ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น นิยาย บท 205

เธอไปตำหนักเฟิงซีที่องค์หญิงหลวนอี๋พักอยู่ หลวนอี๋กำลังเล่าเรื่องราวในอดีตของเสิ่นโหรวเม่ยให้ไป๋ชิงหลิงฟัง ขณะที่ฮองเฮาอู่เข้ามานั้นเป็นจังหวะที่หลวนอี๋กำลังนินทาคนอื่นพอดี

หลวนอี๋ลูบจมูกตัวเองแล้วหาข้ออ้างพาเด็กสองคนหนีออกไปจากตำหนักของตนเอง เลยเหลือเพียงแค่ฮองเฮาอู่

ไป๋ชิงหลิงทำตัวไม่ถูกอย่างมาก แต่โชคดีที่ฮองเฮาอู่ในตอนนี้ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเธอเหมือนแต่ก่อน และไม่ได้ถือสากับการที่หลวนอี๋นินทาเสิ่นโหรวเม่ยลับหลังเมื่อครู่

“แม่นมหยาง เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับหมอหญิงไป๋” ฮองเฮาอู่นั่งลงตรงเตียงนุ่มที่หลวนอี๋นั่งเมื่อครู่ แล้วปัดป่ายมือ:“เจ้าก็นั่งลงสิ”

ไป๋ชิงหลิงนั่งลงที่เก้าอี้เล็กๆตรงข้ามกับเธอ

ฮองเฮาอู่ไม่อ้อมค้อม:“ที่ข้ามา เพราะอยากถามว่ามีสมุนไพรที่สามารถกำจัดรอยแผลเป็นบ้างไหม”

รอยแผลเป็น?

ไป๋ชิงหลิงนิ่งไปสักพัก หลังจากนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนี้

จู่ๆฮองเฮาอู่ก็มาถามสมุนไพรกำจัดรอยแผลเป็น คงจะหาแทนเสิ่นโหรวเม่ยล่ะมั้ง

“ฮองเฮาเหนียงเหนียง หมายถึงยาที่รักษารอยแผลเป็นด้านหลังของคุณหนูเสิ่นหรือเพคะ?” ไป๋ชิงหลิงถาม

ฮองเฮาอู่มองเธอด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะเดาถูก:“ดูท่าเยี่ยเอ๋อร์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแววตา ดีที่ฉลาดอยู่บ้าง”

ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างถ่อมตัว:“ขอบพระทัยที่เหนียงเหนียงชมเพคะ หม่อมฉันก็แค่คาดเดาเท่านั้น เหนียงเหนียงเห็นคุณหนูเสิ่นเหมือนลูกสาวแท้ๆ แน่นอนว่าทนเห็นรอยแผลเป็นบนตัวคุณหนูเสิ่นไม่ได้ แต่ว่า......”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็เปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา:“ทุกๆเดือนหม่อมฉันจะสั่งให้คนในจวนไปส่งสีผึ้งรักษารอยแผลเป็นที่จวนตระกูลเสิ่นเพคะ ถ้าคุณหนูเสิ่นใช้ตรงเวลา รอยแผลเป็นด้านหลังถึงแม้จะไม่หายอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยคงจางลงเจ็ดถึงแปดส่วนเพคะ แล้วใช้อีกครึ่งปีขึ้นไป ก็จะหายอย่างสมบูรณ์”

“อะไรนะ?” ฮองเฮาอู่อึ้งไปสักพัก เสียงดังขึ้นพอสมควร

เมื่อครู่เธอเห็นรอยแผลเป็นของเสิ่นโหรวเม่ยนั้นใหญ่มาก เหมือนว่าจะไม่ได้จางลงเจ็ดถึงแปดส่วนเลยสักนิด

ไป๋ชิงหลิงเห็นว่าสีหน้าเธอแปลกไป ในใจก็เข้าใจได้ในทันที:“ดูท่าคุณหนูเสิ่นไม่ได้ตั้งใจใช้สีผึ้งรักษารอยแผลเป็นให้ตรงเวลานะเพคะ เหนียงเหนียง หม่อมฉันจะให้เหนียงเหนียงดูหลังของหม่อมฉัน เคยได้รับบาดเจ็บจากแส้มาเหมือนกันเพคะ”

ส่วนใครเป็นคนทำนั้น เธอก็คงไม่พูดมากไปกว่านี้แล้ว

เหตุการณ์ไม่คาดคิดครั้งนั้น เป็นเพราะเธอรนหาที่ตายเอง

เธอถอดเสื้อออก แล้วหันหลังตรงที่มีรอยแผลเป็นให้ฮองเฮาอู่ได้เห็น

สายตาของฮองเฮาอู่มองไปที่รอยแผลสีขาวที่ดูจางๆข้างกระดูกไหล่ เดิมทีเธอขาวมาก ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่ออกเลย

“นี่คือ…...รอยแผลจากแส้?” ฮองเฮาอู่ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“เพคะ” ไป๋ชิงหลิงสวมเสื้อให้เรียบร้อย:“ตอนนั้นรอยแผลของหม่อมฉันหนักกว่าคุณหนูเสิ่นอีกเพคะ แถมยังกว้างมากอีกด้วย”

“แล้วเจ้าใช้สีผึ้งรักษารอยแผลเป็นของเจ้าเองจนมันจางลงงั้นหรือ?” ฮองเฮาอู่ยังคงถามเพราะมีข้อสงสัย

ไป๋ชิงหลิงรู้ดี ท่านไม่เชื่อว่าหลังของเธอนั้นคือรอยแผลจากแส้

เธอก้มหน้าลง พูดด้วยใบหน้าเหนียมอาย:“เพคะ จะว่าไปที่หม่อมฉันได้แผลจากแส้นี้มาก็เพราะหม่อมฉันยุ่งไม่เข้าเรื่องเองเพคะ ตอนนั้นสาเหตุเพราะคุณชายจิ่ง หม่อมฉันเลยถูกท่านอ๋องหรงเฆี่ยนด้วยแส้”

“นี่เขากล้าเฆี่ยนเจ้า!” สีหน้าฮองเฮาอู่เปลี่ยนไปทันที

“เป็นเรื่องที่ผ่านมาหลายเดือนแล้วเพคะ ไม่จำเป็นต้องพูดขึ้นมาอีก” ไป๋ชิงหลิงพูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าฮองเฮาอู่ไม่เชื่อ สามารถไปถามจิ่งหลินได้ เท่านี้ก็รู้แล้วว่าเธอได้รับบาดเจ็บจากแส้มาจริงๆ

เธอหยิบยาทาหนึ่งขวดจากกลางอากาศ แล้วส่งให้ฮองเฮาอู่:“นี่ก็คือสีผึ้งรักษารอยแผลเป็นเพคะ ต้องใช้ติดต่อกันถึงจะเห็นผล”

ฮองเฮาอู่รับยาไป ในใจเกิดสงสัยในตัวเสิ่นโหรวเม่ย

ทั้งๆที่ในมือเธอมียาลบรอยแผลเป็น แต่ทำไมถึงไม่เอามาใช้?

ฮองเฮาอู่เดินออกจากตำหนักเฟิงซีด้วยความหนักใจ เห็นว่าหรงจิ่งหลินกับไป๋ชงเซิงกำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี

เธอเลยตั้งใจเดินมาตรงหน้าเด็กทั้งสองคน......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น