ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 203

องค์หญิงหลวนอี๋ที่แม่นมหยางต้องตามหา หลังจากที่รับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ก็ตามไป๋ชิงหลิงไปตำหนักจิ่งหลิวของเต๋อเฟย

ไป๋ชงเซิงกับหรงจิ่งหลินนอนอยู่ข้างๆเปลเด็ก มองเด็กสามคนที่นอนเรียงกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ

ไป๋ชิงหลิงมองไปยังองค์ชายสิบสี่ที่อายุน้อยที่สุด เขาตื่นแล้ว สายตาจ้องมาที่ไป๋ชิงหลิง ดูแล้วน่ารักน่าชังอย่างมาก

“ดวงตาขององค์ชายสิบสี่คล้ายกับพระสนมเต๋อเฟยเลยเพคะ” ไป๋ชิงหลิงพูดขึ้นมา

องค์หญิงน้อยกับองค์ชายสิบสามยิ่งหน้าตาคล้ายจักรพรรดิเหยาเข้าไปใหญ่

เต๋อเฟยกวาดสายตามองหรงจิ่งหลินที่ยืนอยู่ข้างเธอ ยิ้มตาหยีแล้วพูด:“ข้ากลับคิดว่า ดวงตาของคุณชายจิ่งคล้ายกับเจ้านะ”

“คล้ายหรือ?” องค์หญิงหลวนอี๋ที่นอนอยู่อีกฝั่งของเปลเด็ก มองมาทางไป๋ชิงหลิงและหรงจิ่งหลิน

สายตาขององค์หญิงหลวนอี๋ มองสลับกันระหว่างไป๋ชิงหลิงกับหรงจิ่งหลินไม่หยุด พบว่าคล้ายกันจริงๆด้วย

อีกอย่าง ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือน

“พระเจ้า คล้ายมากจริงๆ เมื่อก่อนข้าคิดว่าจิ่งหลินคล้ายพี่เจ็ด แต่ช่วงนี้ข้าพบว่า จิ่งหลินยิ่งนานวันก็ยิ่งคล้ายท่านพี่หญิงไป๋ ราวกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ”

ในใจไป๋ชิงหลิงเต้นอย่างบ้าคลั่ง แล้วหันไปมองหรงจิ่งหลิน คิดว่าหรงจิ่งหลินนั้นคล้ายหรงเยี่ยมากกว่า

พวกเขาทั้งสองราวกับถอดแบบกันออกมา ไม่คล้ายเธอเลยสักนิด

หรงจิ่งหลินก็ไม่ใช่เธอที่คลอดออกมาเสียหน่อย จะคล้ายเธอได้อย่างไร

“องค์หญิง ท่านล้อเล่นอีกแล้วนะเพคะ ข้าไม่โชคดีเท่าพระสนมเต๋อเฟยหรอกเพคะ ท้องนี้คลอดถึงสามคนแหน่ะ” ไป๋ชิงหลิงคิดซะว่าเต๋อเฟยกับหลวนอี๋กำลังล้อเล่น เพราะยังไงซะเรื่องของเธอกับหรงเยี่ยก็ลือกันให้ทั่ว ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่ไทเฮานั้นสร้างความกดดันออกมาต่อหน้าแล้ว ฮองเฮาก็เห็นชอบให้เธอกับหรงเยี่ยคบหากัน เรื่องดีๆของพวกเขาทั้งสองคงจะอีกไม่ไกลแล้ว

เต๋อเฟยมองความคิดของเธอออก ส่ายหน้าแล้วพูด:“ไม่ ข้าพูดจริง คุณชายจิ่งคล้ายกับเจ้ามากจริงๆ โดยเฉพาะคิ้วกับตา”

ครั้งที่แล้ว แม่นมซั่งแอบกระซิบข้างหูหรงเยี่ยบอกว่า ดวงตาของหรงจิ่งหลินคล้ายกับเธอมาก ตอนนี้เต๋อเฟยกับองค์หญิงก็บอกว่าคล้ายกันมากอีก......

หรือนี่จะเป็นลิขิตของสวรรค์

ที่ทำให้เธอต้องแต่งเข้าจวนท่านอ๋องหรง

หลังจากนั้น เต๋อเฟยมองมายังไป๋ชงเซิง แล้วพูด:“แต่ว่านะ ปากของเด็กคนนี้เหมือนกับท่านอ๋องหรงอย่างมาก”

สายตาของทุกคนย้ายจากร่างของหรงจิ่งหลินมาที่ริมฝีปากของไป๋ชงเซิง

ริมฝีปากที่บางเฉียบนั้น ตรงกลางมีกระจับที่ดูเป็นธรรมชาติ

ริมฝีปากของหรงเยี่ยนั้นจูบเธอไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง รูปปากของเขาผุดขึ้นในสมองเธออย่างรวดเร็ว

