หรงเยี่ยลดสายตาของเขาลง มองผ้าเช็ดหน้าของไป๋ชิงหลิงในมือของเขา จากนั้นกล่าวออกมาว่า “จับตาดูหมอหลวงฮั่วและหมอหลวงจ้าวเอาไว้ รวมถึงคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาอยู่ข้างกายเขา”
อิงกุยตะลึงงัน รู้สึกแปลกใจกับคำพูดถัดมาของหรงเยี่ย “นายท่านคิดว่าหมอหญิงไป๋จะเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างนั้นหรือ?”
“อ่า!” หรงเยี่ยมองตาเขา “เจ้ามีความชำนาญในวิชาเปลี่ยนรูปร่าง เจ้าน่าจะรู้ถึงวิธีการตามหานางดีที่สุด!”
“ขอรับ!” อิงกุยลุกขึ้นยืน กระโดดออกหายเข้าไปในป่าชั่วพริบตา
หรงเยี่ยยกผ้าเช็ดหน้าในมือของเขาขึ้นมา ใบหน้าอันหล่อเหลากระตุกเล็กน้อย แอบคิดในใจว่า “ไป๋ชิงหลิง เจ้าจะหนีไปเพื่ออะไร ข้าไม่เคยบอกว่าข้าไม่ต้องการเจ้า และไม่เคยบอกว่าต้องการผู้อื่นเป็นภรรยา แค่เจ้าไม่เคยเชื่อข้าเท่านั้น......”
เมื่อนึกถึงห้าปีที่ผ่านมา นางพาลูกของเขาอีกคนตะลอนไปทั่วใต้หล้า
หัวใจของเขาก็เจ็บปวดราวกับถูกศรนับพันทิ่มแทง หากบอกว่าไม่เสียใจก็คงเป็นเรื่องโกหก
ในเวลานั้น มีเสียงสุนัขดังขึ้นมาจากด้านในของป่า
ทหารเกราะเงินที่อยู่ด้านหลังกล่าวออกมาว่า “ท่านอ๋องหรง คือซื่อจื่อน้อย”
เมื่อเสียงของทหารเกราะเงินเงียบลง เสียงของหรงจิ่งหลินก็ดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง “เสด็จพ่อ......”
หรงเยี่ยหันไปมองในทิศทางดังกล่าว อิงเหลียน อิงอู๋ อิงซาพาหรงจิ่งหลินและหมอเทวดาซูเข้ามาด้วยการนำทางของเสวี่ยหลาง
ในตอนที่เสวี่ยหลางเห็นหรงเยี่ย มันกระโดดขึ้นไปมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็กระโดดเข้ามาตรงแทบเท้าของหรงเยี่ย ส่วนอิงซาก็มาถึงพร้อมกับพร้อมกับหรงจิ่งหลินที่อยู่บนหลังของเขา
อิงเหลียนและอิงอู๋มาถึงเป็นที่สุดท้าย พร้อมกับอุ้มหมอเทวดาซูที่แทบหมดลมหายใจไว้
หรงจิ่งหลินกางแขนทั้งสองข้างของเขาออก จากนั้นตะโกนออกมาว่า “เสด็จพ่อ”
หรงเยี่ยยื่นมือออกไปรับหรงจิ่งหลินมาจากด้านหลัง ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้ามาได้อย่างไร?”
“ข้ากลัวว่าท่านจะตามหาท่านแม่ไม่พบ” มือทั้งสองข้างกอดคอของหรงเยี่ยไว้ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซบไปที่หัวไหล่ของหรงเยี่ย กล่าวออกมาด้วยดวงตาสีแดง “ข้าอยู่ในจวนอ๋อง เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ก่อนที่จะออกมาข้าได้ถามอาการของข้ากับหมอเทวดาซูเป็นอันเรียบร้อย หมอเทวดาซูกล่าวว่าหากตามหาท่านแม่พบจะทำให้ข้าอารมณ์ดีขึ้น ขอแค่กินยาตามเวลา สุขภาพของข้าก็จะดีขึ้นเอง เสด็จพ่อ ท่านตามหาท่านแม่พบแล้วหรือไม่?”
