เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ทำลายแผนการของเธอ
นังคนสารเลว! !
บัดเสิ่นโหรวเม่ยจากไปแล้ว ฮูหยินเสิ่นก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไม เธอคำนับฮองเฮาอู่อย่างเย็นชาและถอยกลับไป
หลังจากที่ฮูหยินเสิ่นออกไป ฮองเฮาอู่ก็แทบไม่มีแรงแม้จะกลับและล้มไปด้านหลัง พี่เลี้ยงหยางพยุงเธอและพูดว่า "ฮองเฮา ต้องดูแลพระวรกายด้วยนะพะยะค่ะ"
ฮองเฮาอู่มองไปที่หรงเยี่ย ด้วยความรู้สึกผิดบนใบหน้าของเธอ: "เยี่ยเอ๋อร์ เป็นแม่เองที่ทำผิดอีกแล้ว และแม่ก็ทำผิดอีกครั้งแล้ว แม่ไม่หน้าพาเธอไปที่ตำหนักเฟิ่งหลวนเลย ไม่น่าเลย! มิหนำซ้ำยังให้เธอและหรงเชินทำความเสื่อมเสียแกวังของพี่สาว "
หรงเยี่ยหันหน้าหนี ขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไร
ฮองเฮาอู่เห็นเขาไม่สบายใจ ในใจของเธอก็รู้สึกอึดอัดมาก
พอเธอหันมองไปข้างหลัง ก็พบว่าหรงเชินไม่ได้อยู่ที่นั่น
“อ๋องเฉินอยู่ที่ไหน รีบหาอ๋องเฉินเร็วเข้า”
“ไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการเห็นเขา" หรงเยี่ยจับมือของไป๋ชิงหลิง: "ข้าจะพาลูกออกไปนอกวัง ท่านพักผ่อนเถอะ"
หลังจากพูดจบ หรงเยี่ยก็จับมือไป๋ชิงหลิง ตรงไปที่ตำหนักเฟิ่งหลวนและพาเด็กทั้งสองออกไป
เมื่อเห็นร่างที่ไม่แยแสของเขา ฮองเฮาอู่รู้สึกปวดใจยิ่งนัก: ข้ายังสู้พี่ไม่ได้ ถ้าพี่ยังมีชีวิตอยู่ คงไม่ปล่อยให้พี่เจ็ดทำเช่นนี้แน่ "
เสด็จแม่ ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” องค์หญิงหลวนอี๋พูดพรางพยุงอีกด้านหนึ่งของฮองเฮาอู่: “เขาพาท่านพี่หญิงไป๋มาเพื่อช่วยท่าน”
“ช่วยข้างั้นหรือ?" ฮองเฮาอู่หันกลับมามองเธอด้วยความตกใจ
องค์หญิงหลวนอี๋พูดด้วยความโกรธ: "ท่านบอกว่าในฐานะฮองเฮา ถูกภรรยาในราชวงศ์รังแกจนกลายเป็นแบบนี้ และเขายังข่มขู่ท่านได้ นั่นเป็นเพราะอะไรกันเล่า?"
“เพราะอะไร?”
“ก็เพราะเสด็จแม่ไม่มีสมองไงละเพค่ะ”
“นี่ยันเด็กคนนี้...” ฮองเฮาอู่ยกมือขึ้นจะตบหลวนอี๋ แต่หลวนอี๋กุมศีรษะแล้วพูดว่า “เขารู้ว่าเสด็จแม่ใจดี เขาจึงพาท่านพี่หญิงไป๋มาที่นี่ เพื่อจัดการกับแม่ลูกตระกูลเสิ่นแทนท่านไงละเพค่ะ”
ฮองเฮาอู่หยุดชะงักไป และรู้สึกว่างเปล่าไปพักหนึ่ง...
เธอมองกลับไปที่ร่างของไป๋ชิงหลิงและหรงเยี่ย และค่อยๆเก็บมืออย่างช้าๆ แล้วพูดว่า “ไปที่ตำหนักเฉียนชิง”
องค์หญิงหลวนอี๋เดินตามหลังและพูดว่า “ข้าไปด้วยนะเพค่ะ จะปรึกษาเรื่องการแต่งงานกับพี่เจ็ดและท่านพี่หญิงไป๋ใช่ไหมเพค่ะ”
“เจ้าหยุดเดาเล่นได้แล้ว” ฮองเฮาอู่จับจ้องมาที่เธอ จากนั้นดึงหลวนอี๋ไปข้างๆ
หลวนอี๋มองลงไปที่มือของฮองเฮาอู่ เธอจำได้ว่าเป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้ใกล้ชิดกับฮองเฮาอู่เช่นนี้...
ณ ประตูวัง!
ชิงหลิงหยุดอยู่ด้านนอกรถม้า และจับมือไป๋ชงเซิง เธอเงยหน้าขึ้นมองชายที่กระโดดเข้าไปในรถม้า
เขาเอื้อมมือมาหาเธอและพูดว่า "ขึ้นมาสิ"
ข้าว่าข้าไม่ขึ้นไปจะดีกว่า” ไป๋ชิงหลิงยิ้มอย่างงุนงงกับตัวเอง
ตอนนี้เธอไม่มีชื่อหรือมีส่วนร่วมกับเขา มันดูแปลกมากถ้าจะออกไปกับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...