เป็นริมฝีปากที่บางเฉียบ ตรงกลางปากเป็นรูปกระจับ สีอมชมพูชุ่มชื้นเช่นกัน

เดิมทีเขาพักอยู่ที่เมืองหลวงมาห้าปี สีผิวไม่หยาบกระด้างเหมือนเหล่าทหารที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย แต่กลับขาวเนียนละเอียด ส่วนริมฝีปากนั้นก็แดงระเรื่อดูสวยมาก

จู่ๆในใจไป๋ชิงหลิงก็มีความกลัดกลุ้มอัดแน่นอยู่

ดวงตาของลูกชายที่เขาให้กำเนิดคล้ายเธอ

ริมฝีปากของลูกสาวที่เธอให้กำเนิดคล้ายเขา

นี่มันเรื่องอะไรกัน

“ก็แค่บังเอิญน่ะ” ไป๋ชิงหลิงพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เต๋อเฟยหัวเราะเบาๆ:“นี่ก็คือพรหมลิขิตไง เด็กทั้งสองก็เข้าขากันได้ดี ดีกว่าพี่น้องแท้ๆอีกนะ ข้ายังนึกอิจฉาเลย”

“พระสนมเต๋อเฟยน่าขันแล้วเพคะ หม่อมฉันต่างหากที่ต้องอิจฉาพระสนมเต๋อเฟย มีองค์ชายถึงสองคน องค์หญิงอีกหนึ่งคน” ถึงแม้ว่า อีกไม่นานเธอจะต้องมีลูกชายสอง ลูกสาวหนึ่งก็ตาม......

แต่สุดท้ายก็น่าเสียดายมิใช่หรือ?

เต๋อเฟยหัวเราะเบาๆ:“แม่นางไป๋ ข้าขอเสียมารยาทถามเจ้าหน่อยได้หรือไม่!”

“พระสนมอยากถามอะไรเพคะ?” ไป๋ชิงหลิงพูดด้วยสีหน้างงงวย

“พ่อของลูกเจ้าทั้งสองคนนั้น”

สีหน้าของไป๋ชิงหลิงเปลี่ยนไปทันที

เต๋อเฟยเห็นว่าผิดปกติ เลยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา:“ข้าปากไม่ดีเอง เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้าแค่รู้สึกว่าเด็กสองคนนั้นเหมือนฟ้าส่งมาคู่กัน ก็เหมือนกับองค์หญิงกับองค์ชายสิบสี่และองค์ชายสิห้า ฟ้าส่งมาให้กำเนิดพร้อมกัน!”

ฟ้าส่งมาให้กำเนิดพร้อมกัน......

ไป๋ชิงหลิงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองนั้นเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาแล้ว

สายตาจ้องไปที่เด็กทั้งสองคน

เด็กทั้งสองคนหน้าตาดีมาก ส่วนเอ๋อร์ซือที่อยู่แต่ในจวนนั้น รูปลักษณ์ภายนอกธรรมดา แต่อวัยวะบนใบหน้านั้นไม่มีตรงไหนคล้ายเธอเลยสักนิด

เธอไม่ได้รังเกียจที่เอ๋อร์ซือหน้าตาไม่ดี แต่จู่ๆเธอก็นึกออกอยู่ปัญหาหนึ่ง......

ไป๋จิ่นถนัดใช้อุบาย เธอแค่อ้างอิงจากรอยตำหนิบนมือของเอ๋อร์ซือเพื่อยืนยันว่าเอ๋อร์ซือเป็นลูกของเธอ เหมือนสุกเอาเผากิน

คำพูดของเต๋อเฟยกลับทำให้เธอเอะใจ

“พระสนมเต๋อเฟยเพคะ ความหวังดีของท่านหม่อมฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่า คุณชายจิ่งไม่มีทางเป็นลูกของหม่อมฉันจริงๆเพคะ แต่ต่อไปหม่อมฉันจะทำเหมือนว่าเขาเป็นลูกแท้ๆของหม่อมฉัน” ไป๋ชิงหลิงลูบหรงจิ่งหลินด้วยความอ่อนโยน

ในใจหรงจิ่งหลินถึงแม้ว่าจะรู้สึกถูกทอดทิ้ง แต่พอได้คำพูดพวกนี้จากปากของไป๋ชิงหลิง เขาก็พอใจมากแล้ว

เวลานี้ นางกำนัลของตำหนักจิ่งหลิวเข้ามารายงาน:“พระสนมเต๋อเฟย แม่นมหยางจากตำหนักเฟิ่งหลวนมาขอพบองค์หญิงหลวนอี๋และหมอหญิงไป๋เพคะ”

พอเต๋อเฟยได้ยิน ก็ยิ้มแล้วพูด:“ดูท่าฮองเฮาต้องการพบพวกเจ้าแล้ว”

“ข้าจะออกไปดูสักหน่อย ไม่รู้ว่าเสด็จแม่มีเรื่องอะไรถึงอยากจะเจอพวกเรา!” หลวนอี๋บุ่มบ่ามวิ่งออกไป

ไป๋ชิงหลิงรีบลุกขึ้น ถอนสายบัวแล้วพาเด็กสองคนเดินออกจากตำหนักจิ่งหลิวไป

เต๋อเฟยมองร่างของไป๋ชิงหลิงที่เดินไกลออกไป ริมฝีปากกระตุกยิ้มแล้วหัวเราะ นางกำนัลที่อยู่ข้างเธอก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ:“พระสนม หัวเราะอะไรหรือเพคะ?”

