ฮองเฮาอู่รู้สึกละอายใจอีกครั้ง
จากนั้นมือของนางก็ค่อยๆ หดกลับ
หรงเยี่ยยืนอยู่ตรงหน้านาง มองลงมาจากนั้นก็ก้มลงกอดไป๋ชงเซิง
ฮองเฮาอู่เงยหน้าขึ้น หลวนอี๋รีบดึงฮองเฮาอู่ขึ้นจากพื้นแล้วพูดว่า “เสด็จแม่ ใจเย็นๆ จิตใจเด็กใสสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด เมื่อนางชอบท่าน นางจะต้องชอบท่านอย่างแท้จริง ยามนั้นจะไม่มีการเสแสร้ง จะทำให้ท่านมีความสุขแน่”
ฮองเฮาอู่ลุกขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ไป๋ชงเซิงก็นึกสงสารขึ้นมา เขาทนไม่ได้
“ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากท่านอยากให้ข้าเรียกท่านว่าเสด็จย่า” ไป๋ชงเซิงกล่าว “ในอนาคตท่านต้องปฏิบัติต่อท่านแม่ให้ดีกว่านี้ ท่านต้องไม่เข้าช่วยคนไม่ดีทำร้ายท่านแม่ หากท่านปฏิบัติต่อท่านแม่ของข้าอย่างดี ข้าก็จะบอกให้ท่านแม่ดีต่อท่านเช่นกัน ให้ท่านแม่ช่วยท่านจัดการกับคนไม่ดี”
แม่นมหยางชำเลืองมองฮองเฮาอู่ จากนั้นจึงเม้มปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหนียงเหนียง นางเป็นเด็กดีอะไรเช่นนี้ การแยกแยะถูกผิดได้นับเป็นเรื่องดี”
ฮองเฮาอู่ได้ยินคำพูดของแม่นมหยาง นางจึงค่อยๆ เผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้ายอมรับนางแล้ว ข้าย่อมปฏิบัติต่อนางดีขึ้นเป็นร้อยเท่า”
“ท่านอ๋องหรง ท่านช่วยเข้ามาใกล้ฮองเฮาเหนียงเหนียงอีกนิด” ไป๋ชงเซิงพูดด้วยใบหน้าลึกลับ
หรงเยี่ยชำเลืองมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูนุ่มนวลขึ้น เขาก้าวเข้าไปใกล้ฮองเฮาอู่มากขึ้น
ในเวลานี้ไป๋ชงเซิงก็หยิบขนมออกมาจากใต้แขนเสื้อแล้วยัดเข้าไปในปากของฮองเฮาอู่อย่างรวดเร็วโดยไม่ให้คนได้ตั้งตัว
ฮองเฮาอู่ตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่นางจะได้ตอบสนอง ไป๋ชงเซิงก็หรี่ตาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เห็นแก่ท่านที่เอ็นดูท่านแม่ของข้า ขนมชิ้นสุดท้ายนี้ข้าขอมอบให้ท่าน ให้ท่านกิน อร่อยไหม?”
เอ่อ...
ทั้งร่างฮองเฮาอู่แข็งค้างราวถูกฟ้าผ่า
หากนางอยากกินขนม เพียงบอกออกไปนางก็ได้รับมามากมาย แต่ไม่มีใครป้อนขนมให้นางเหมือนไป๋ชงเซิง และไม่เคยมีใครถามนางว่าอร่อยไหม...
ประโยคว่าอร่อยไหม สื่อให้เห็นถึงความเศร้าของนางที่ต้องอยู่ในวังหลัง มันทั้งเจ็บปวดและโศกเศร้า
ดวงตานางเปลี่ยนเป็นสีแดง นางเบิกตากว้าง จ้องมองไป๋ชงเซิงอย่างเฉื่อยชา แล้วพูดว่า “หวานมาก”
“ขนมนี้หวาน ถ้ากินน้ำตาลตอนไม่มีความสุข ท่านจะลืมความทุกข์ไปเลย ถ้ากินน้ำตาลตอนมีความสุข ท่านจะมีความสุขมากขึ้นนะเสด็จย่า...”
ไป๋ชงเซิงเรียกนางอย่างไพเราะ
คำเรียกนางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้ฮองเฮาอู่ตกตะลึงเป็นเวลานานก่อนที่นางจะมีการตอบสนอง
หลวนอี๋จับมือฮองเฮาอู่อย่างตื่นเต้นพร้อมพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เสด็จแม่ เซิงเอ๋อร์เรียกท่านว่าเสด็จย่าแล้ว ท่านรีบตอบรับเร็วเข้า”
ฮองเฮาอู่มองหลวนอี๋ด้วยความสับสน จากนั้นจึงมองแม่นมหยาง สุดท้ายก็หันมองหรงเยี่ย
นางไม่รู้จะตอบอย่างไร
ไป๋ชงเซิงเรียกนางว่าเสด็จย่า นางตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่หรงจิ่งหลินเรียกนางว่าเสด็จย่าเป็นครั้งแรกเสียอีก
นางเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าโตแล้ว แม่ เสด็จพ่อและเสด็จย่าของเจ้าต่างก็หวังว่าเจ้าจะแต่งภรรยาและมีลูก ยามนี้เจ้าพบคนที่รอคอยแล้ว เป็นเช่นนี้ดีมากจริงๆ เด็กคนนี้ช่างถูกใจแม่ยิ่งนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...