านไป อาการป่วยของหรงเยี่ยควบคุมได้แล้ว และค่อยๆดีขึ้น

เขาไม่ไอเป็นเลือดอีกแล้ว

ทุกๆวันฮองเฮาจะมาเยี่ยมเขา หลวนอี๋ก็อยากจะไปคุยเล่นกับพวกเขาเหมือนกัน แต่ไป๋ชิงหลิงไม่อนุญาตให้เธอเข้าใกล้

เขาก็เลยพักรักษาตัวอยู่ในสุสานจักรพรรดิอยู่หนึ่งเดือนเต็มๆ

นี่เป็นการป่วยครั้งที่หนักที่สุดในชีวิตของหรงเยี่ย

ที่โชคดีก็คือ ไป๋ชิงหลิงที่คลุกคลีอยู่กับหรงเยี่ยอย่างสนิทสนมทุกวัน ไม่ได้ติดโรคจากเขา

เธอคิดว่า คงเป็นเพราะยาที่เธอกินเหมือนกันกับหรงเยี่ยทุกวัน เธอได้ฆ่าเชื้อล่วงหน้าไปแล้ว

หรงเยี่ยจับมือของไป๋ชิงหลิง แล้วเดินไปที่หน้าโลงน้ำแข็งของอดีตฮองเฮา แล้วพูด:“ได้เจอท่านหรือยัง?”

ไป๋ชิงหลิงนิ่งอึ้งไป แล้วเงยหน้ามองเธอ

หนึ่งเดือนนี้ ไม่มีใครพูดถึงผู้หญิงที่อยู่ในโลงน้ำแข็งนั้นเลย ไป๋ชิงหลิงก็ไม่กล้าถามประวัติที่มาของคนตายเช่นกัน

คนที่ได้รับการปฏิบัติอย่างสูงส่งเช่นนี้ คงจะมีแค่อดีตฮองเฮา ผู้หญิงที่ตายแทนจักรพรรดิเหยา

“ท่านคือเสด็จแม่ข้า” หรงเยี่ยจับมือของไป๋ชิงหลิงแน่น หลังจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:“แล้วก็เป็นเสด็จแม่เจ้าด้วย”

“ไม่ใช่เพคะ!” ไป๋ชิงหลิงปฏิเสธทันควัน หลังจากนั้นก็จ้องตาเขาไม่กะพริบ:“ยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกัน พูดมั่วซั่วได้ยังไงเพคะ”

“อืม เช่นนั้นพวกเราก็กราบไหว้ฟ้าดินที่นี่เลย”

“ท่านอย่าก่อกวนสิเพคะ”

เขาลากเธอ เดินมาหน้าโลงน้ำแข็ง แล้วคุกเข่าลงที่พื้น

ไป๋ชิงหลิงเห็นเช่นนี้ เลยต้องคุกเข่าตามเขาลง......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น