“ไม่รู้ว่าฟ้าลิขิตจริงๆ หรือว่ามีเรื่องอื่นที่ปกปิดไว้กันแน่ ข้ามักจะรู้สึกว่ามันแปลกๆ”

ในโลกนี้มีเรื่องบังเอิญเยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน

เด็กสองคนนั่นหน้าตาละเอียดลออเช่นนี้ ต้องเป็นคู่สามีภรรยาที่หน้าตาดีขนาดไหนถึงคลอดลูกออกมาได้หน้าตาเช่นนี้ล่ะเนี่ย

อีกฝั่ง หลวนอี๋เดินออกมาจากตำหนักจิ่งหลิว ก็มองเห็นแม่นมหยางยืนอยู่หน้าประตูตำหนัก

เธอรีบเดินเข้าไป แล้วถาม:“แม่นมหยาง”

“หม่อมฉันคารวะองค์หญิงเพคะ” หลังจากแม่นมหยางทำความเคารพ ไม่รอให้หลวนอี๋บอกให้ลุกขึ้น ก็หยิบจี้หงส์ออกมาทันที มือทั้งสองยื่นให้:“ฮองเฮาเหนียงเหนียงให้หม่อมฉันเอาจี้หงส์มาหาองค์หญิงเพคะ หวังว่าองค์หญิงจะเชิญหมอหญิงไป๋ไปพักที่ตำหนักเฟิ่งหลวนสักสองสามวัน วันนั้นเป็นวันที่พระสนมเต๋อเฟยจะจัดงานพิธีเฉลิมฉลองพอดี เกรงว่าหมอหญิงไป๋จะวิ่งเต้นทั้งในวังทั้งนอกวังจนเหนื่อยเพคะ”

“เอาสิๆ งั้นเจ้าไปเรียกท่านพี่เจ็ดมา ให้เขาไปที่ตำหนักเฟิ่งหลวน พี่สะใภ้เจ็ดจะต้องอยู่ที่ตำหนักเฟิ่งหลวนแน่” หลวนอี๋รีบเดินไปด้านหน้า พยุงแม่นมหยางขึ้น

หลังจากที่แม่นมหยางลุกขึ้นแล้ว ก็เห็นว่าไป๋ชิงหลิงจูงเด็กทั้งสองคนเดินออกมาจากด้านใน

หลวนอี๋หมุนตัวแล้ววิ่งไป กอดแขนไป๋ชิงหลิงแล้วพูด:“พี่สะใภ้เจ็ด เสด็จแม่ข้าจะให้ท่านไปพักที่ตำหนักเฟิ่งหลวนสักสองสามวัน ท่านดูสิ นางยังเอาจี้หงส์มาด้วย เห็นได้ชัดถึงความจริงใจ”

ไป๋ชิงหลิงนิ่งอึ้งไป จ้องไปที่จี้หงส์บนมือของหลวนอี๋ เงียบอยู่นาน

ตอนที่เธอออกมานั้น ไม่ได้คิดเลยจริงๆว่าฮองเฮาจะเชิญเธอไปพักที่ตำหนักเฟิ่งหลวน

นี่สำหรับเธอแล้ว แรงกดดันค่อนข้างสูงทีเดียว

แม่นมหยางมองเธอที่เงียบไม่ได้ตอบอะไรออกมา ก็เดินมาตรงหน้า:“หมอหญิงไป๋ ฮองเฮาเหนียงเหนียงเจอเรื่องลำบากน่ะเพคะ หม่อมฉันคิดว่าหมอหญิงไป๋สามารถช่วยฮองเฮาเหนียงเหนียงแก้ปัญหานี้ได้”

“เรื่องลำบาก?” ไป๋ชิงหลิงได้สติกลับมา:“ฮองเฮาเป็นอะไรหรือ?”

“คือแบบนี้นะเพคะ…...” แม่นมหยางเดินมากระซิบไม่กี่ประโยคข้างหูเธอ

ไป๋ชิงหลิงเข้าใจในทันที:“ตกลง เช่นนั้นข้าจะตามองค์หญิงไปพักสักสองสามวัน”

สำหรับไป๋ชิงหลิงแล้ว การได้รับความไว้วางใจจากฮองเฮาอู่ ไม่ใช่เรื่องดีที่ไหนกัน

ในเมื่อเป็นเรื่องดี เช่นนั้นเธอก็ต้องพยายามเอาใจแม่สามีในอนาคตคนนี้

ท่านสามารถคำนึงถึงสถานการณ์ของเธอกับหรงเยี่ยได้ในทันที ไม่ให้เธอต้องลำบากใจ เธอจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น