ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 202

“ฮูหยินเสิ่น ฮองเฮาเหนียงเหนียงกับองค์หญิงหลวนอี๋กำลังรับประทานอาหารอยู่กับไทเฮาที่ตำหนักฮุ่ยหนิงเพคะ ให้หม่อมฉัน......จัดอาหารให้ไหมเพคะ”

ฮูหยินเสิ่นขมวดคิ้ว ในใจจู่ๆก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น

เมื่อก่อนไทเฮาไม่เคยให้ฮองเฮาอยู่รับประทานอาหารด้วยกัน

ฮองเฮาก็ไม่ได้ชอบไปที่ตำหนักฮุ่ยหนิง โดยปกติแค่ทักทายถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่เคยจะอยู่นานขนาดวันนี้มาก่อน

เธอปัดป่ายมือ ไม่มีอารมณ์จะรับประทานอาหาร

เลยรออยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหลวนสองชั่วยาม พอใกล้ถึงช่วงบ่าย ฮองเฮาอู่ถึงจะกลับตำหนักเฟิ่งหลวน

ฮูหยินเสิ่นได้ยินว่าท่านกลับมา ก็รีบเดินออกมาจากด้านในไปต้อนรับ:“หม่อมฉันถวายพระพรฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ”

“น้องสาว เจ้ามาแล้ว” ฮองเฮาอู่เห็นฮูหยินเสิ่น นัยน์ตาก็สว่างขึ้นมา รีบเดินเข้าไปหาฮูหยินเสิ่นทันที แล้วพยุงฮูหยินเสิ่นขึ้น ถามด้วยความกระตือรือร้น:“เจ้ามานานแล้วหรือ ทำไมไม่บอกข้าก่อน ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าจะเข้าวังล่ะก็ ข้าคงจะกลับมานานแล้ว”

ฮูหยินเสิ่นเห็นเธอยังคงมีน้ำใจเหมือนเก่า เลยวางใจ เธอพลิกมือไปจับมือของฮองเฮาอู่แล้วพูด:“ไม่นานหรอกเพคะ หม่อมฉันก็พึ่งถึง”

ขณะที่ฮูหยินเสิ่นพูด ก็กวาดสายมองเหล่าแม่นมและหญิงรับใช้ในตำหนักเฟิ่งหลวนไปด้วย

ก็เลยไม่มีใครกล้าบอกฮองเฮาอู่ต่อหน้าฮูหยินเสิ่น ว่าฮูหยินเสิ่นมารอได้ครึ่งค่อนวันแล้ว

ทั้งสองเดินเข้าตำหนักเฟิ่งหลวน

ต่างประคองกันนั่งลง

ฮูหยินเสิ่นถาม:“ร่างกายเยี่ยเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

ใบหน้าฮองเฮาอู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม:“ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ฟื้นฟูกลับไปเหมือนแต่ก่อนแล้ว โชคดีที่มีไป๋เจาเสวี่ย”

ประโยคสุดท้าย ทำให้ฮูหยินเสิ่นขมวดคิ้ว:“ไป๋เจาเสวี่ย?”

“ใช่แล้วล่ะ นางพาคนรับใช้สองคนไปปีนหาสมุนไพรที่สันเขาอินทรีหิมะ ขนาดเยี่ยเอ๋อร์ถูกปิดโลงแล้ว นางยังพาเยี่ยเอ๋อร์กลับมาจากประตูยมโลกได้ ครั้งนี้โชคดีจริงๆที่มีนาง” ความคิดของฮองเฮาไม่ได้อ้อมค้อมอะไรมากมาย

เวลาที่เธอรู้สึกว่าคนไหนดี คนคนนั้นก็ดีที่สุด

เวลาที่เธอรู้สึกว่าคนไหนแย่ ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็ไม่เข้าตาสักนิด

ก็เหมือนกับครั้งแรกที่เจอไป๋ชิงหลิง ก็รู้สึกว่าไป๋ชิงหลิงนั้นขัดหูขัดตาเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยิ่งดูแล้วก็ยิ่งเข้าตา

แต่ฮูหยินเสิ่นนั้นรู้จักนิสัยฮองเฮาอู่เป็นอย่างดี

การชมของฮองเฮาอู่ครั้งนี้ทำให้ฮูหยินเสิ่นไม่สบายใจ แต่ก็ไม่กล้าซักถามฮองเฮา เพราะฐานะคนละชั้น

ต่อให้เธอโง่แค่ไหน แต่ก็เป็นฮองเฮาของแคว้นหรง

ฮูหยินเสิ่นเผยรอยยิ้มออกมา แล้วพูด:“ดูเหมือนก่อนหน้านี้คงจะเข้าใจนางผิดนะเพคะ”

“นั่นน่ะสิ” ฮองเฮาอู่จับมือของเธอด้วยความตื่นเต้น แล้วพูด:“มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่สนความเป็นความตายของตัวเองเช่นนาง ตอนนั้นเยี่ยเอ๋อร์กินอะไรไม่ได้เลย นางก็ใช้ปากป้อน ไม่กลัวสักนิดว่าจะถูกเยี่ยเอ๋อร์แพร่เชื้อ ข้าล่ะซาบซึ้งใจจริงๆ”

ฮูหยินเสิ่นสบถเหอะ!

ซาบซึ้ง!

เหอะ!

เช่นนั้นช่วงวัยหนุ่มสาวที่โหรวเม่ยของเธอมอบให้ล่ะ ในสายตาเธอกลายเป็นไม่มีค่าเลยสักนิด

ฮูหยินเสิ่นเห็นว่าฮองเฮาอู่ไม่ได้พูดถึงงานแต่งของหรงเยี่ยกับเสิ่นโหรวเม่ยอีก เธอเลยกำผ้าเช็ดมือแน่น:“เหนียงเหนียงกล่าวได้ถูกต้องที่สุดเพคะ ถ้าหากในจวนท่านอ๋องหรงมีนางบำเรอสูงศักดิ์คอยปรนนิบัติรับใช้ท่านอ๋อง ก็คงทำให้เม่ยเอ๋อร์เบาใจลงไม่น้อยเพคะ”

จู่ๆสีหน้าของฮองเฮาอู่ก็เปลี่ยนไป

เธอจ้องฮูหยินเสิ่นราวกับเจอผี:“นางบำเรอสูงศักดิ์?”

ฮูหยินเสิ่นอมยิ้มพยักหน้า:“ใช่สิเพคะ ไม่ใช่ว่าเหนียงเหนียงกำลังหาโอกาสเหมาะๆรับไป๋เจาเสวี่ยไว้เหรอเพคะ หม่อมฉันดูแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดี นางช่วยท่านอ๋องหรงไว้ มีคุณูปการ เหมาะในการที่จะให้เป็นนางบำเรอสูงศักดิ์นะเพคะ มีนางบำเรอเช่นนี้คอยปรนนิบัติข้างกายท่านอ๋องหรง คงทำให้พระชายาหรงในอนาคตเบาใจลงไม่น้อย”

สีหน้าของฮองเฮาอู่เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น