เขานึกถึงสิ่งที่ไป๋ชิงหลิงบอกกับเขายามเขาออกมา นางให้เซิงเอ๋อร์บอกลาเขา
เขาไม่เคยเห็นนางร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย
นางต้องรู้เป็นแน่ว่ามีหญิงผู้หนึ่งอยู่ข้างกายเสด็จพ่อ ดังนั้นนางจึงออกจากเมืองหลวงไปอย่างเศร้าสร้อยและจะไม่กลับมาอีก
หรงจิ่งหลินน้ำตาไหลทันที “ท่านแม่ถูกเต๋อเฟยเรียกตัวเข้าวังแต่เช้า ยามนางออกมา นางกอดลูกและบอกว่ากำลังจะจากไป บอกให้เซิงเอ๋อร์บอกลาข้า ท่านแม่คงทราบเรื่องหญิงนางนั้นในยามเข้าวังจึงจากไปโดยการเดินทางไปยังอำเภอหลินอันเพื่อช่วยเหลือคน เสด็จพ่อ...ท่านทำให้ท่านแม่โกรธแล้ว นางจะไม่กลับมาอีก นางไม่ต้องการข้าแล้ว...ฮือ...”
หรงจิ่งหลินตัวสั่นขณะที่เขาร้องไห้ ใบหน้าเขาแดงก่ำ
เขายกมือขึ้น จ้องไปยังเชือกแดงที่ข้อมือ แล้วร้องไห้หนักกว่าเก่า
“นี่คือสิ่งที่เซิงเอ๋อร์มอบให้ข้า มันเป็นเชือกมงคลที่ท่านแม่ขอพรให้กับนาง นางยังทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ข้าด้วย...” เขาพูดประโยคสั้นๆ
หรงเยี่ยรู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขากำลังจะระเบิด เขายัดเด็กน้อยใส่ในอ้อมแขนอิงเหลียน “พาซื่อจื่อน้อยกลับจวน อีกไม่นานประตูจวนอ๋องจะปิดลง ห้ามบุคคลภายนอกเข้าใกล้ซื่อจื่อน้อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากปล่อยหรงจิ่งหลิน เขาก็เดินจากไป แต่หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว หรงจิ่งหลินก็หยุดเขา “เสด็จพ่อ...”
หรงเยี่ยหยุดแล้วหันกลับมามองเขาพร้อมพูดว่า “ข้าจะพานางกลับมา”
“เสด็จย่าทวดขอให้ท่านสมรสกับหญิงผู้นั้น ท่านจะสมรสกับนางไหม?” หรงจิ่งหลินถามด้วยเสียงแหบแห้ง “หากท่านต้องสมรสกับหญิงอื่น ก็อย่าไปตามหาท่านแม่เลย ลูกมองออกว่าท่านแม่รักท่านมาก ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อดึงท่านออกจากโลงศพน้ำแข็ง เสด็จพ่ออย่าทำร้ายนาง”
ลำคอหรงเยี่ยราวกับถูกหินก้อนใหญ่กดทับ เขากำมือแน่น พูดทั้งที่ยังกัดฟันว่า “ชีวิตนี้ข้าจะสมรสกับนางเท่านั้น เจ้าก็จะมีนางเป็นแม่เพียงผู้เดียว”
เขาจะทำให้แม่และลูกของพวกเขากลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง
จะไม่ทำให้ใจนางต้องผิดหวัง
เขาหันหลังกลับ รีบออกจากวังหลวง มุ่งหน้าไปทางทิศประจิมเพื่อไปหาทีมช่วยเหลือ...
เขาใช้เวลาเพียงวันเดียวในการไล่ตามกองทัพที่นำโดยเสิ่นหรูเหลียน เมื่อฝ่าฝูงคนเข้าไป เขาชำเลืองมองหมอหญิงในชุดขาว
อย่างไรก็ตามหลังจากค้นหาตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับไม่พบร่างของไป๋ชิงหลิง เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ จากนั้นจึงตรงไปหาเสิ่นหรูเหลียน
ทีมที่มุ่งหน้าไปยังอำเภอหลินอันหยุดลงเนื่องจากการมาถึงของหรงเยี่ย
ทหารและเจ้าหน้าที่บนหลังม้ารีบลงจากหลังม้าเข้าหาเพื่อเข้าเคารพท่านอ๋อง ส่วนคนอื่นๆ ก็ทำความเคารพอยู่กับที่
เสิ่นหรูเหลียนกระชับสายบังเหียนและเข้ามาโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง”
“หมอไป๋อยู่ไหน?”
“แม่นางไป๋ ติ้งเป่ยโหว หมอหลวงฮั่วและคนอื่นๆ ไปตามเส้นทางขึ้นเขา” เเสิ่นหรูเหลียนกล่าวต่อ
ใบหน้าหรงเยี่ยมืดมน เขากำแส้แน่นแล้วถามว่า “ไปภูเขาลูกไหน ไปตั้งแต่เมื่อใด นางกำลังไปที่ใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...