หรงเยี่ยหายใจติดขัด เขาวางฝ่ามือลงบนหลังของหรงจิ่งหลิน ลูบหลังหรงจิ่งหลินอย่างอ่อนโยนและกล่าวออกมาว่า “ใกล้แล้ว”
“เช่นนั้นก็แปลว่ายังหาไม่พบ” หรงจิ่งหลินเงยหน้าขึ้นมองเขาในทันใด “ใช่หรือไม่?”
หรงเยี่ยมองแววตาที่กลายเป็นสีแดงของเขา ทำให้นึกถึงแววตาของไป๋ชิงหลิงในตอนที่นางร้องไห้ แววตาทั้งสองข้างของเขาจึงกลายเป็นสีแดงอย่างไม่รู้ตัว
เขาโอบกอดลูกชายไว้ในอ้อมแขนด้วยความสงสาร ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้ตาและกล่าวว่า “ได้เบาะแสของนางมาแล้ว อีกไม่นานก็จะหานางพบ”
“เสด็จพ่อ พวกเราไปที่หุบเขาเซียนไหลกันเถอะ” ในตอนที่หรงจิ่งหลินเดินทางมา เขาได้ไตร่ตรองทุกอย่างไว้แล้ว เขาอยากจะไปดูที่หุบเขาเซียนไหล ไม่แน่ว่าแม่ของเขาอาจจะกลับไปที่นั่น
และไม่ใช่ว่าหรงเยี่ยไม่เคยนึกถึงหุบเขาเซียนไหล แต่หุบเขาเซียนไหล นั้นเต็มไปด้วยกับดัก เขาส่งองครักษ์อินทรีดำไปตามหา แต่ก็ไม่อาจทำได้แม้แต่แตะประตู แน่นอนว่ามันไม่อาจเข้าไปด้านในได้......
หรงจิ่งหลินเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรก็รู้ถึงสถานการณ์ของเขาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ไป๋ชิงหลิง บุปผาพิษลิขิตแค้น
จากขทที่ 907ข้ามมาบทที่ 987 เลยเหรอคะหายไป 80บท...แอดขาตามกลับมาให้หน่อยค่าาาาา😅😢😘...
จักรพรรดิตายแล้วค่อยมีกำลังใจอ่านหน่อยอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องหัวเสียกับตาแก่งี่เง่าคนนี้อีก......
เรื่องนี้ทำพี่น้ำตาท่วมบ้าน...สามีบอกว่าถ้ามันโศกมันเศร้านักก็เลิกอ่านเหอะ...ไม่ได้สิตามมาขนาดนี้แล้วเอาให้สุดแล้วหยุดที่กระดาษทิชชู่...
อยากรู้ว่าพระเอกและนางเอกจะรู้ความจริงตอนไหนว่าเป็นครบครัวเดียวกันและจิ่นหลินคือลูกอีกคน ช่วยสปอยหน่อยค่ะ...
นางเอกเรื่องนี้เก่ง..แต่อ่อนแอและงี่เง่า..หลายครั้งที่อ่านไปถอนหายใจไป...
อัพต่อนะคะ..กำลังสนุกเลยค่ะ...
บทที่614-623เนื้อหาไม่ครบมีแค่5-6บรรทัดอ่านไม่รู้เรื่องเดาทางไมาถูกเลย...
บทที่594-602สั้นมากค่ะ...
ตอน 460 โอ้โหวว หนักหน่วงมาก ตั้งแต่แมวตาย หลังจากนั้นคนที่นางเอกรักตายเป็นใบไม้ร่วงเลย แต่คนล่าสุดเนี่ย ได้ไงวะ รับไม่ได้อย่างแรง😭 ชีวิตนางเอกบัดซบมาก คนธรรมดาที่ไหนจะทนได้วะเนี่ย เป็นคนปกติป่านนี้เป็นบ้าตายไปแล้ว ว่าแต่อีจักรพรรดิจะเลิกประสาทแดกได้ตอนไหน🤬🤬...
อยากผ่าสมองอ๋องเฉินออกมาดูว่าข้างในมันมีมันสมองอยู่จริงๆรึเปล่า...อะไรจะมึนและง่าวได้ขนาดนี้...